ที่มา thaifreenews
โดย...ธนโชติ วงศ์จันทร์ชมภู
ชมรมคนรักประชาธิปไตย หัวใจสีแดง
จังหวัดหนองบัวลำภู
"รัฐบาลนี้กลัวความจริงและคุกคามแทรกแซงสื่อ"
@@@@@@@@@@@@
"นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่าไม่มีใครกล้าให้ออกสื่อเพราะ รัฐบาลนี้กลัวความจริง ใจแคบและขี้ตกใจ ว่า รัฐบาลนี้ไม่เคยกลัวความจริง พร้อมที่จะเผชิญข้อเท็จจริงทุกเรื่องตลอดเวลา แต่คนที่กลัวความจริง คือ คนที่ไม่กล้าพิสูจน์ตัวเองกับศาล เมื่อถูกตัดสินให้จำคุกจากการใช้อำนาจหน้าที่ก็เป็นนักโทษหนีคุก ร่อนเรพเนจรในต่างประเทศ และไม่กล้าที่จะกลับมาพิสูจน์ข้อเท็จจริง จึงอยากถามว่า ใครกันแน่ที่มีพฤติกรรมกลัวความจริงใจแคบขี้ตกใจพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนที่พูดเอาแต่ได้ ลืมไปว่าตัวเองมีสถานะเป็นนักโทษหลบหนีคดี ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า รัฐบาลแทรกแซงสื่อหนักกว่ายุคสมัยของตนเองนั้น อยากเรียนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าใจว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยแทรกแซงสื่อ ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม ไม่เคยมีพฤติกรรมเข้าควบคุม หรือเทกโอเวอร์สื่อ แต่ในยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ มีการแทรกแซงสื่อ โดยใช้เงินซื้อโฆษณาเป็นเหยื่อล่อ หากสื่อสำนักใดควบคุมไม่ได้ ก็สั่งคนของตัวเองไปซื้อหุ้น หรือกิจการของสำนักพิมพ์ หรือสื่อมวลชนคนใดไม่ยอมเป็นพวก ก็ให้ ปปง.และกรมสรรพกร เข้าไปตรวจสอบภาษีและบัญชีเงินฝากดังเช่นที่เคยเกิดมาแล้ว ถือเป็นยุคมืดของวงการสื่อสารมวลชนไทย ที่มีการคุกคามสื่อมวลชนที่รุนแรงที่สุด" (นสพ.ไทยรัฐ ฉบับที่ 18878 ประจำวันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2552 หน้าที่ 16 หัวข้อ "ตอก" ทักษิณไม่กล้าพิสูจน์ความจริง")
เมื่อผู้เขียนได้อ่านคำให้สัมภาษณ์ของ โฆษกฯ ผู้ปากกล้าปากเก่งคนนี้แล้ว ก็รู้สึกเข็ดเขี้ยวอดใจที่จะเขียนถึงไม่ได้ กล้าพูดออกมาได้อย่างไรว่า "รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยกลัวความจริง พร้อมที่จะเผชิญข้อเท็จจริงทุกเรื่องตลอดเวลา" คำพูดกับพฤติกรรมการกระทำของ"รัฐบาลชุดนี้" โดยเฉพาะ "พรรคประชาธิปัตย์" มักเป็นอะไรที่สวนทางกับความจริงเสมอ
ท่านผู้อ่านคงยังจำได้กับเหตุการณ์ในรัฐสภา เมื่อคราวที่ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง อภิปรายในสภาโดยได้ขออนุญาตท่านประธานฯ เพื่อนำคลิปเสียงของ"นายกอภิสิทธิ์" พูดสั่งการให้เกิดการใช้ความรุนแรงในการปราบปรามประชาชน และการสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ช่องของคนเสื้อแดงในช่วง"สงกรานต์เลือด" ไปเปิดในสภาเมื่อได้ตั้งกระทู้ถาม ปรากฎว่า พวก สส.ประชาธิปัตย์โดยเฉพาะ"บรรดา ขุนพลสอพลอ"ทั้งหลาย ต่างกีดกันสุดลิ้มทิ่มประตู ไม่ยอมให้ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม นำคลิปเสียงไปเปิดในสภา สส.