ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
ไม่ เชื่อก็ต้องเชื่อ เมื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ นำรายละเอียดในสำนวนคดี 91 ศพมาแถลงเปิดเผยต่อประชาชนวงกว้าง โดยเป็นสำนวนที่ดีเอสไอเป็นผู้สอบสวนแล้วส่งมอบให้ตำรวจไปดำเนินการต่อ
จะรั่วจากหน่วยไหนหรือขั้นตอนไหนก็ไม่รู้
แต่รั่วอย่างไร ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าความจริงในสำนวน ซึ่งมีการตรวจสอบพยานหลักฐานอย่างละเอียดยิบ!
รายละเอียดที่นายจตุพรนำมาเผยแพร่นั้น ดูแล้วต้องเชื่อว่าเป็นข้อมูลจริง
เป็นข้อมูลจริงที่น่าขนลุก
ไม่ว่าจะเป็นความตาย 6 ศพที่วัดปทุมฯ ความตายของนักข่าวญี่ปุ่น
ไปจนถึงความตายของประชาชนในอีกหลายๆ จุด ในช่วงระหว่าง 10 เม.ย.- 19 พ.ค.
ในสำนวนสอบสวน ซึ่งมีทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ
เริ่มปรากฏชัดว่า กระสุนแล่นจากฝ่ายไหนไปเจาะร่างประชาชน
ไม่มีพยานหลักฐานบ่งชี้ได้เลยว่า มีผู้ก่อการร้ายที่ผสมโรงก่อเหตุ ดังคำโฆษณาชวนเชื่อของรัฐ!?!
คำให้การของทหารหลายปากในที่เกิดเหตุเอง ยอมรับว่า ไม่มีการยิงต่อสู้จากฝ่ายผู้ชุมนุม
แต่ทั้งหมดนี้ควรจะโทษแต่เจ้าหน้าที่ทหารกระนั้นหรือ!
จะโยนความผิดไปยังเจ้าหน้าที่ทหารที่ต้องปฏิบัติการในภาคสนามกระนั้นหรือ
ผู้ปฏิบัติจะปฏิบัติเช่นนั้นได้อย่างไร ถ้าไม่มีคำสั่ง
คำสั่งที่ร้อนรุ่มคลุมเครือ ให้ใช้ความรุนแรงได้เต็มที่ เพราะเต็มไปด้วยผู้ก่อการร้าย มีใครสั่งอย่างนั้นหรือเปล่า
แล้วที่ตายไป 80-90 ศพนั้น มีผู้ก่อการร้ายสักศพไหม
ไม่เท่านั้น รู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่า ผู้นำกองทัพทุกระดับ พยายามอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์ตึงเครียด กดดันให้นายกฯ เปิดเจรจากับแกนนำม็อบ ยื้อแล้วยื้ออีก ไม่ต้องการใช้ปฏิบัติการทางทหาร
แต่นักการเมืองคนไหน ที่จิตใจไม่ปกติแล้วสั่งการอย่างอำมหิต!
บัดนี้การสอบสวนคดีความ เริ่มกระจ่างชัด เริ่มเห็นแล้วว่าฝ่ายรัฐผิดพลาดอย่างสิ้นเชิง แต่ก็น่าคิดว่า ดีเอสไอยุคธาริต เพ็งดิษฐ์ เดินหน้าสอบสวนเพื่อมุ่งเน้นไปที่ทหาร มีสัญญาณใคร เพื่อโยนเรื่องไปให้ทหารเท่านั้นหรือเปล่า
บทสรุปของเหตุการณ์นี้มีอยู่ว่า ถ้านักการเมืองไม่กอดอำนาจ ยอมเสียสละ ยอมถอย
ไปจนถึงไม่ออกคำสั่งจนนำไปสู่ความรุนแรง
จะมีคนตายเป็นเบือหรือเปล่า!