WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, January 29, 2009

สภามีมติเอกฉันท์ผ่านงบฯเพิ่มเติม1.2แสนล้าน

ที่มา ประชาทรรศน์

สภาฯผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมปี 52 ฉลุย!ด้วยคะแนน 238 ต่อ 1 หลังฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ตาม'สุนัย'ปากพล่อย!ที่ถูกเชิญออกจากห้องประชุม กรณีกล่าวหาปชป.ทำลายคนดี แล้วไม่ถอนคำพูดตามคำสั่งประธาน พร้อมตั้ง กมธ.วิสามัญ 30 คน แปรญัตติให้เสร็จภายใน 5 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาวาระด่วน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ได้เสร็จสิ้นลง เมื่อเวลา 00.50 น. วันนี้ (29 ม.ค.) หลังจากนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เสนอปิดประชุม

โดยก่อนหน้านั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสรุปสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.พร้อมขอให้สมาชิกช่วยกันออกเสียงเห็นชอบ และนายวิทยา บูรณศิริ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ได้ตั้งข้อสังเกตว่า 6 มาตรการเร่งด่วนที่รัฐบาลชุดก่อนทำไว้ซึ่งเป็นแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น เพื่อแก้ปัญหาน้ำมันราคาแพง ซึ่งตอนนั้นราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 140 กว่าเหรียญต่อบาร์เรล แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 41 เหรียญกว่าเท่านั้น จึงมีคำถามว่ามีความจำเป็นหรือไม่ที่จะทำมาตรการเหล่านี้ต่อไป นอกจากนี้การจ่ายเงินให้กับผู้ประกันตนคนละ 2,000 บาทนั้น อาจทำให้รัฐบาลต้องกู้เงินมาใช้ ทางที่ดีหากรัฐบาลต้องการลดภาระให้กับผู้ประกันตน ควรจะงดการเก็บเงินเข้ากองทุนประกันสังคมจะดีกว่า ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้ชี้แจงว่า 6 มาตรการนั้นได้มีการปรับเปลี่ยนเหลือ 5 มาตรการ โดยได้ยกเลิกมาตรการงดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพราะราคาน้ำมันลดลงมาแล้ว ส่วนการให้ใช้น้ำ-ไฟฟรี ก็ปรับเปลี่ยนจาก 150 หน่วย ลดลงเหลือ 90 หน่วยเพื่อช่วยเหลือคนที่ขาดแคลนจริงๆ ส่วนการจ่ายเงิน 2,000 บาท ให้ผู้ประกันตนนั้น ก็เพราะต้องการให้ผู้ประกันตนได้เอาเงินไปใช้จ่ายเพื่อให้เงินหมุนเวียนในระบบ ส่วนการลดภาระการจ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคมรัฐบาลก็มีเช่นกัน

ทั้งนี้ หลังจากนายชินวรณ์ ได้เสนอปิดการอภิปรายแล้ว ได้เกิดความขลุกขลักเล็กน้อย เนื่องจากมีสมาชิกหลายคนต้องการจะพูดต่อ แต่นายชัย ชิดชอบ ประธานการชุมได้ขอให้นายชินวรณ์ถอนญัตติปิดการอภิปรายก่อน และอนุญาตให้นายนายนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคชาติไทยพัฒนาพูดได้เพียงคนเดียวประมาณ 5 นาที

จากนั้นนายชินวรณ์ได้เสนอปิดการอภิปรายอีกครั้ง และมีการนับองค์ประชุม ปรากฏว่ามีผู้เข้าประชุม 258 คน ซึ่งเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด นายชัยจึงให้มีการลงมติว่าจะรับหลักการร่าง พ.ร.บ.นี้หรือไม่ ปรากฏว่ามี ส.ส.ที่รับหลักการ 238 คน ไม่รับหลักการ 1 คน งดออกเสียง 4 คน ไม่ลงคะแนนเสียง 15 คน ทั้งนี้ ในระหว่างลงมติมี ส.ส.ฝ่ายค้านอยู่ในห้องประชุมไม่กี่คน เนื่องจาก ส.ส.จำนวนหนึ่งได้ตามนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทยออกไป หลังจากที่นายสุนัยถูกเชิญออกนอกห้องประชุม เพราะไม่ทำตามคำสั่งของประธานสภาที่ให้ถอนคำพูด กรณีที่นายสุนัยกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์ชอบทำลายคนดี อย่างไรก็ตาม ถือว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ผ่านการรับหลักการในวาระที่ 1

