WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, December 21, 2010

หุ้นมาม่าร่วงหลังถูกคว่ำบาตร กลต.จี้ก้นเคลียร์ข่าว

ที่มา Thai E-News



ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ-นอก จากผู้บริหารของเครือสหพัฒนพิบูลจะขึ้นเวทีพันธมิตร ร่วมมือกันโค่นล้มรัฐบาลประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งของประชาชน ผู้บริหารอีกรายที่เป็นสมาชิกวุฒิสภามีบทบาทสนับสนุนเผด็จการออกนอกหน้าแล้ว การเป็นสปอนเซอร์รายสำคัญให้กลุ่มปฎิกริยาล้าหลังขวาจัดอย่างพันธมิตร และระบอบอำมาตย์ก็มีให้เห็นกันโจ่งครึ่ม ภาพบนเป็นลังมาม่าบริจาคเป็นเสบียงให้พันธมิตรช่วงยึดสนามบิน ภาพล่างเป็นสปอนเซอร์ให้สื่อของสนธิลิ้ม


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
21 ธันวาคม 2553


คลิปการรงรงค์ไม่อุดหนุนสินค้า "มาม่า"

หุ้นมาม่าร่วง38บาทหลังเจอร้องให้ชี้แจงถูกคว่ำบาตร

ราคาหุ้นของบริษัท ไทยเพรสซิเด้นต์ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TF ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า ร่วงลง 38 บาทต่อหุ้น หรือ-3.63%ในการซื้อขายเมื่อวานนี้ โดยรูดลงจากราคาปิดวันก่อน 1,048 บาทต่อหุ้น ลงมาปิดทำการที่ 1010 บาทต่อหุ้น

ก่อนหน้านั้นราคาหุ้นมาม่า หรือTFขึ้นไปสูงสุดที่ 1,200 บาทต่อหุ้น เนื่องจากได้อานิสงส์ทั้งจากการแข่งขันฟุตบอลโลกช่วงกลางปี รวมทั้งเหตุการณ์ประท้วงทางการเมือง ซึ่งทำให้คนไม่ค่อยออกนอกบ้าน และซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินที่บ้านสูงขึ้น รวมทั้งช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ที่มีการซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปบริจาคกันมาก

แต่หลังจากนั้นราคาก็ปรับลดลงมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อมีแคมเปญคว่ำบาตรสินค้าหนุนเผด็จการที่พุ่งเป้าเริ่มต้นที่มาม่าเป็นอันดับแรก ทำให้ราคาลดลงจากจุดสูงสุดแอล้วราว 200 บาทต่อหุ้น

กลต.เผยมีผู้ถือหุ้นร้องเรียนให้มาม่าต้องชี้แจงข่าวถูกบอยคอต

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)รายงานว่า มีนักลงทุนที่เป็นผู้ถือหุ้นมาม่าร้องเรียนมายังสำนักงานขอให้แจ้งต่อบริษัทไทยเพรสซิเด้นต์ฟู้ดส์ชี้แจงเป็นการด่วนเรื่องมีกระแสข่าวถูกคว่ำบาตร

"ผู้ถือหุ้นของTFร้องเรียนมายังสำนักงานฯว่า ปรากฎข่าวโจมตีบริษัทไทยเพรสสิเด้นฟู้ดส์แพร่หลายในอินเตอร์เน็ตและสื่อต่างๆชักชวนให้คนต่อต้านไม่ซื้อสินค้ามาม่า ซึ่งเป็นรายได้หลักของTF อ้างว่าสนับสนุนเผด็จการ โดยแจ้งว่าจะมีคนเข้าร่วมการคว่ำบาตรเกิน20ล้านคน จึงขอให้สำนักงานกลต.ได้แจ้งให้บริษัทชี้แจงแก้ไขข่าวด้วย เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ถือหุ้นรายย่อย" รายงานจากกลต.ระบุ พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการ

มาม่าไหวตัวแจ้งข่าวระดับบิ๊กให้รู้ตัวโดนรุมต้านหนัก

ก่อนหน้านี้ผู้บริหารของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่าได้เริ่มไหวตัวขยับแล้ว หลังจากถูกคนเสื้อแดงประกาศรวมพลังมากกว่า 20 ล้านคนคว่ำบาตรบอยคอต ไม่กินไม่ซื้อมาม่าเป็นเวลา 1 เดือน และหันไปอุดหนุนสินค้าของคู่แข่งอย่างไวไว หรือยำยำแทน โดยอ้างว่าสินค้าในเครือบริษัทสหพัฒนพิบูล สนับสนุนเผด็จการ

