ไร้สาระแต่น่าวิเคราะห์มากราวๆ 8 โมงเศษ เช้าวันที่ 24 สิงหาคม 2549 ขบวนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แห่งประเทศไทย ได้ออกจาก “บ้านจันทร์ส่องหล้า” มุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อทำงานตามปกติขณะที่รถวิ่งออกจากบ้านมาได้ประมาณ 1 กิโลเมตร มาตามถนนศิรินธร ห่างจากแยกบางพลัด หรือแยกซังฮี้ ราว 300 เมตร ขบวนได้วิ่งผ่านรถเก๋งแดวู สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฐฉ 3085 กรุงเทพมหานคร ที่จอดเสียอยู่เลนขวา ติดกับเชิงสะพาน ประตูรถด้านซ้ายเปิดออกทั้ง 2 บานเมื่อขบวนรถนายกรัฐมนตรีผ่านไปแล้ว ตำรวจหน่วยอรินทราช ที่ทำหน้าที่คุ้มกันขบวนรถนายกฯ จึงได้วิทยุแจ้งไปให้ จ.ส.ต.ภูวนาท นิ่มนวล กับ ส.ต.ท.สุธี เปลี่ยนขุนทด สายตรวจ จยย.สน.บางพลัด ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณนั้น มาตรวจสอบรถแดวูคันดังกล่าว เป็นรถต้องสงสัย เนื่องจากก่อนหน้านี้มีคนเห็นมาขับวนรอบๆ บ้านจันทร์ส่องหล้า แล้ว 2 รอบ เกรงจะเป็นรถซุ่มลอบสังหารนายกรัฐมนตรีโป๊ะเชะเป็นรถขนระเบิดมาดักฆ่าทักษิณจริงๆ
และเป็นไปตามรายงานของหน่วยข่าวกรอง ที่แจ้งไว้ก่อนหน้านี้แล้ว 2 สัปดาห์ว่า มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังดำเนินความพยายามลอบสังหารนายกรัฐมนตรีอยู่ในรถเก๋งแดวู ตำรวจพบชายคนหนึ่งในชุดเสื้อซาฟารีสีน้ำเงิน ใส่หมวกจ็อกกี้นั่งอยู่ในรถ และกำลังจะออกรถจึงเรียกหยุดขอตรวจสอบ ชายดังกล่าวแสดงบัตรประจำตัวว่าเป็นทหาร กอ.รมน. ชื่อ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชนะภายในตัวรถ บนเบาะหลังติดกับประตูขวา มีกระสอบทรายอยู่ 4 ใบ แกลลอนน้ำมัน จำนวนหนึ่ง มีสายไฟระโยงระยางไปกระโปรงหลัง จึงขอตรวจค้น ตำรวจบางพลัดทั้งสองนายแทบช็อก เมื่อพบว่าในกระโปรงหลัง มีดินระเบิดทั้งทีเอ็นที ซีโฟร์ และน้ำมันดีเซลอีก 13แกลลอน จึงแจ้งกลับไปที่หน่วยอารักขานายกรัฐมนตรีแล้วข่าวลอบสังหารนายกฯ ก็ดังระเบิดเปรี้ยงปร้างขึ้นมา ด้วยการบอกเล่าสู่นักข่าวฟังโดยทักษิณเองตำรวจใหญ่วิ่งกันพล่าน คุมตัว ร.ท.ธวัชชัย มาสอบปากคำที่กองปราบปราม