หลังจากนั้นมีการลงมติตั้งคณะกรรมการวิสามัญ 35 คน ประกอบด้วยรัฐบาล 8 คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 27 คน แบ่งเป็นพรรคเพื่อไทย 10 ประชาธิปัตย์ 10 คน ภูมใจไทย 2 คน เพื่อแผ่นดิน 2 คน ชาติไทยพัฒนา 1 คน รวมใจไทยชาติพัฒนา+กิจสังคม 1 คน ประชาราช+ราษฎร 1 คน โดยให้คณะกรรมาธิการชุดนี้แปรญัตติให้เสร็จสิ้นภายใน 5 วัน

สำหรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 จากการเสนอของรัฐบาล มีวงเงินไม่เกิน 116,700,000,000 บาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น จำนวน 97,560,523,700 บาท และสำหรับรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลังจำนวน 19,139,476,300 บาท โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินในการดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนเพื่อเร่งรัดฟื้นฟูเศรษฐกิจและกระจายไปสู่ระบบเศรษฐกิจทุกภาคส่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและภาคธุรกิจ โดยลดค่าครองชีพและเพิ่มรายได้ และดำเนินการโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในชนบท

2วิปการันตีประชุมสภาไร้ปัญหา

ที่รัฐสภา วานนี้ (28 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณร่ายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2552 นายวิทยา บูรณศิริ ส.ส. พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน ระบุว่าในส่วนของส.ส.ฝ่ายค้านนั้นจะเข้าร่วมประชุมตามปกติและเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในเรื่องของการนับองค์ประชุม

โดยวันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยจะทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านและคาดว่าน่าจะใช้เวลาในการอภิปรายเกินกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งต้องไปพูดคุยกันอีกครั้งเนื่องจากอาจกินเวลาอภิปรายของส.ส.ฝ่ายค้านที่ลงชื่อแสดงเจตจำนงที่จะขออภิปรายถึง 40 ราย ขณะที่มีกำหนดเวลาให้เพียง 4 ชั่วโมง

นอกจากนี้ นายวิทยา ยังกล่าวถึงเนื้อหาการอภิปรายในวันนี้ ว่า ฝ่ายค้านจะพยายามชี้ให้เห็นว่างบประมาณที่รัฐบาลเสนอต่อสภาเป็นงบประมาณที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจริงหรือไม่ เนื่องจากต้องยอมรับว่านโยบายประชานิยมบางนโยบายที่วางไว้ตั้งแต่สมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจึงอยากฝากนายกรัฐมนตรีให้รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างด้วย เพราะยังมีขั้นตอนของการตั้งกรรมาธิการเพื่อแปรญัติเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของกฎหมายได้ ทั้งนี้มีทุกฝ่ายมีความคิดเห็นต่างกัน ก็คงร้ายแรงถึงขั้นล้มร่างพระราชบัญญัติฯดังกล่าว

“ชินวรณ์” แจงกรอบเวลาอภิปรายงบประมาณฯ

ด้าน นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล กล่าวว่า ในการประชุมร่วมกัน 2 วันที่ผ่านมาใช้เวลาไปทั้งหมด 1089 นาที ใช้เวลาในการประท้วงไป 103 นาที ไม่ถึง 10% ของเวลาประชุม ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการประชุมสภา ส่วนการประชุมวันนี้จะเป็นการหารือเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2552 ที่รัฐบาลเสนอมา 116,700 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2 แผน คือ แผนกระต้นเศรษฐกิจ และแผนพัฒนาความมั่นคงคุณภาพชีวิต

นอกจากนี้ ได้หารือถึงกรอบเวลาในการอภิปราย ซึ่งจะมีการอภิปรายในกรอบเวลา 10 ชั่วโมง โดยให้วลานายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชี้แจง 2 ชั่วโมง หัวหน้าพรรคอภิปรายไม่จำกัดเวลา แต่ไม่เกิน 1 ชั่วโมง พรรคร่วมรัฐบาล 2 ชั่วโมง และพรรคฝ่ายค้าน 5 ชั่วโมง

ประธานวิปรัฐบาล กล่าวต่อว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้มาขอเวลาอภิปรายในสัดส่วยของหัวหน้าพรรคเพื่อได้ 1 ชั่วโมง แต่หากเวลาไม่พอ คงต้องให้ไปใช้สัดส่วนของพรรคประชาราช ทั้งนี้ตนคาดว่าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2552 น่าจะเสร็จในเวลา 24.00 น. ทั้งนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณางบรายจ่ายเพิ่มเติม 35 คน เป็นพรรคร่วมรัฐบาล 16 คน และจากพรรคเพื่อไทย 11 คน

