ที่มา Thai E-News
โดย คุณวโรทาห์
ที่มา เวบไซต์ warotah
9 พฤศจิกายน 2552
หลังจากที่ทุ่มทุนสร้าง วางข่ายล้อมอวน ด้วยการร้องเพลงชาติรอมาเป็นนานสองนาน ในที่สุดก็มีปลาใหญ่เข้ามาฮุบเหยื่อเอาจนได้ เมื่อสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ทำตัวเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน ประกาศอุ้มทักษิณ ชนิดสุดลิ่มทิ่มประตู โดยไม่มีการเกรงใจใคร
และแล้วมหกรรมคลั่งชาติที่จ่อคิวรออยู่อย่างใจจดใจจ่อ ก็ได้เวลาโหมโรงอย่างเป็นทางการซะที
ทั้งโพลเอย สื่อเอย นักวิชาการขาโจ๋ กับนักธุรกิจขาประจำเอย ต่างออกมาประสานเสียง โบ๊ววว ..โบ๊ววว.. ระเบ็งเซ็งแซ่กันไปหมด
เป้าหมายคือการปั่นหัวประชาชน ให้หันมามีเรื่องกับเขมร เพื่อกลบเกลื่อนความเจ็บปวด จากพิษเศรษฐกิจ ภายใต้ฝีเท้าการบริหารประเทศของมาร์ค พร้อมกับกวาดล้างทักษิณและเสื้อแดงไปในตัว
ก็ขนาดเจ็บกันเจียนตาย สื่อยังช่วยกันแหลออกมาได้ ว่าภาคธุรกิจไม่ได้รับผลกระทบ จากการเรียกทูตกลับจากพนมเปญ
แต่วงในเขารู้ว่า กำลังนั่งจับไข่สั่นอยู่ที่กัมพูชากันเป็นแถว มีแต่น้ำตาลมิตรผล ที่หาญกล้าออกมาแฉกันตรงๆ ว่า ไปปลูกอ้อยรอไว้แล้วจมหู กำลังจะสร้างโรงงานอยู่รอมร่อ แต่ต้องติดเบรคกันตัวโก่ง เพราะสถานการณ์มันเข้าไคลฯซะขนาดนี้ ถ้าจะให้ไปบ้าทะลุ่มทะลุยเดินหน้าชน สู้เอาเงิน 2 พันล้านไปทุ่มซื้อหวย ยังจะมีโอกาสรุ่งมากกว่า
แปลกแต่จริง ที่ไม่ยักมีนักธุรกิจด่ารัฐบาล โทษฐานที่โอเวอร์รีแอ๊คจนน่าเกลียด แถมสภาหอการค้าไทย ยังถือโอกาสใช้ลิ้นให้เป็นประโยชน์ ชเลียร์ว่า นักธรกิจยอมเจ็บไม่ยอมอาย ไม่ว่าจะเป็นจะตายยังไง ขอเชียร์รัฐบาลให้เอาศักดิ์ศรีของประเทศไว้ก่อน
เห็นว่าถ้ารัฐบาลยืนยันทำในสิ่งที่ถูกต้อง จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ถึงขนาดกล้าที่จะเข้ามาลุยถั่ว สร้างงานในประเทศ คล้ายๆ กับว่า ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน ว่างั้นเถอะ
แหม.. เล่นเอาความจริงมาแหลเป็นขนมอย่างนี้ จึงช่วยไม่ได้ ที่มาร์คจะออกอาการเขินเล็กน้อย ในขณะที่ขนหน้าแข้งเริ่มเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย
เป็นธรรมดาของ 1 ประเทศ 2 มาตรฐาน มันก็ต้องมีอะไรบ้าๆ บวมๆ อย่างนี้ นี่ถ้าเป็นรัฐบาลลุงหมัก ขืนทำอย่างนี้ มีหวังนักธุรกิจดิ้นตายกันเป็นแถว
หันไปมองภาคธุรกิจ เห็นถ้อยทีถ้อยชเลียร์กันไป แต่พอหันมาฝั่งประชาชน ไหงมันกลายเป็นหนังคนละม้วนไปได้ ก็ไม่รู้ เมื่อใครต่อใคร พากันอวยพรให้มาร์คจนหูตูบ บอกว่าอ้ายเฮีย! วันๆ แม่มันไม่ทำอ่าอะไร ดีแต่หาเรื่องชกต่อยกับชาวบ้าน ไม่รู้จักหยุดจักหย่อน
