ที่มา thaifreenews
โดย bozo
น่าสนใจไม่น้อยกับจังหวะก้าวทางการเมืองของ “จตุพร พรหมพันธุ์” สส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย
ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
โดย...ทีมข่าวการเมือง
น่าสนใจไม่น้อยกับจังหวะก้าวทางการเมืองของ “จตุพร พรหมพันธุ์” สส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย
ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงนี้
เพราะล้วนแต่ชวนให้สงสัยว่ากำลังทำอะไร และหวังประโยชน์อะไร
จากสิ่งที่แกนนำเสื้อแดงคนนี้กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในเวลานี้
จังหวะการเดินเกมที่สำคัญของจตุพรในระยะหลังนี้เริ่มเข้มข้น
ตั้งแต่การออกมาเปิดเผยผลการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
เกี่ยวกับปฏิบัติการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ช่วงเดือน เม.ย. และ พ.ค.
ที่ทั้งทหารและคนเสื้อแดงเสียชีวิต ข้อมูลที่ตู่นำออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณะนั้นเรียกได้ว่า
เป็นการชิงกระแสและสร้างโอกาสให้กับคนเสื้อแดงได้เป็นอย่างดี
โดยจตุพรเองได้พยามเน้นใน 2 เหตุการณ์สำคัญ ดังนี้
1.การเสียชีวิตของประชาชน 6 คน ภายในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553เวลา 18.30 น.
สาเหตุการตาย ถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง
โดยเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้าปฏิบัติการขอคืนพื้นที่
มีสองชุดคือ ร.31 พัน.2 รอ. เป็นหน่วยกำลังที่รับผิดชอบด้านล่างบนถนนพระราม 1
และกองพันรบพิเศษที่ 1 กรมรบพิเศษที่ 3 (ลพบุรี)
มีทหาร 5 นาย รับว่าได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงเข้าไปในวัดจริงตามคำสั่ง
และพยานบุคคลหลายปากยืนยันว่ามีเสียงปืนดังลงมาจากสถานีรถไฟฟ้าสยาม
ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยทหาร พล.1 รอ.
2.การตายของนายฮิโรยูมิ มูราโมโตะ ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่น สำนักข่าวรอยเตอร์ส
เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 เวลา 21.00 น. ด้านหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอ
พยานสำคัญคือดาบตำรวจนอกเครื่องแบบที่อยู่ห่างออกไป 1 เมตร ไปช่วยประคองลำตัวนายฮิโรยูมิ
โดยยืนยันวิถีกระสุนว่าไม่ได้โดนยิงจากฝั่งผู้ชุมนุม
และพยานอีกคนระบุว่ามีเสียงไฟจากกระบอกปืนทหาร
โดยสอดรับกับหลักฐานของนายฮิโรยูมิคือวิดีโอคลิปจากกล้องของนายฮิโรยูมิ
และพื้นที่นี้กองร้อยบินกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล. ร.2 รอ.)
นำโดย พ.อ.ธรรมนูญ วิถี รับคำสั่งจากผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 ให้ร่วมปฏิบัติการสลายการชุมนุม
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่สองเหตุการณ์นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้รัฐบาลอยู่ในอาการ “เต้น” ค่อนข้างมาก
เป็นการทำให้ภาพฮีโร่ของรัฐบาลในการสลายยุติการชุมนุมและนำความสงบมาคืนสู่สังคมต้องถูกสั่นคลอน
เพราะที่ผ่านมารัฐบาลมักจะบอกตลอดเวลาว่า
สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากมือที่สามและชายชุดดำเป็นผู้สร้างสถานการณ์ ไม่ใช่รัฐบาล
เมื่อรัฐบาลถูกท้าทายด้วยข้อมูลใหม่
ที่มาจากปากคำของพยานบุคคลย่อมส่งผลเสียต่อรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่สำคัญรัฐบาลยังต้องมีภาระกดดันมากขึ้น
โดยเฉพาะในกรณีของผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่น เพราะทางการญี่ปุ่นได้แสดงท่าทีต่อรัฐบาลไทยหลายครั้งว่า
ให้เร่งคลี่คลายกรณีการเสียชีวิตของพลเมืองตัวเอง
ซึ่งจนถึงวันนี้รัฐบาลเองก็ยังไม่สามารถให้คำตอบที่สร้างความพอใจให้กับทางการญี่ปุ่นมากเท่าไหร่
เป็นสัญญาณเตือนมายังรัฐบาลว่ายังมี “ทหารแตงโม–ตำรวจมะเขือเทศ” แฝงตัวอยู่ในองค์กรรัฐบาล
ที่พร้อมจะเป็นกลไกบั่นทอนความชอบธรรมของรัฐบาลให้สังคมได้เห็น
ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหาไม่ให้กลายเป็นเนื้อร้ายมาทำลายรัฐบาลเอง
เป้าหมายสำคัญในส่วนนี้ คือ
ต้องการใช้เป็นต้นทุนของคนเสื้อแดงสำหรับการฟ้องร้องคดีในศาลอาญาระหว่างประเทศ
ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อเพิ่มน้ำหนักการต่อสู้ร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ตามแผนโลกล้อมไทย โดยพุ่งเป้าไปที่การทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทย
ในสายตานานาชาติ ซึ่งมีการประมาณการว่ากระบวนการเหล่านี้จะเริ่มได้หลังปีใหม่
ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าการเดินหน้าสร้างความชอบธรรมให้กับคนเสื้อแดง
ผ่านกระบวนการเหล่านี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่
แต่ที่แน่ๆ รัฐบาลต้องอยู่ในสภาพปวดหัวพอสมควร
ประจวบเหมาะกับการเพิ่งยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
ซึ่งเป็นกุญแจเปิดประตูให้มวลชนกลับมาเคลื่อนไหวได้สะดวกมากขึ้น
แน่นอนว่ากลุ่มคนเสื้อแดงย่อมนำหมากกระดานนี้ที่จตุพรได้เดินเอาไว้มาขยายผล
เพื่อสร้างกระแสในการเคลื่อนไหว โดยพุ่งเป้าไปที่รัฐบาลในการแสวงหาคนผิดมาลงโทษ
หลังจากมีการเปิดหลักฐานซึ่งเป็นคำให้การของบุคคลว่า
เจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้มือลงมือใช้กำลังจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ขณะที่กองทัพเองภายใต้การกุมบังเหียนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.
ที่พยายามจะอยู่ในภาวะใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวมาตลอด
ก็เริ่มออกอาการตบะแตกให้เห็นได้ชัด จากกรณีเมื่อถูกสื่อมวลชนซักถามเรื่องงบประมาณ
ที่ทหารใช้ไประหว่างการปฏิบัติหน้าที่ในนามศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
ไม่เพียงเท่านี้
กลุ่มเสื้อแดงได้ใช้จังหวะนี้ขยายแผลกองทัพบกด้วยการสร้างรอยร้าวให้เกิดขึ้นระหว่างกองทัพและรัฐบาล
ด้วยการเตรียมไปยื่นสำเนาเอกสารคำสั่งของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี
ที่สั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนกรณีที่ทหารยิงประชาชน 6 คน ที่วัดปทุมวนาราม
ระหว่างเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อเดือน พ.ค.
เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ รับทราบ
หมากเกมนี้ถือว่าน่าสนใจมาก
เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเองกำลังไล่บี้กับกองทัพ
ทั้งๆ ที่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้รัฐบาลอยู่ในอำนาจต่อไปได้จนถึงทุกวันนี้
ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลในสายตาของกองทัพจะมองรัฐบาลด้วยความหวาดระแวงมากขึ้น
ผลที่ตามมาคือการให้ความร่วมมือในการทำงานในอนาคตโดยเฉพาะการควบคุมการชุมนุม
ไม่ต่างอะไรกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
ที่ปล่อยให้สำนวนการสอบสวนหลุดออกสู่สายตาสาธารณะได้
ย่อมส่งผลให้รัฐบาลมองดีเอสไอด้วยความไม่ไว้วางใจมากขึ้น เช่นเดียวกับกองทัพที่มองรัฐบาล
เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลและกองทัพและดีเอสไอถูกสั่นคลอนมากเท่าไหร่
นั่นหมายความว่าการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงตามภูมิภาคทำได้ง่ายมากขึ้น
หลังจากต้องถูกกดดันมาตลอดในช่วงระยะหลังนี้
นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มต้นทุนของแกนนำ นปช.ในระยะยาวที่อยู่ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านตอนนี้
ดังนั้น การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงบนกระดานการเมืองในช่วงนี้
จึงเต็มไปด้วยการสร้างความร้าวฉานให้เกิดกับกลไกของรัฐบาล
เป็นการเอื้ออำนวยให้กับคนเสื้อแดงมากขึ้น
เพื่อบรรลุผลทางการเมืองในอนาคต แต่จะสำเร็จหรือไม่คงต้องออกแรงกันเยอะหน่อย
http://www.posttoday.com/วิเคราะห์/การเมือง/66552/ถอดรหัสเกมเสื้อแดงยุให้รำ-ตำให้รั่ว