"เหลิม"งง!รัฐเปิดช่องอภิปรายแค่ 5 ชั่วโมง

ขณะที่ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายกลางปี 2552 วันนี้ว่า ตนจะชี้ให้เห็นว่างบดังกล่าวไม่ได้ช่วยเหลือประชาชน โดยมีเหตุผลคือ 1. ไม่เป็นงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 2. กระจุกตัวอยู่เฉพาะในกลุ่มของพรรคการเมืองแกนนำที่จัดตั้งรัฐบาล 3. ตรวจสอบได้ยาก 4.เอกสารงบขาดดุลที่รัฐบาลระบุไว้ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะความเป็นจริงงบขาดดุลจะอยู่ที่ 4.9 แสนล้านบาท แต่เอกสารของทางรัฐบาลระบุขาดดุลเพียง 3.7 แสนล้านบาท
และ 5. จะแจงรายละเอียดรายมาตราทั้ง 21 มาตรา 17 ด้าน ให้เห็นว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะที่ผ่านมาไม่แฟร์งบกระจุกอยู่ที่พรรคแกนนำ ไม่ได้ตั้งงบประมาณมาเพื่อช่วยเหลือประชาชน ไม่กระจายไปทั่วถึง โดยเฉพาะงบที่ลงไปให้กระทรวงศึกษาธิการถึง 1.9 หมื่นล้านบาท โดยผูกพัน 15 ปี ไม่ทราบว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะได้อย่างไร เพราะผูกพันนานขนาดนั้น

เมื่อถามว่าระยะเวลา 5 ชั่วโมงเพียงพอต่อการอภิปรายของฝ่ายค้านหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจในอดีตรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยเป็นฝ่ายค้าน ก็มักกล่าวอ้างว่าต้องให้เวลาฝ่ายค้านได้อภิปรายในเรื่องที่เป็นประโยชน์ เพราะตนจะเปรียบเทียบให้เห็นเมื่อสมัยที่ฝ่ายค้านโจมตีงบประมาณที่รัฐบาลขอไปดำเนินการในนโยบายประชานิยม แต่ในขณะนี้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็กำลังดำเนินการเรียนแบบประชานิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณ

และตนจะไม่เอาการอภิปรายเหมือนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเมื่อครั้งเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ที่เอาเอกสารทางวิชาการเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ของประเทศอังกฤษมาโจมตี แต่ตนจะชี้แจงข้อเท็จจริงในแบบเศรษฐกิจของไทย และจะชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลของบประมาณไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นการแจกเงินใส่กระเป๋าระดับแกนนำ ไม่ใช่ประชาชน

ย้ำจุดยืนจองกฐินถล่ม"กษิต"

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะพุ่งเป้าไปที่ตัวบุคคลหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องลำดับสอง เพราะลำดับแรกต้องดูว่าตัวบุคคลที่จะนำงบประมาณกลางปีไปใช้จ่ายมีความเหมาะสมหรือไม่ เช่นเดียวกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่ของบประมาณไปใช้กระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งที่นายกษิต เป็นคนทำลายความน่าเชื่อถือในการท่องเที่ยว ซึ่งตรงนี้มีเอกสารหลักฐานชัดเจน เนื่องจากมีการแจ้งความต่อนายกษิต ที่สภ.ราชาเทวะ สมุทรปราการ ตนจะสอบถามไปยังนายอภิสิทธิ์ว่ารัฐมนตรีมีความเหมาะสมที่จะเอางบไปใช้จ่ายหรือไม่ แต่หากไม่ได้อภิปรายในครั้งนี้ก็จะเก็บสะสมเอาไว้ก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณร่ายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 วงเงินงบประมาณ 116,700 ล้านบาทว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงเหตุผลการจัดทำงบประมาณเพิ่มเติมดังกล่าวว่า เนื่องจากในปี 2552 ภาวะเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก การใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง รายได้ภาคครัวเรือนลดลงจากปัญหาการจ้างงาน การลดลงของสินค้าเกษตร รวมทั้งความเชื่อมั่นภาคการลงทุนและการท่องเที่ยวลดลง