“สื่อจัดตั้ง” ในฝ่ายเกลียดชังทักษิณ ประโคมทันทีเช่นกันว่า “คาร์บ๊อง” บรรยายในข่าวว่า เป็นการจัดฉาก เป็นการสร้างเรื่องขึ้นมาเองของทักษิณขณะนั้นสถานการณ์ด้านทักษิณเป็นรองมาก เพราะถูกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไล่ตีหนักหน่วง สามารถก่อม็อบเคลื่อนย้ายไปตามสถานที่ต่างๆ ได้หลายแห่งในกรุงเทพฯ และประชาชนก็เข้าร่วมขับไล่มากขึ้นเรื่อยๆคาร์บ๊อง คาร์บวม จึงเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่เชื่อถือว่าทักษิณจัดฉากขึ้นมาจริงยิ่งเมื่อ “จ่ายักษ์” หรือ จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ ทหารสังกัด กอ.รมน.อีกคนหนึ่ง หนีการไล่ล่าไม่ไหว ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจเมื่อวันที่ 4 ก.ย.49 ก็ทำให้ความน่าเชื่อถือของทักษิณ หมดไปเลย“จ่ายักษ์” ให้การว่า การขนระเบิดใส่รถแดวูมาดักฆ่าทักษิณ เป็นการดำเนินการตามคำสั่งของ “พลเอก” ที่ไม่พอใจการบริหารของรัฐบาล และต้องการที่จะหยุดยั้งการโกงกินของบริวารทักษิณ “จ่ายักษ์” แฉว่า แผนฆ่าเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.49 มีการส่งทีมไปดักที่สนามบิน บน.6 แต่ลงมือไม่ได้ จากนั้นก็ส่งคนขับรถระเบิดตาม ตั้งแต่วันที่ 22-23-24 ส.ค. โดยเฉพาะวันที่ 24 ส.ค. หากกดระเบิดสำเร็จ ก็จะมีอีกทีม ลงไปยิงซ้ำด้วยปืนสงคราม
และถ้าลอบสังหารไม่สำเร็จ แผนขั้นสุดท้ายก็คือปฏิวัติก๊ากสื่อฝ่ายเกลียดชังทักษิณ พากันลงข่าวยุยงให้ประชาชน หัวเราะก๊ากหนักข้อขึ้น เพราะเรื่องราวที่ “จ่ายักษ์” เอามาปูดมันไร้สาระสิ้นดี คนระดับแค่จ่าจะรู้แผนลึกขนาดนี้ได้ยังไง
ขณะที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี รองผอ.รมน. ที่โดนทักษิณสั่งปลดทันที ที่ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชนะ อดีตคนขับรถของเขาถูกจับได้บนรถแดวูขนระเบิด ก็ได้ออกมาบอกนักข่าวว่า “จ่ายักษ์” ติงต๊อง ดูหนังฝรั่งมากเกินไป ก็เลยนึกว่าตัวเองเป็นพระเอก
พล.อ.พัลลภ คุยข่มทักษิณด้วยว่า ถ้าจะลอบสังหารจริงจะไม่ใช้รถขนระเบิดวิ่งไปทั่วกรุง จะทำเนียนกว่านี้ และทักษิณไม่มีทางรอดจากคำสารภาพของ “จ่ายักษ์” ทำให้ต่อมาตำรวจจับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า ร่วมขบวนการลอบสังหารทักษิณ ที่เป็นทหาร กอ.รมน. อีก 3 คน คือ พล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ พ.ท.สุรพล สุประดิษฐ์ พ.ท.มนัส สุขประเสริฐอัยการสั่งฟ้อง ต่อศาลทหาร 4 คน พล.ต.ไพโรจน์ พ.ท.สุรพล พ.ท.มนัส ร.ท.ธวัชชัย“จ่ายักษ์” ตำรวจกันไว้เป็นพยานไร้สาระ“จ่ายักษ์” บอกคนไทยทั้งประเทศว่า หากแผนการลอบสังหารทักษิณไม่ตาย แผนสุดท้ายก็คือปฏิวัติ มีแต่คนหัวร่อว่าไร้สาระสิ้นดี
