“พงษ์เทพ” ชี้ทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มาก่อนนั่งเก้าอี้นายกฯ ขณะที่ทีมทนาย ชี้ คตส.เร่งส่งฟ้องเพราะใกล้หมดอายุ เลยโยนกองให้อัยการสูงสุด
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าว ก่อนเดินทางร่วมคณะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปประเทศอินโดนีเซีย ในวันนี้ (27 พ.ค.) เพื่อร่วมประชุมการลงทุนในภูมิภาค กรณี คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีมติอายัดทรัพย์สินกว่า 76,000 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนส่งให้ อัยการสูงสุด สั่งฟ้อง ว่า ทรัพย์สินดังกล่าว เป็นทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีมาก่อนเข้าดำรงตำแหน่งทางเมือง ไม่ใช่ทรัพย์สินที่มีขึ้นหลังจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมพิสูจน์เรื่องดังกล่าวในชั้นศาลเพื่อให้ทุกฝ่ายทราบความจริง
"มันทรัพย์สินแต่เดิมที่มีอยู่ ต่อมามีการโอนอะไรกัน ก็ทรัพย์สินก้อนเดียวกัน ในส่วนเฉพาะที่เกี่ยวกับลูกท่าน ไม่ใช่หุ้นใหม่ ไม่ได้เป็นการหาหุ้นใหม่อะไร" โฆษกส่วนตัวอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าว
โฆษกส่วนตัวอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อถึงการลงทุนโครงการโมเดิร์น ซิตี้ ที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา ว่า ไม่ใช่การลงทุนของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเพียงผู้เชิญชวนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุน เพราะเชื่อว่าจะได้ประโยชน์กับประเทศไทย
ด้านนายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสน์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณีที่ คตส. มีมติส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ฟ้องยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ทีมทนายความ คาดการณ์ไว้แล้วต้องออกมาในลักษณะนี้ เนื่องจาก คตส. เหลืออายุการทำงานอีกเพียง 1 เดือนหากไม่เร่งดำเนินการคำสั่งอายัดทรัพย์ ก็จะหมดไปตามวาระด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหุ้นตั้งแต่ก่อนเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมือง พร้อมระบุ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่รู้สึกกังวลและได้กำชับทีมทนายความ ให้เตรียมพยานหลักฐานเอกสารไว้ต่อสู้ในชั้นศาล และเมื่อถึงขั้นตอนนั้น อาจต้องขอให้ศาลใช้อำนาจในการเรียกเอกสารเพิ่มเติม
นอกจากนี้ นายฉัตรทิพย์ ยังระบุว่า การทำงานของ คตส. มีลักษณะเคลือบแคลงในการตั้งข้อกล่าวหา ซึ่งไม่มีหลักฐานชัดเจน เป็นเพียงการตั้งข้อสันนิษฐานเท่านั้น รวมทั้ง การที่ทนายความอ้างพยานจำนวนหลายปาก ก็ไม่ได้รับความเห็นชอบ จาก คตส. ด้วย