ที่มา ข่าวสด
เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้พรรคเพื่อไทยดำรงอยู่โดยไม่มี "ผู้นำ" ในพื้นที่อย่างแท้จริง
ยิ่งวันเลือกตั้งใกล้เข้ามามากเพียงใด ความจำเป็นที่พรรคเพื่อไทยจะต้องมี "ผู้นำ" อย่างแท้จริง ยิ่งมีสูง
หัวหน้าพรรคอย่าง นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เองก็ยอมรับ
หากไม่ยอมรับ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ จะแถลงลาออกเมื่อมีข่าวว่า พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ จะมาเป็นหัวหน้าพรรคหรือ
การดำรงอยู่ของ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ จึงมิได้เป็นการดำรงอยู่ในฐานะ "ผู้นำ"
บทบาทของ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เสมอเป็นเพียงการรักษาการเพื่อรอคอยให้มี "ผู้นำ" ที่แท้จริงปรากฏขึ้น
ถามว่าแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มิใช่ "ผู้นำ" ตัวจริง เสียงจริงของพรรคเพื่อไทยหรอกหรือ
น่าคิด
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็น "ผู้นำ" อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นยุคพรรคไทยรักไทย ยุคพรรคพลังประชาชน ยุคพรรคเพื่อไทย
แต่ก็มีความต่าง
ในยุคพรรคไทยรักไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคและเป็น "ผู้นำ" พรรคอย่างแน่นอน
แต่ในยุคพรรคพลังประชาชน ในยุคพรรคเพื่อไทย มีความแตกต่างออกไป
แตกต่างออกไปเพราะว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งมิได้เป็นหัวหน้าพรรค และที่สำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งไม่ได้อยู่ในประเทศ
การเป็นผู้นำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงมีระยะห่าง อันเป็นการห่างทั้งในแง่ระยะทาง ห่างในแง่ตัวบุคคล และห่างในเรื่องข่าวสารข้อมูล
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงอยู่ในฐานะเป็นผู้นำในทาง "ความคิด" มากกว่า
ความเป็นจริงนี้มิใช่ว่าภายในพรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่จะต้องเข้าใจ หากแม้กระทั่งตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เองก็ต้องทำความเข้าใจ
เพราะว่าหากไม่เข้าใจก็อาจจะทำให้การนำผิดพลาด คลาดเคลื่อน
ผิดพลาดคลาดเคลื่อนเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2552 ผิดพลาดคลาดเคลื่อนเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553
ไม่ว่าองค์กรประชาชนอย่างนปช.แดงทั้งแผ่นดิน ไม่ว่าองค์กรทางการเมืองอย่างพรรคเพื่อไทย จึงจำเป็นต้องสร้าง "ผู้นำ" ขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนในทางเป็นจริง
การนำแบบกด "รีโมต" ทางไกลไม่น่าจะ "เวิร์ก"
จากนี้จึงเห็นได้ว่า มีความจำเป็นต้องมีหัวหน้าพรรค มีผู้นำที่เป็นจริงขึ้นในพรรคเพื่อไทย
เพื่อให้หัวหน้าพรรคประสานและทำความเข้าใจภายในพรรค เพื่อให้หัวหน้าพรรควางแผนและกำหนดยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีว่าทำอย่างไรจะสามารถชนะเลือกตั้งได้ในอนาคตอันใกล้
จึงถึงเวลาแล้วที่พรรคเพื่อไทยจะมีหัวหน้าพรรคตัวจริง เสียงจริง