โดยนางสาวพจนา พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการฝ่ายส่งออกของมาม่า และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพรสซิเด้นท์อินเตอร์ฟู้ด บริษัทในเครือของมาม่า ได้แจ้งต่อผู้ถือหุ้นที่ร้องเรียนไปยังบริษัทมาม่าให้ชี้แจง หลังถูกบอยคอตว่า ขอขอบคุณที่ผู้ถือหุ้นไทยเพรสซิเดนท์ฟู้ดส์แจ้งข่าวการบอยคอตคว่ำบาตรมา ดิฉันจะส่งต่อ Link ข่าว ให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้ง "ดิฉันได้ส่งต่อคำแนะนำให้ทางผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบแล้ว"

ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นของมาม่าได้แนะนำว่า ขอให้ทางบริษัทได้ชี้แจงแก้ไขข่าวด้วย เพื่อไม่ให้กระทบต่อยอดขาย และผู้ถือหุ้นรายย่อย และให้น่าสงสัยว่าคู่แข่งเป็นคนอยู่เบื้องหลังนี้ไหม ทางบริษัทตรวจสอบด้วย

อย่างไรก็ตามดูเหมือนผู้บริหารบริษัทบางรายไม่ได้แสดงปฏิกริยาในทางบวกต่อแคมเปญนี้ หลังจากได้รับหนังสือเวียนเรื่องข้อร้องเรียนจากนางสาวพจนาแล้ว ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ของไทยเพรสซิเด้นท์ฟู้ดส์รายหนึ่ง ได้แสดงปฏิกริยาดังนี้

"ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลที่แจ้งมา

ฉันคิดว่า คุณคงทราบดี อะไรจริงไม่จริง ฉันไม่ได้สนใจหรอกว่า จะถูกประชาชนบอยคอตหากว่ามันมีเหตุผลที่ถูกต้อง หากกล่าวอย่างเกือบที่สุดแล้วก็คือว่า บริษัทของเรามีเอกลักษณ์ที่เป็นของตัวเอง หากเพียงเพราะว่ามาม่าเป็นส่วนหนึ่งของเครือสหพัฒนพิบูล แล้วพาเราไปสู่ความยุ่งยาก เราก็จะไม่ออกไปข้างนอกเพื่อแก้ไขความเข้าใจที่ผิดๆนี้

ฉันหวังว่า ผู้ที่มีการศึกษาจะสามารถทำในสิ่งที่ดีที่สุด และเลือกในสิ่งที่เป็นทางเลือกดีที่สุด"


ท่าทีดังกล่าวที่กราดใส่ว่าผู้รณรงค์คว่ำบาตรมาม่าเป็นพวกไม่มีการศึกษาดี นับว่าเป็นปฏิกริยาทางลบต่อผู้บริโภคของมาม่าเองที่ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน เช่น บรรดาผู้ใช้แรงงาน ชาวนา คนจนในเมือง รวมทั้งนักเรียน นักศึกษา ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของมาม่า ทำให้บริษัทนี้เติบโตมาตลอด 35 ปี และผู้บริหารบางรายของมาม่าก็ได้เงินจากคนจนเหล่านี้ไปเรียนจนจบปริญญาเอกในต่างประเทศ แต่ก็หวนกลับมาดูหมิ่นผู้บริโภคที่มีพระคุณของตนเอง

ขณะที่คนเสื้อแดงได้แสดงปฏิริกริยาทางลบอย่างรุนแรงต่อท่าทีดังกล่าวของผู้บริหารมาม่า และได้ประกาศจะยกระดับการคว่ำบาตรให้สูงขึ้น โดยเห็นว่าหากเลิกกินเลิกซื้อ1เดือนแล้วไม่สำนึก ก็อาจจะต้องต่อมาตรการกดดันออกไปเป็น 3 เดือน หรือ 1 ไตรมาสเลย



เครือสหพัฒนพิบูลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของมาม่า รองลงมาคือนิสสันฟู้ดส์โปรดักส์ จากญี่ปุ่น ตามมาด้วยตระกูลพูนอุดมสิน ตระกูลพะเนียงเวทย์ และกลุ่มตระกูลตติยทวี มีนายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒนพิบูล เป็นประธานคณะกรรมการ

แฉมาม่าวิจัยทำไมส่วนแบ่งการตลาดทรุดฮวบ10%

หลังจากที่เครือข่ายผู้บริโภคสีแดง ประกาศรณรงค์บอยคอตสินค้าที่สนับสนุนเผด็จการ โดยเริ่มต้นที่เครือสหพัฒนพิบูล ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเพื่ออุปโภคบริโภครายใหญ่ ด้วยการจัดแคมเปญ"หยุดซื้อหยุดกินมาม่าเป็นเวลา1เดือน"ผ่านมา 1 สัปดาห์ และคาดการณ์ว่าจะมีคนไทยร่วมรณรงค์ทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน

ล่าสุดช่วงเดียวกันนี้มีการศึกษาวิจัยหัวข้อเรื่อง "เหตุใด ส่วนแบ่งทางการตลาดของมาม่าจึงมีสัดส่วนที่ลดลง"