วันนั้นไม่มีใครเชื่อเลย 4 ก.ย.49 “จ่ายักษ์” แฉ ซึ่งห่างมาอีกเพียง 15 วัน ก็เกิดการรัฐประหารจริงๆทักษิณเองก็รู้ว่าตัวเองจะโดนปฏิวัติ เช้าวันที่ 8 ก.ย.49 ทักษิณนัดเพื่อน ตท.10 ที่คุมกำลังในกรุงเทพฯ ไปกินกาแฟกันที่ห้องรับรองสนามบิน ฮ.พล.ม 2 สนามเป้า ฝากฝังให้สู้หากมีการปฏิวัติเกิดขึ้น แล้วเช้า 9 ก.ย.เขาก็ขึ้นเครื่องบินไปประเทศเม็กซิโก แล้วไปสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมประชุมสหประชาชาติที่ มหานครนิวยอร์กและก็เสร็จ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่นำทหาร 4 เหล่าทัพยึดอำนาจในคืน 19 กันยา 49 เรื่องราวอันไร้สาระของ “จ่ายักษ์” เป็นจริงมาถึงบรรทัดนี้ก็ขอบอกว่า การที่เอาเรื่องราวไร้สาระของ “จ่ายักษ์” มาร่ายซะยาวนั้น เพราะวันนี้กำลังจะเขียนถึงเรื่องที่มีคนโพสต์ข้อความเข้าไปในเว็บไฮทักษิณ เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้วว่า
มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังตระเวนต่างประเทศ หาซื้อปืน Sniper Rifle ซึ่งเป็นปืนลอบสังหารบุคคล เพื่อเอาเข้ามาปฏิบัติการลอบสังหารในประเทศไทยเมื่อพิจารณาจากต้อนตอของการปรากฏข่าวแล้ว จะต้องบอกว่าไร้สาระมาก เพราะการโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเข้าไปในเว็บไซต์ทางการเมืองอย่างนี้ มันไม่น่าเชื่อถือเลย เพราะไม่รู้ตัวตนคนเขียนแต่เมื่อเอาความเคลื่อนไหวอื่นๆ มาประกอบกันเข้าจะเห็นว่า มีสาระน่าติดตาม และน่าเอามาวิเคราะห์เป็นอย่างยิ่งว่า มันจะเป็นไปได้หรือไม่มันน่าวิเคราะห์ เพราะว่าเมื่อวันที่ 24 ม.ค.51 นักข่าวไปถามจ้ำจี้จ้ำไชเอากับ “นพดล ปัทมะ” ว่า ทำไมวันเวลากลับไทยของ “ทักษิณ ชินวัตร” จึงเลื่อนๆ ไปเรื่อยๆ“เฉลิม อยู่บำรุง” ประกาศบนเวทีสนามหลวง 21 ธ.ค.50 ว่าจะกลับ 14 กุมภาฯ วันวาเลนไทน์ ปี 51 ตัวทักษิณ ให้สัมภาษณ์สื่อไทยที่ฮ่องกงว่า จะกลับสงกรานต์ เมษายนปีนี้
คุณหญิงพจมาน ชินวัตร แจ้งศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ในการขึ้นศาลนัดแรกเมื่อ 23 ม.ค.ว่า ทักษิณจะกลับมาสู้คดีในเดือนพฤษภาคมปีนี้คำถามนี้ ทนายนพดลตอบว่า การจะกลับบ้านของอดีตนายกฯ ทักษิณ จะต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายประการ ทั้งสถานการณ์ประเทศชาติ ความเหมาะสม และต้องคำนึงถึงความปลอดภัย จากการที่เคยโดนลอบสังหารมาแล้วคำบอกของทนายนพดล ให้ความชัดเจนว่า ทักษิณเองก็ยังห่วงเรื่องจะถูกลอบฆ่าก่อนหน้านี้ ในวันก่อนเลือกตั้ง ทักษิณให้สัมภาษณ์ “จรัญ พงษ์จีน” จากค่ายมติชน ที่ไปสัมภาษณ์ในร้านกาแฟสตาร์บัค ใกล้ๆ โรงแรมมาร์โคโปโล เกตเวย์ ฝั่งเกาลูน ประเด็นลอบสังหารว่า เมื่อกลับมาแล้วก็ต้องเคลียร์ก่อนว่า คำสั่งดังกล่าวยังอยู่หรือเปล่า