"มาร์ค"แจงอัดงบประชานิยมเป็นนโยบายเร่งด่วน

ดังนั้น รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และกระจายไปสู่ระบบเศรษฐกิจทุกภาคส่วนเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนและภาคธุรกิจ โดยการลดค่าครองชีพ เพิ่มรายได้ และดำเนินโครงการด้านโครงการพื้นฐานที่จำเป็นในชนบท แบ่งเป้าหมายการใช้จ่าย คือ ค่าใช้จ่ายตามมาตรการช่วยเหลือการครองชีพของบุคลากรภาครัฐ จำนวน 2,652.0 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน จำนวน 6,900.0 ล้านบาท เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 4,090.5 ล้านบาท เพื่อสำรองไว้ใช้จ่ายในเรื่องที่จำเป็นเร่งด่วนตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและเพื่อรองรับการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของรัฐบาล และเพื่อจัดสรรตามแผนงานฟื้นฟูและเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและแผนงานเสริมสร้างรายได้ จำนวน 83,918.1 ล้านบาท เพื่อให้การช่วยเหลือในการเพิ่มรายได้และลดค่าครองชีพของประชาชน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้กำหนดนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังประสบปัญหาเป็นการเร่งด่วน โดยจะดำเนินโครงการสำคัญ เช่น โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ โครงการ 5 มาตรการ 6 เดือน เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน โครงการจัดทำและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกร โครงการพาณิชย์ช่วยเหลือประชาชน โครงการสนับสนุนการท่องเที่ยว โครงการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี และโครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ นายกฯ ยังยืนยันถึงกรอบเวลาการอภิปรายว่า การให้ฝ่ายค้านอภิปราย 5 ชั่วโมง ถือว่ามากกว่าการอภิปรายทุกครั้งที่ผ่านมา และสาเหตุที่ต้องการให้การพิจารณาแล้วเสร็จภายในวันนี้ เนื่องจากต้องการอยู่ชี้แจงและตอบข้อซักถามของฝ่ายค้านด้วยตัวเอง

"เหลิม"จวกประชานิยม"มาร์ค"ไม่กระตุ้นศก.

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ได้กล่าวอภิปรายว่า ขณะนี้ประเทศอยู่ในภาวะขาดดุล ความพยายามจะออกร่าง พ.ร.บ.พิจารณางบประมาณรายจ่ายในช่วงนี้จึงถือว่าผิด พร้อมกล่าวหาว่าลักษณะการจัดทำงบประมาณรายจ่าย 1.1 แสนล้านบาทเศษ ไม่ใช่เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้ไม่ทุกภาคส่วนตามที่กล่าวอ้าง แต่เป็นการกระจุกงบฯ ตัวอยู่ที่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น

“ผมไม่เห็นด้วยรัฐบาลนี้ได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 325 ล้านบาทให้กระทรวงต่างประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านท่องเที่ยว ถือว่าเสียของ เพราะรมว.เป็นผลิตผลของพันธมิตรเพื่อประชาชนประชาธิปไตย งบประมาณแค่นี้ไม่เพียงพอกับการกอบกู้ความศรัทธา นายกษิต ภิรมย์ ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เป็นว่าเล่นและยังตกผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายสากลอีกด้วย” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ออกตัวไม่เกี่ยวเหตุมิคสัญญี 7 ตุลาฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้กล่าวถึงพรบ.งบประมาณฯว่าไม่ใช่เป็นการจัดทำงบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สลับกับการอภิปรายผูกโยงให้เห็นถึงความเกี่ยวพันของรัฐบาลและพันธมิตรฯ โดยปกป้องตำรวจที่ใช้กำลังสลายกลุ่มผู้ชุมในเหตุการณ์ 7 ตุลาทมิฬว่า ตำรวจร้อยละ 90 เป็นคนดี แต่ที่ต้องจำทนต้องใช้อาวุธสลายเพราะสถานการณ์พาไป และมติ ครม.ไม่มีคำสั่งให้ใช้กำลังแต่ได้มอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้รับผิดชอบสถานการณ์เท่านั้น นอกจากนี้ ร.ต.อ.เลิมยังนำหนังสือพิมพ์มติชนที่เขียนถึงเรื่องทุนนิยมสามานย์ และเปรียบเปรยว่า นายอภิสิทธิ์เคยต่อต้านแนวทางบริหารประเทศของรัฐบาลไทยรักไทยโดยระบุว่าเป็นทุนนิยมสามานย์แต่มาถึงปัจจุบันกลับทำเสียเอง โดยมีการเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ชี้แจงเรื่องนี้

ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงนโยบายช่วยเหลือมนุษย์เงินเดือนรายละ 2,000 บาทสำหรับผู้ประกันตนและมีรายได้ไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนจำนวน 9 ล้าน 2 แสนคน โดยใช้งบประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นนโยบายซื้อเสียงล่วงหน้า ส่วนโครงการ 5 มาตรการ 6 เดือนเพื่อช่วยลดค่าครองชีพ ถือว่าเป็นการลอกนโยบายประชานิยม เพราะคนที่คิดคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามารถเข้าถึงประชาชนทุกครัวเรือน แต่ไม่ขัดข้องหากรัฐบาลชุดนี้จะสานต่อเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้จดลิขสิทธิ์ไว้