ทั้งนี้กลุ่มผู้ทำการศึกษาวิจัยได้เผยแพร่เอกสารดังกล่าวไว้ในระบบข้อมูลlearners ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ระบุว่า ส่วนแบ่งการตลาดของมาม่าที่เคยสูงถึงง 60%ในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ลดวูบลงมาเหลือราว 50%ในปัจจุบัน

รายงานระบุว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของ “มาม่า” ลดลงอย่างต่อเนื่อง และค่อนข้างคงที่ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่คู่แข่งรายสำคัญของมาม่า คือไวไวอ้างว่าได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น โดยนายปรีชา นภาพฤกษ์ชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตราไวไวและควิก ผู้นำตลาดอันดับ 2 เปิดเผยว่ามีส่วนแบ่งตลาด 32% จากเดิม26%

บริษัทยังคงตั้งเป้าการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเป้าหมายการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของไวไว จากส่วนแบ่งตลาด 32% เพิ่มเป็น 34-35% หรือเพิ่มอีก 2-3%


คณะผู้วิจัยสาเหตุที่ส่วนแบ่งการตลาดมาม่าลดลง ระบุว่า

เหตุใด ส่วนแบ่งทางการตลาดของ “มาม่า” จึงมีสัดส่วนที่ลดลงในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าให้ความสนใจอย่างมาก เนื่องจาก “มาม่า” เคยเป็นผู้นำตลาดธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ด้วยส่วนแบ่งตลาดมากถึง 60% และถือว่าได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งมาตลอดระยะเวลากว่า 35 ปี

แต่ในปัจจุบัน “มาม่า” ได้มีส่วนแบ่งทางการตลาดลดลงมาเรื่อยๆ ทำให้ “มาม่า” ต้องการที่จะแก้ไขปัญหานี้ เพื่อตอบสนองความต้องการที่จะกลับมาครอง ส่วนแบ่งทางการตลาดให้เป็นเหมือนดั่งเช่นที่ผ่านมา ในขณะที่คู่แข่งก็พยายามที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้มากขึ้นทุกๆ ปี จึงเป็นปัญหาหนักสำหรับ “มาม่า” ในการที่จะกลับมาครองส่วนแบ่งทางการตลาดให้เท่าเดิม

ดังนั้น ”มาม่า” จึงต้องทำการวิจัยศึกษาว่า เพราะเหตุใด “มาม่า”จึงมีส่วนแบ่งทางการตลาดลดลง และจะสามารถแก้ปัญหานั้นได้อย่างไร เพื่อให้ตนเองนั้นได้กลับมามีส่วนแบ่งทางการตลาดที่เท่าเดิม หรือมากกว่าเดิมได้


ทั้งนี้ผู้บริหารมาม่าอ้างว่าปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดลดลงมาเหลือราว 50% ขณะที่คู่แข่งขันของมาม่าอ้างว่าเหลือราว 48% โดยผู้บริหารมาม่าอ้างว่า ตลาดบะหมี่สำเร็จรูป ณ ปัจจุบันใกล้อิ่มตัวแล้ว กับมูลค่าการตลาดราว 12,000 ล้านบาทต่อปี

ซึ่งข้ออ้างดังกล่าวถือว่า สวนทางกับทั่วโลก ที่บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นเป็น 158.7 พันล้านซอง ในปี 2553

เครือข่ายผู้บริโภคสีแดงได้คิกออฟ เริ่มแคมเปญนี้เป็นวันแรกเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมานี้ โดยให้เหตุผลว่า เหตุที่ต้องเริ่มต้นด้วยการบอยคอต"มาม่า"ก็เพื่อจะได้โฟกัสอย่างชัดเจน และทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ในทันที

เครือข่ายผู้บริโภคสีแดงประกาศเป้าหมายว่า น่าจะมีคนเข้าร่วมโครงการรณรงค์ครั้งนี้เกินกว่า 20 ล้านคนทั่วประเทศ โดยอิงบนพื้นฐานคนไทยที่เลือกพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลที่มีมากกว่า 19ล้านเสียง หากนับรวมคนในครอบครัวของผู้มีสิทธิออกเสียงเหล่านี้ก็ควรมีคนเข้าร่วมแคมเปญนี้เกินกว่า 20 ล้านคนแน่ เนื่องจากคนเหล่านี้ถูกปล้นสิทธิ์ปล้นเสียงจากอำนาจเผด็จการ และผู้สนับสนุนอย่างสินค้าหนุนเผด็จการทั้งหลาย

อย่างไรก็ตามปัจจัยความสำเร็จก็ขึ้นอยู่กับการรณรงค์ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้กว้างขวางที่สุด โดยหวังว่าจะมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กันแบบปากต่อปากให้กระจายเป็นไฟไหม้ลามทุ่งออกไปในระยะ 1 เดือนแรกของโครงการนี้ น่าจะเป็นที่รับรู้กันทั่วประเทศ และทั่วโลก