กะอีแค่เรื่องของคนๆ เดียว มันเล่นซะโกอินเตอร์ ดูไม่จืด แม่มันทำอย่างนี้ พวกที่ไม่ได้รับประทานภาษี มีหวังอดตายกันพอดี
แต่ว่าก็ว่าเถอะ จนป่านนี้ ยังไม่มีใครเข้าใจเหมือนกัน ว่าแค่ฮุนเซนตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษา ทำไมมันถึงต้องออกอาการเม้งแตกกันขนาดนี้ ในเมื่อมั่นอกมั่นใจนักหนา ว่าตัวเองทำถูก ก็น่าจะอยู่เฉยๆ ปล่อยให้เขมรออกทะเลไปคนเดียว ก็สิ้นเรื่อง
ก็ถ้าน้าฮุนฯยังขืนเดินหน้านโยบาย สร้างบ้านพักหรูหราให้นักโทษไปเรื่อยๆ แถมนอกจากไม่ยอมส่งผู้ร้ายข้ามแดนแล้ว ยังจะแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาอีกต่างหาก คิดดูแล้วกัน ว่าต่อไป ยังจะมีใครกล้าคบหาด้วย เมื่อเขมรกลายเป็นสวรรค์ของอาชญากร นักเซ็นต์ชื่อให้เมียซื้อที่ ไปซะแล้ว
เรื่องของเรื่อง มันไม่น่าจะมีเรื่องด้วยซ้ำไป เมื่อแต่เดิมมันก็แค่ขู่กันไปขู่กันมา เหมือนนักมวยที่ต่อปากต่อคำกันนอกเวที เอ็งมาลูกนี้ ข้าจะตอบโต้ด้วยลูกโน้น ถ้าเอ็งต้อนรับทักษิณ ข้าจะให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน อีกฝ่ายก็โต้ทันควันว่า จ้างให้ก็ไม่ส่ง เพราะเป็นคดีการเมือง เป็นการแลกน้ำลายกันไปมา ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ขึ้นเวที ด้วยซ้ำไป
แต่ที่ไหนได้ กำลังโต้กันไปโต้กันมาอยู่มันๆ ไม่นึกว่าท่านประธานอาเซี่ยนจะของขึ้น โดดงับน่องสมาชิกอาเซียนบ้านใกล้เรือนเคียงซะ เล่นเอาแผลเปิดเหวอะหวะ ดูยังไงก็ดูไม่จืด
กลายเป็นจุดเริ่มต้นของมหากาพย์ เด็กดื้อหัดบริหารประเทศ เมื่อกัมพูชาตัดสินใจ ประกาศแต่งตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการ แล้วมีหรือที่นายกฯเด็กฝึกงานจะยอมเสียหน้า โดยไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง จัดการประกาศเรียกทูตกลับทันควัน ในขณะที่ฮุนเซนก็ทันกัน เรียกทูตตัวเองกลับมั่ง ใครจะทำไม
คงต้องดูกันต่อไปว่า เมื่อเศรษฐีใหม่ตัดสินใจ ถอดสูทเข้าคลุกวงใน กอดปล้ำตีเข่ากับขอทานข้างถนน อย่างถึงลูกถึงคน เพียงเพื่อรักษาศักดิ์ศรี ที่ถูกตอกหน้าเอาเจ็บๆ งานนี้ใครจะอยู่ใครจะไป ใครจะฉิบหายหนักกว่ากัน อีกไม่นานก็น่าจะเริ่มออกอาการ
แต่ที่แน่ๆ เริ่มเห็นแผลแตกที่ใต้ตานักชกเมื่อวานซืนแล้ว เมื่อเจอมวยเชิงสูงอย่างน้าฮุนฯ ที่เก๋าเกม อ่านขาด อย่างกับอ่านหนังสือการ์ตูน ดักแย็ปแล้วชิ่งออก ไม่ยอมเป็นฝ่ายเปิดเกมหนักให้ถูกตัดคะแนน แต่อาศัยยั่วยุให้เด็กมันออกหมัดก่อน แล้วค่อยดักเก็บกินจังหวะสอง แค่นี้ก็ตุนคะแนนจนเป๋าตุงแล้วตุงอีก