เพ้อกลางสภาฝันนั่งนายกฯ

นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า หากตกมีวาสนาได้เป็นนายกฯ คนที่ 28 ตนจะไม่ทำอย่างที่นายกฯคนปัจจุบันทำ แต่จะทำนโยบาย 1.จัดบัณฑิตอาสาสร้างงานอนุรักษ์ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น 2. จัดตั้งศูนย์โลจัสติกแบบครบวงจรเพื่อใช้สนามบินทั่วประเทศเป็นศูนย์การขนส่ง 3. จัดศูนย์บริการนักท่องเที่ยวครบวงจร 4.จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพแก่ผู้ที่มีความรู้ด้านแรงงาน พร้อมกันหาตลาดแรงงานมารองรับ และ5. จัดโครงการเสาไฟฟ้าส่องสว่างพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วพื้นที่ที่ไม่มีฟ้าฟ้า เพื่อให้เกิดการจ้างงาน

"มาร์ค"ปัดข้อหาก่อการร้ายแทน"กษิต"

จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ลุกขึ้นชี้แจงว่า ในส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตงบประมาณนั้น ตนจะกลับมาชี้แจงหลังจากกลับมาจากการปฎิบัติภารกิจในช่วงค่ำ แต่จะชี้แจงในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงบประมาณตั้งแต่กรณีปัญหาของนายกษิต ที่ร.ต.อ. เฉลิมบอกว่ามีการแจ้งความนายกษิตในข้อหาก่อการร้ายสากลในวันที่ 23 ธ.ค.ที่ จ.สมุทรปราการ นั้นความจริงเป็นการแจ้งข้อหาบุกรุก และไม่ได้เจาะจงนายกษิต ที่ปิดสนามบิน แต่มีการอ้างถึงการอภิปรายของนายกษิต ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนการแจ้งความร้องทุกข์นายกษิตโดยตรงคือวันที่ 26 ม.ค. ดังนั้น ที่ตนชี้แจงทุกครั้งเป็นความจริง

"สำหรับที่อ้างว่าผมเคยต่อต้านต่างๆ ของรัฐบาลเก่า แต่วันนี้ทำเสียเองนั้นไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบ เพราะแต่ละช่วงสถานการณ์เศรษฐกิจไม่เหมือนกัน ราคาน้ำมันมีการปรับตัวขึ้นลง ดังนั้นจะยึดเอาคำพูดที่ผ่านมาไม่ได้ สำหรับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ผมยังยืนยันความเห็นเดิม เพราะขณะนั้นทำในช่วงที่งบประมาณไม่พร้อม การสร้างหลักประกันสุขภาพให้กับประชาชนเป็นสิ่งดี แต่งบประมาณต้องพร้อม ถามว่าโครงการนี้ที่ผ่านมาโรงพยาบาลได้รับงบประมาณตามที่ต้องใช้จริงหรือไม่ คนต้องต่อคิวยาว คุณภาพไม่เพียงพอ กระทั่งรัฐบาล พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงได้เพิ่มงบประมาณรายหัว นโยบายนี้จึงเดินหน้าได้ถึงขั้นสามารถยกเลิกการเก็บ 30 บาท" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ลั่นประชานิยมปชปไม่ใช่ทุนนิยมสามานย์

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า บางโครงการถ้าเป็นประโยชน์กับประชาชน ตนไม่เป็นคุณนายละเอียด หรือ คิดเล็กคิดน้อย ว่า ใครเริ่มต้นไว้ โดยเฉพาะนโยบาย 6 เดือน 6 มาตรการก็เพิ่งทราบวันนี้ว่าเป็นความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าใจว่าเป็นความคิดของนายสมัคร สุนทรเวช หรือ รมว.คลังขณะนั้น อะไรที่เป็นประโยชน์ก็เดินต่อ อะไรที่แก้ไขก็ปรับปรุงส่วนที่ไม่ถูกต้องก็ยกเลิก นโยบายรัฐบาลวันนี้จะเรียกประชานิยมหรือไม่ ก็แล้วแต่ ตนก็ไม่คิดจะเป็นเจ้าตำรับเศรษฐกิจ เพราะรู้จักประมาณตน มาตรการทั้งหลายจะดูตามความจำเป็นและเนื้องานเป็นหลัก และยืนยันว่าไม่มีทางทำอย่างนี้ในปี 2544 หรือ 2548 อย่างแน่นอน วันนี้บอกว่าจะพูดประชานิยมแล้วจะไปสู่ทุนสามานย์หรือไม่ ตอบว่าไม่ เพราะคนคิดนโยบายนี้ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะนั่น คือ หัวใจของทุนสามานย์

ขณะที่ ร.ต.อ. เฉลิม แย้งว่า กรณีของนายกษิตนั้นในวันที่ 23 ธ.ค.มีคนไปร้องทุกข์กล่าวโทษนายกษิต ในฐานะเป็นผู้ก่อการร้ายสากลที่สถานีตำรวจภูธรราชาเทวะ มีบันทึกประจำวันลงข้อความว่านายกษิตได้ร่วมในการยึดสนามบินจนเป็นเหตุให้ปิดสนามบิน ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาม. 135 / 1 อันเป็นความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย

"สุนัย"แฉทุจริตหนังสือ-ชุดนักเรียนฟรี

จากนั้น นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายว่า จะพูดถึงกลิ่นเหม็นของปลากระป๋องที่ลามไปถึงเสื้อผ้านักเรียนและหนังสือเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ ที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.ศึกษาธิการ บอกว่ามีนโยบาย 90 วัน แจกฟรี หนังสือ เสื้อผ้า ซึ่งใช้งบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ กว่าหมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเฉพาะค่าหนังสือกว่า 6, 430 ล้านบาท ค่าเครื่องแบบอีก 4,000 ล้านบาท โดยมีการประชุมเมื่อวันที่ 22 มค.เพื่อกำหนดราคากลางของหนังสือ โดยใช้มาตรฐานขององค์การค้า (สกสค . )ซึ่งปรากฎว่า หนังสือทุกเล่มมีราคาแพงกว่าเอกชนถึง 1 เท่า เกือบทั้งหมด

ฉะนั้น ราคาจริง คือ ครึ่งเดียวของงบประมาณ 6 พันกว่าล้านบาทนี้ ที่ท่านรัฐมนตรีบอกว่าให้ใช้ราคากลางของ สกสค . แล้วลดลงมาอีก 20 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังแพงกว่าของเอกชนอยู่ดี อีกทั้งยิ่งไปกำหนดให้ยึดตามราคาขององค์การค้าด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้มีปัญหามากขึ้น เพราะ ต่อไปราคาหนังสือเรียนก็จะเขยิบขึ้นตามกันหมด ไม่มีการแข่งขัน ต่อไปจึงอาจจะมีการเปลี่ยน แค่ปกหนังสือแล้วนำมาขายกัน เรื่องนี้รัฐมนตรียังไม่ได้ทุจริต แต่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ปูดราคาแพงกว่าท้องตลาดเท่าตัว

นายสุนัย กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องเครื่องแบบนักเรียนที่บอกว่าจะแจก ได้ติดตามไปดูเนื้อผ้าของกางเกงหรือไม่ แล้วใครตั้งสเปคไว้ไม่ทราบพยายามตั้งให้แพงเอาไว้ก่อน กางกงทั่วไปเนื้อผ้าดีๆ ราคา 100-200 บาทเท่านั้น แต่ถ้าเป็นตราสมอมี มอก . ตามที่ตั้งสเปคไว้ราคาตัวหนึ่ง 300 เกือบ 400 บาท เปรียบเทียบกับ กทม.ที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งราคาของชุดนักเรียนชั้นอนุบาลทั้งชุด 125 บาท ขณะที่ชั้นมัธยมราคา 225 บาท จึงอยากให้รัฐมนตรีนำมาเปรียบเทียบดู

"ความจริงผมจะไม่สนใจเลยไม่ได้ ว่าจะมีการทุจริต เพราะองค์ประกอบมากขนาดนี้ นโยบายเปรียบเสมือนคุณธรรมนำความรู้ แต่ที่รัฐบาลทำแบบนี้เป็นลักษณะคุณธรรมอำความรู้ แต่การบริหารของรัฐมนตรีชุดนี้ เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะรัฐมนตรีหลายคนมีประวัติไม่ดี ซึ่งรัฐมนตรีศึกษารู้หรือไม่ว่าเป็นใคร" นายสุนัย กล่าว

"อู๊ดด้า"ขอดูเอกสารก่อนแจง

นายสุนัย กล่าวว่า อยากให้เปลี่ยนแปลงจากการที่เคยซื้อชุดและหนังสือให้นักเรียน มาเป็นโอนเงินเข้าบัญชีผู้ปกครองเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อรักษากลไกการตลาด เพราะหากมีขาดเหลือ ก็ยังตกอยู่ที่ประชาชน แต่หากโรงเรียน หรือกระทรวงจะซื้อให้รับรองเจ๊ง และโครงการเรียนฟรี 15 ปี อยากถามว่าจะทำได้หรือไม่ เพราะขณะนี้นักเรียนที่เรียนโรงเรียนสาธิต อย่างน้อยเสียค่าเข้าเรียน 3-5 แสนบาท อย่างนี้จะเรียกเรียนฟรีได้อย่างไร นอกจากนี้ตนอยากถามหากรัฐบาลสนับสนุนภาษีที่ดินและภาษีมรดก หากเข้ามาสภาจริงตนก็พร้อมจะสนับสนุน เนื่องจากรัฐบาลไปใช้ช่องว่างจากคนรวยและคนจน แต่ตนก็กลัวผิดหวังไม่ได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์มักพูดแล้วไม่ทำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่นายสุนัยอภิปรายเสร็จ นายจุรินทร์ ได้ลุกขึ้นขอเอกสารหลักฐานที่นายสุนัย ได้อภิปรายทั้งหมด เพื่อนำไปตรวจสอบและจะชี้แจงอีกครั้งภายหลัง แต่นายสุนัยได้สวนกลับกว่า ข้าราชการที่ดี ที่เป็นสายของตนมีมาก และหากรัฐมนตรีเอาเอกสารไปก็จะรู้รหัสว่าใครเป็นคนนำข้อมูลมาให้ตน และอาจสั่งย้ายหมด ถ้าหากนายจุรินทร์ อยากได้จริงก็ควรให้เจ้าหน้าที่ ตามไปจดเลขรหัส ภายหลังจากที่ตนแถลงเรื่องนี้กับสื่อมวลชน