แสดงว่า ทักษิณเองก็ไม่แน่ใจตรงนี้แหละที่เราได้หยิบยกประเด็น ทักษิณจะโดนลอบสังหารอีกขึ้นมาวิเคราะห์ในวันนี้ทักษิณ เล่าด้วยว่า วันที่โดนที่เชิงสะพานบางพลัดนั้น เสธ.กดรีโมตแล้ว แต่ระเบิดไม่ทำงาน เพราะยืนบังโคนเสาสะพาน ซึ่งสัญญาณรีโมตที่เอามาจากรีโมตรถยนต์บังคับ สัญญาณผ่านเสาคอนกรีตที่มีเหล็กอยู่ภายในไม่ได้ทักษิณ...ยังไม่ถึงคราวตายทีนี้เมื่อมาถามกันว่า คำสั่งฆ่าทักษิณยังอยู่หรือไม่ กลับมาจะโดนอีกหรือไม่ เราขอฟันธงว่า เรื่องยังไม่จบหมายความว่า การพิพาทบาดหมางระหว่างทักษิณ กับ ตท.6 ที่ยึดอำนาจการปกครองไปจากเขาเมื่อ 19 กันยา 2549 มาถึงวันนี้เรื่องราวก็ยังไม่จบ ทุกปมปัญหายังไม่สามารถที่จะเคลียร์กันได้และการลอบสังหารครั้งใหม่ อาจจะเร่าร้อนกว่าเดิมเสียอีกเพราะทำยังไงก็ยังย่อยสลายทักษิณไม่ได้หลังปฏิวัติ 19 กันยา 49 คมช. ทำลายทักษิณด้วยวิธีการหลายอย่างมาก สลายพรรคไทยรักไทย ด้วยการยุบพรรค ตามมาด้วยการตัดสิทธิการเมืองคณะกรรมการบริหารพรรคทั้ง 111 คน อายัดทรัพย์ทักษิณกับวงศ์วานว่านเครือ เพื่อไม่ให้มีเงินไปใช้ในการเลือกตั้ง หวังผลให้ลูกพรรคแตกออก แต่ก็ไม่ได้ผล มีคนแตกออกมานิดเดียว และเมื่อเลือกตั้งใหญ่ก็แพ้ ทั้งที่โกงสารพัด จัดเลือกตั้งล่วงหน้ากาคะแนนยัดหีบให้เขตละถึง 20,000 เสียง แต่ทางอีสานกับเหนือก็แพ้ไม่เป็นท่า
ขณะนี้ พรรคพลังประชาชนจัดรัฐบาลยังไม่เสร็จ แต่บริวารทักษิณ ที่พากันแตกหนีไปหลบซ่อนในช่วงหลังปฏิวัติใหม่ๆ ทั้งกบดานต่างประเทศ หายหัวไปจากสังคมไทย บัดนี้ได้พากันกลับมาเสนอหน้าสลอนและส่อแววจะหากินชั่วร้ายกว่าเดิมเฉพาะอย่างยิ่ง การโกงที่ยังไม่จบ เพราะโดนปฏิวัติซะก่อน ต่างพากันตั้งเค้าจะงาบกันต่ออีกแล้วที่ว่าจะชั่วร้ายกว่าเดิมก็ตรงที่ มีการส่งตัว “นอมินี” เข้ามาเป็นรัฐมนตรีก็เลยทำให้ชัดเจนว่า สภาพของรัฐบาลใหม่จะเลวร้ายกว่ารัฐบาลที่กุมบังเหียนด้วยมือของทักษิณรัฐมนตรีนอมินี จะมูมมาม ทุเรศทุรังนอกจากนี้ยังส่อท่าทีว่า ตท.6 โดนแน่เช่น กรณีที่ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ แบไต๋ออกมาแล้วว่า เมื่อตั้งรัฐบาลเสร็จจะเสนอให้มีการจัดตั้ง กมธ.สอบสวนลงโทษข้าราชการมหาดไทย ที่ร่วมในการสั่งการสกัดกั้นพรรคพลังประชาชน รวมทั้งไต่สวนการออกกฎหมายของ สนช.ที่เอื้อพวกโจร