เหล่านั้นทั้งดิ้นทั้งเต้น ลุกลี้ลุกลน ประท้วงกันอุดตลุด ปากสั่นคอสั่น "แสดงพฤติกรรมกลัวความจริง" จนประชาชนที่ดูแล้วเขา"เชื่อโดยปราศจากข้อสงสัย" ว่าคลิปเสียงนั้นเป็นจริงหนักเข้าไปอีก และก่อนหน้าที่จะมีการเปิดอภิปรายที่รัฐสภา ทันทีที่คลิปเสียงนี้ออกเผยแพร่ ไพร่พลของประชาธิปัตย์ ก็แสดงอาการหวาดกลัวคลิปเสียงนี้อย่างเห็นได้ชัด ตอบโต้โวยวายกันทั่วหน้า ทั้งขู่จะปิดเว็บไซต์ ขู่จะปิดสถานีวิทยุ ขู่จะดำเนินคดีตามกฎหมายหากใครนำคลิปเสียงนั้นออกเผยแพร่ สาเหตุที่พวกพลพรรคของรัฐบาลดิ้นกัน
พล่าน ๆ นั้น เพราะอะไรถ้ามิใช่เพราะ"กลัวความจริง" กลัวประชาชนจะรับรู้ความจริงว่า เสียงที่พูดในคลิปนั้นเป็นเสียงของ นายกอภิสิทธ์ จริง การแสดงพฤติกรรมดังที่กล่าวมา จะเรียกว่าอะไรถ้าไม่เรียกว่า "พฤติกรรมกลัวความจริง"
ความจริงอีกอย่างหนึ่งที่รัฐบาลชุดนี้ กลัวมากที่สุดในเวลานี้ก็คือ "กลัวการเลือกตั้ง" กลัวว่าประชาชนส่วนใหญ่จะไม่เลือกพรรคตน
ยิ่งมาเห็นผลการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.สกลนคร และ จ.ศรีสะเกษ ที่ประชาชนสอนมวยพวก"เนรคุณ" ยิ่งกลัวหนักเข้าไปอีก จนนายอภิสิทธิ์ ไม่กล้าที่จะยุบสภา ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์บีบครั้น ทุกด้าน และการบริหารงานห่วยแตก นั้นเพราะ "กลัวจะรับกับความจริงในผลการเลือกตั้ง" ไม่ได้นั้นเอง
ส่วนข้อที่โฆษกสอพลอบอกว่า "คนที่ไม่กล้าพิสูจน์ตัวเองกับศาล เมื่อถูกตัดสินให้จำคุกจากการใช้อำนาจหน้าที่ก็เป็นนักโทษหนีคุก...จึงอยากถามว่าใครกันแน่ที่กลัวความจริง นี่แหละคือ นิสัยซึ่งนิยมพูดแบบ "เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น" ประชาชนเขารับรู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 "เผด็จการทหาร" ที่เรียกว่า คมช.ได้เข้าควบคุมกระบวนการยุติธรรมทุกอย่าง เพื่อทำลายล้าง"ระบอบทักษิณ" ไม่ว่าจะเป็นการออกกฏหมาย และจัดทำ"รัฐธรรม"ขึ้นใหม่ แล้วยังแต่งตั้งเครือข่ายของตนไปดำรงตำแหน่งในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะ คตส.,กกต.,ปปช.,ตุลาการ ของศาลต่าง ๆ และทุกคนที่เข้าไปอยู่ในกระบวนการเหล่านั้น ล้วนแต่เป็น"ปฎิปักษ์"กับ พ.ต.ท.ทักษิณทั้งนั้น แล้วมาพิจารณาว่าความตัดสินคดี "พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ" อย่างนี้ความ"ยุติธรรม" ยังจะเหลืออยู่หรือ ความจริงข้อนี้คุณโฆษกปากสอพลอทำไมไม่พูดถึง
อีกประเด็นหนึ่งที่ท่านโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคฯ บอกว่า "รัฐบาลนี้ไม่เคยแทรกแซงสื่อ ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม ไม่เคยมีพฤติกรรมเข้าควบคุมสื่อ" ประเด็นนี้มีส่วนถูกอยู่บ้างครึ่งหนึ่ง หมายความว่า ก็ในเมื่อ "สื่อกระแสหลัก" เช่นโทรทัศน์ หรือสื่อหนังสือพิมพ์หลายฉบับนั้น รัฐบาลไม่ต้องไปแทรกแซงไม่ต้องไปควบคุมอะไรนักหนา สื่อเหล่านี้มันก็เข้าข้างรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะ "สื่อแพศยา" และ "สื่อทาส" พวกนี้มันถูก "เผด็จการอำมาตยา" ดึงเอาไปเป็นพรรคพวกเกือบหมดแล้วหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