แถลงซ้ำตอกลิ่มงบฉาวเสมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น นายสุนัย ได้เปิดแถลงข่าวว่า นโยบายการเรียนฟรี ของรัฐบาล โดยเฉพาะ การแจกหนังสือ และเสื้อผ้านักเรียนฟรี ที่ดูผิวเผิน แล้ว เหมือนจะดูดี แต่จากการตรวจสอบในฐานะที่ตนเคยดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษารมต.กระทรวงศึกษาธิการพบว่า มีการสอดไส้ ตกแต่งงบประมาณกันเกิดขึ้น จากราคาเมื่อก่อนที่ไม่เท่าไหร่ โดยเฉพาะราคาหนังสือ ที่เนื้อหา ได้รับการรับรองจากคุรุสภา เหมือนกัน และสามารถนำไปสอนได้เช่นกัน แต่กลับเปลี่ยนปก สอดไส้ เพิ่มราคาเป็น 1 เท่า จากเมื่อก่อน 50 บาท ก็เป็น 100 บาท ซึ่งจะคล้ายกับกรณีปลากระป๋องเน่าไปทุกทีแล้ว

“เพราะนโยบายความไม่มั่นใจของท่านนายกฯ (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) คือ ท่านจับอะไรไม่มั่น ท่านพูดแต่ว่า สวยๆ หรูๆ ให้มันเท่ๆ เท่านั้น อยากถามนายกฯว่า บัตร เครดิตที่อยู่ในกระเป๋า ยังรักษาไม่อยู่ ยังหายเลย และคนใช้ยังนำไปเบิกเงินได้ มาวันนี้ งบประมาณเป็น แสนๆล้าน จะรักษาอย่างไร จะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบดูแลทุกเรื่องอย่างละเอียด ว่ามีการจัดงบไปตรงไหนบ้าง ใช้เงินอย่างไรบ้าง เพราะเงินที่ได้มาเป็นภาษีของประชาชน”นายสุนัยกล่าว

นายสุนัย กล่าวต่อว่า วันนี้มีกลิ่นตุๆ ถึง การทุจริตแล้ว ไม่ว่าจะเป็น กรณีปลากระป๋องเน่า กรณีการแจกเงินของนายบูญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย หรือกรณีหนังสือสอดไส้ นายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกฯ เทพประธาน ควร จะสำนึกหน่อย เมื่อมาเป็นนายกฯ แล้ว ไม่เห็นว่า จะดูแลเรื่องการทุจริตให้เข้มงวด หรือปกป้องภาษีของประชาชน เลย มาวันนี้จะของบ กลางปีเป็นแสนๆล้าน อีก ที่เรียกว่า งบประชาธิปัตย์นิยม เพราะจะมีการกินตามน้ำ ในหลายเรื่อง ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี คิดว่า คงไม่มีการปรับใหญ่ แต่ถ้าจะเก็บเนื้อร้ายไว้ ก็จะลามไปยังนายอภิสิทธิ์

ซัดรัฐบาลลอกการบ้าน"ทักษิณ"

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในที่ประชุมว่า นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า ตนขอยกคำพูดว่า เติ้ง เสี่ยว ผิง ที่พูดไว้ว่า “แมวสีไหนก็จับหนูได้” มาใช้ในการอภิปรายฯ เพราะวันนี้เรามีอาหารแมว อาหารกระป๋องมา จนแมวขี้เกียจจับหนูมาเป็นอาหารกิน เพราะมีการนำนโนยบายเก่าสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ มาใช้ และก็ลอกมาไม่หมด ทั้งนี้ตนยืนยันว่างบประมาณที่จัดไม่ใช่งบกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใน 6 เดือน แต่เป็นการจัดงบเพิ่มเท่านั้น โดยเฉพาะงบของกระทรวงศึกษานั้นไม่ใช่งบกระตุ้นในระยะสั้น