การกำหนดสเปก คนที่จะมาเป็น รมว.กลาโหม โดย คมช.ถึงขั้นออกเป็น “มติคมช.” เมื่อวันที่ 22 ม.ค.51 โดยคนมาเป็นจะต้อง 1.เป็นทหาร 2.เป็นคนกลาง 3.ไม่สังกัดพรรคการเมือง คือ เครื่องยืนยันว่า ตท.6 กับทักษิณ...ยังเคลียร์กันไม่ได้
ถ้าเคลียร์กันได้จะไม่มีการประกาศสเปก รมว.กลาโหมผ่านนักข่าวกระทั่งวันอาทิตย์ 27 ม.ค.51 ข่าวก็ยังแรงอยู่ว่า “สมัคร สุนทรเวช” จะเป็นนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.กลาโหมและวันเสาร์ 27 ม.ค.51 ก็มีการปล่อยข่าวออกมาว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ไม่กลับมาประเทศไทยอีกแล้ว จะไปลี้ภัยการเมืองในประเทศมาเลเซีย โดยเตรียมบ้านไว้แล้ว ร้อนถึง “เว็บไซต์” ฝ่ายนิยมสนธิ ต้องรีบออกข่าวมาปฏิเสธว่า ไม่จริง และคนสนิทของพล.อ.สนธิ ที่แจ้งเรื่องข่าวลือไปให้ทราบขณะที่ยังทัวร์ต่างประเทศได้รับคำสั่งกลับมาว่า ไม่มีความจำเป็นจะต้องแก้ข่าวลือและในเว็บไซต์สายนิยมพล.อ.สนธิ ออกมาด้วยว่า 8.30 น.วันที่30 ม.ค.51 พล.อ.สนธิ นัดนักข่าวไปฟังเปิดใจ ที่ห้องรับรองพิเศษ สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะกลับจากทัวร์ตะวันออกกลาง จะพูดทั้งหมด ก่อนหมดหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีไร้สาระเมื่อกลับมาพิจารณาข้อความที่โพสต์ในเว็บไฮทักษิณ ที่บอกว่ามีผู้ชายคนหนึ่ง ไปตระเวนหาซื้อฟืนไรเฟิลลอบสังหาร มาใช้ในภารกิจลอบสังหารบุคคลในประเทศไทยแล้วเห็นชัดว่ามันไร้สาระจริงๆเพราะการซื้อปืนไรเฟิลสังหาร แม้จะซื้อในต่างประเทศ แต่มันก็ต้องมีหลักฐานว่าใครซื้อ และในการนำเข้าไทย โดยผ่านทางสนามบินก็ใช่ว่าจะเอาเข้ามาอย่างง่ายๆ จะต้องมีกระบวนการทางราชการหลายอย่างมากจึงจะเอาเข้ามาได้และปืนไรเฟิล ที่ใช้ในภารกิจลอบสังหารบุคคลนั้น คนธรรมดาซื้อไม่ได้ จะซื้อได้ก็เฉพาะหน่วยราชการทหาร ที่ปฏิบัติการพิเศษเท่านั้นว่ากันตรงๆ ปืน Sniper Rifle ในประเทศไทยมีพร้อมอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องไปซื้อถึงเมืองนอกให้เป็นที่เอิกเกริกดังนั้นสุดท้าย ก็เห็นทีต้องถามว่า ทักษิณกลับมาจะโดนอีกมั้ยตอบว่าคณะบุคคลที่ร่วมกันลอบสังหารทักษิณคราวก่อน ยังมีชีวิตอยู่ครบทีม