แต่ประเด็นการแทรกแซงสื่อของรัฐบาลชุดนี้มันอยู่ที่ "สื่อที่เป็นกลาง" และ "สื่อฝ่ายนิยมประชาธิปไตย" ที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกับรัฐบาล วิพากษ์ วิจารณ์รัฐบาลต่างหาก เหตุการณ์กรณีของ "คุณจอม เพชรประดับ" ซึ่งผ่านมาไม่นานนี้เป็นตัวอย่างที่บ่งบอกว่า "รัฐบาลนี้คุกคามสื่อ" ได้ดีที่สุด อย่าว่าแต่คุณจอมเลย ใครก็ได้ในพวก"สื่อกระแสหลัก" ลองแหลมออกมาเสนอความจริงที่ขัดกับความรู้สึกของรัฐบาลนี้ดู ก็ต้องเจอแบบเดียวกับคุณจอม นั้นแหละ จะมีก็แต่ "สื่อฝ่ายนิยมประชาธิปไตย"อย่าง"ไทยเรดนิวส์ " นี่แหละ ที่กล้าแฉความเลวร้ายของรัฐบาลนี้ (ตามนโยบายของท่าน บก.ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น ที่เคยเขียนตอบจดหมายท่านผู้อ่านที่หวังดีว่า ซึ่งมีใจความประมาณว่า"เพื่อความถูกต้องเป็นธรรม ถึงตายก็ยอม" )
อีกตัวอย่างของการ "คุกคามและแทรกแซงสื่อ" ของรัฐบาลนี้ หวังว่าท่านผู้อ่านคงยังพอจำได้ช่วงเหตุการณ์ "สงกรานต์เลือด" และต่อเนื่องเรื่อยมา รัฐบาลนี้ยิ่งกว่าการ"คุกคามสื่อ" เสียอีก นั้นก็คือ การสั่งปิดเว็บไซต์ฝ่ายประชาธิปไตย มากกว่า 70 เว็บไซต์ สั่งปิดและยึดสถานีวิทยุฝ่ายประชาธิปไตย เป็นจำนวนมากมาย แม้กระทั้งทุกวันนี้ก็ยังตามราวี เว็บไซต์ และสถานีวิทยุชุมชน ของฝ่ายประชาธิปไตยอยู่เช่นเดิม แล้วอย่างนี้ไม่เรียกว่า "คุกคามสื่อ" แล้วจะให้เรียกว่าอะไร
โฆษกสอพลอบอกว่า "สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ นั้นแหละแทรกแซงสื่อ" ท่านผู้รักความเป็นธรรมที่เคารพ ในสมัยของรัฐบาล พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ที่บอกว่าแทรกแซงสื่อ นั้น มีเหตุการณ์ใด โทรทัศน์ช่องใด หรือสถานีวิทยุใด ทีรัฐบาล พ.ต.ท.ดรงทักษิณ สั่งปิดสั่งยึด ทั้งที่ความเป็นจริงพวก "สื่อกระแสหลัก" เหล่านั้น วิพากษ์ วิจารณ์ โจมตี ใส่ร้ายป้ายสี บางครั้งถึงกับ "ด่า"ด้วยถ้อยคำหยาบคาย แต่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ก็มี "น้ำใจประชาธิปไตยเกินมนุษย์ปุถุชน" ไม่เคยสั่งปิดสั่งยึดแต่อย่างใด แม้แต่ Astv ที่เป็น"ปรปักษ์" (แม้ว่าในบางครั้งก็มีบ้างที่ออกมาตอบโต้เป็นธรรมดาของมนุษย์ปุถุชนที่ยังไม่บรรลุโสดาบันเป็นพระอรหันต์) ซึ่งต่างจากรัฐบาลนี้โดยสิ้นเชิง ทั้ง "แทรกแซง ควบคุม คุกคามสื่อ" ทั้งบนดินและใต้ดินทุกรูปแบบ
ทุกวันนี้ประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย ผู้รักความเป็นธรรมทั้งหลายต่างก็ "เชื่อโดยปราศจากข้อสงสัย" แล้วว่า "ยุคสมัยของรัฐบาลนี้เป็นยุคมืดของสื่อ" และก็ยัง "เชื่อโดยปราศจากข้อสงสัย" อีกว่า "รัฐบาลนี้กลัวความจริง และก็คุกคามแทรกแซงสื่อ" @
ที่มา หนังสือพิมพ์
thai RED NEWS