เป็นที่น่าสังเกตุว่า น้าฮุนฯแกตั้งอกตั้งใจล่อเป้าวัวกระทิงมาร์คซะเหลือเกิน ทั้งๆ ที่น่าจะรู้ว่า เด็กมันมีปัญหาเรื่องวุฒิภาวะทางอารมณ์ ยังมายั่วอยู่ได้
ทำไมต้องประกาศตั้งที่ปรึกษา ให้มาร์คอิจฉาจนวีนแตกน่าเกลียดขนาดนั้น ทั้งที่จะต่อฮ็อตไลน์สายตรง ปรึกษาอะไรน้าแม้ว ก็ทำได้อยู่แล้ว ในฐานะเพื่อนซี้ไม่มีซั้ว
อย่างการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็เหมือนกัน รอให้เรื่องมันเกิดแล้วค่อยพูดก็ยังไม่สาย จะเปิดศาลพิจารณาคดีซัก 20-30 ปี ก็ยังไม่น่าเกลียด หรือจะส่งซิกให้นักโทษเข้าๆ ออกๆ ล่อให้ศาลลักปิดลักเปิด มันก็เก๋ไปอีกแบบ แล้วทำไมต้องรีบด่วน ชวนมาร์คละเลงน้ำลาย จนเลอะเทอะไปหมด
จะเป็นเพราะเหตุผลกลใดไม่อาจทราบได้ แต่ชักสังหรณ์ใจว่า งานนี้ เด็กดื้อมีโอกาสเสียค่าโง่สูง เพราะแต่ละมาตรการที่มาร์คประกาศออกมานั้น ไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหาต่อเขมรแต่ประการใด ขืนไปงดให้ความช่วยเหลือ ก็เข้าทางประเทศอื่นที่เรียงคิวรอช่วยเหลืออยู่แล้ว
หรือถ้างดให้กู้ ขี้คร้านประเทศอื่น มายืนรอปล่อยกู้กันบานเบอะ ยิ่งไปยกเลิก MOU อะไรนั่นอีก แน่ใจหรือว่า มันไม่ใช่ MOU ที่เขาอยากจะยกเลิกเต็มแก่อยู่แล้ว เพราะถ้าเซ็นต์กันในสมัยน้าแม้ว ก็ชัดเจนแน่นอนว่าเขาเสียเปรียบ เพราะตอนนั้น กัมพูชายังไม่มีอำนาจต่อรองซักเท่าไหร่ ไม่เหมือนสมัยนี้ ที่หลอกกินเศียรเทวรูป ที่มีคนอุ้มไปจิ้มก้องมาแล้ว นักต่อนัก
เอาเป็นว่า นอกจากเรื่องอารมณ์แล้ว ก็น่าจะต่างคนต่างมีวาระซ่อนเร้น แต่คนหนึ่งทำเพื่อชาติ ในขณะที่อีกคนทำเพื่อกำจัดศัตรูทางการเมือง
รายแรกจึงลอยตัวไป เพราะได้การสนับสนุนจากประชาชนอย่างท่วมท้น ในขณะที่รายหลังแทบจะเอาหัวโขกโพเดียมตายซะให้มันรู้แล้วรู้รอด เมื่อไม่มีใครให้ท้าย นอกจากโพลที่ออกมาเชียร์กันสุดลิ่มทิ่มประตูกระแสคลั่งชาติ จึงมีแค่แมลงสาบแก่ๆ ที่มีองค์ กับขาประจำเจ้าเดิมๆ ไม่กี่ตัว ที่ออกมาคลั่งหนัก
ส่วนประชาชนนั้น คงจะหวังยากซักหน่อย แล้วยิ่งน้าฮุนฯแกเป็นมวยรอจังหวะด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ปั่นกระแสยากเข้าไปใหญ่ ทำไปทำมาถึงได้เกิดอาการหันรีหันขวาง ไม่รู้ว่าจะไปยังไงต่อ
คิดแล้วก็ให้เป็นห่วงนายกฯเด็กโง่ ที่ขยันทำแต่เรื่องโง่ๆ ไม่รู้จักเลิก
ระวังว่าโง่ซ้ำโง่ซาก จะติดเชื้อกลายเป็นโง่เรื้อรัง มันจะรักษายาก
ถ้าลำบากนัก คราวหน้าคราวหลัง ลองเปลี่ยนไปยืมหัวแม่เท้าข้างซ้ายของท่านทักษิณเอามาคิดแทน
ไม่แน่ว่า...อาจจะฉลาดกว่าสมองกลวงๆ ที่ใช้อยู่ก็เป็นได้