ขณะที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลทำนโยบายแบบเกทับ บลัฟแหลก ทั้งนี้การสร้างรายได้ตนอยากให้รัฐบาลรีบทำหวยบนดิน 2-3 ตัวขึ้นมา เพราะตอนนี้ คนพร้อม เครื่องพร้อม และคนเดินโพยก็พร้อมแล้ว นอกจากนี้ตนอยากให้รัฐบาลรีบจัดงบประมาณกันเหนียวจากกรณีพันธมิตรฯปิดสนามบิน เผื่อเขามาทวงค่าเสียหายทีหลังจะได้มีเงินจ่าย ทำให้นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรมช.คลังในสมัย “ชวน 2” ได้ลุกขึ้นชี้แจง ว่า รัฐบาลชวน ได้ตั้งงบประมาณขาดดุลในปี 52

"สมเกียรติ"อ้างด้านพันธมารไม่ได้ยึดสนามบิน

อย่างไรก็ดี นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นกล่าวว่า ตนนายสมเกียรติ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอใช้สิทธิชี้แจงเพราะถูกพาดพิงในสภาหลายครั้งก็อดทนมาตลอด ตนยืนยันว่าตนไปชุมนุมจริงตามมติแกนนำพันธมิตรฯ แต่ไม่ได้ปิดสนามบิน หรือยึดรันเวย์ แต่คนที่สั่งปิดแบบมีลายลักษณ์อักษร คือ ผู้ว่าการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ซึ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทปราการ ก็ตำหนิไปแล้วว่าสั่งปิดสนามบินทำไม และการมากล่าวหาว่าตนเป็นผู้ก่อการร้ายสากลก็ไม่ใช่ ซึ่งตนก็สู้ไม่ใช้เอกสิทธิ์ของ ส.ส. ไม่เคยหนีศาล ไม่ขี้ขลาด หนีไปต่างประเทศ และศาลก็ชี้ออกมาแล้วว่าตนไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายสายกล ในเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฎในราชอาณาจักร ตนก็ต่อสู้ จนตุลาการสั่งเพิกถอนข้อหานี้ แต่ก็ยังมีความพยายามโยงเข้ามาในสภาและพูดกันอีก อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมสู้และไม่ยอมหนีคดีออกไปต่างประเทศจนกลายเป็นอาชญากรข้ามชาติ

"สุรพงษ์"วอล์คเอาท์หลังด่า"ชวน"ทำชาติพัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในห้องประชุมเริ่มตรึงเครียดอีกครั้ง เมื่อนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ ว่า รัฐบาลชวน ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเสียหาย ทำให้นายนพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ต่างลุกขึ้น ตอบโต้ว่า รัฐบาลที่ทำให้เศรษฐกิจเสียหาย คือ รัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ทำให้นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นคนสนิทของพล.อ.ชวลิต ลุกขึ้นประท้วง ขอให้นายนิพิฎฐ์ ถอนคำพูดว่า พล.อ.ชวลิต ทำให้เศรษฐกิจเสียหาย ซึ่งนายนิพิฎฐ์ ยอมถอนคำพูดเพราะเมื่อพูดแล้วทำให้เสียหายก็ยอมถอน ในขณะที่นายสุรพงษ์ ไม่ยอมถอนคำพูด และเดินออกจากห้องประชุมแทน

จากนั้น นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า การแสดงความเห็นของสมาชิกต้องอยู่บนพื้นฐานความจริง และผิดหวังกับความเห็นของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ซึ่งในวันเดียวกันนี้ ตนและนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ ได้เสนอให้ครม.อนุมัติงบประมาณ 600 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาให้เกษตรกรที่เดือดร้อนจากการถูกยึดที่ทำกิน แต่น่าเป็นห่วงที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร

เพื่อไทยป่วนนับองค์ประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในที่ประชุมเริ่มราบรื่นโดยมีสมาชิกนั่งฟังในห้องประชุมอย่างบางตาขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ติดภารกิจรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระราชพิธะรพราชทานรางวัล ณ พระที่นั่งจักรีมหาประสาท แต่ปรากฎว่านายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นเสนอนับองค์ประชุมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยอ้างว่ามี ส.ส.อยู่ในห้องประชุมน้อย ซึ่งได้ถูก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์พากันลุกขึ้นต่อว่า โดยระบุว่า การเสนอนับองค์ประชุมดังกล่าวเหมือนพยายามขัดขวางการนำงบประมาณไปแก้ปัญหาให้ประชาชนถือว่าไม่เหมาะสม

ทั้งนี้ นพ.วรงค์เดช กิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้แก้เกมด้วยการเสนอให้นับองค์ประชุมแบบขานชื่อเพื่อยื้อเวลารอ ส.ส.เข้าห้องประชุม โดยระบุว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยถนัดแต่เสนอนับองค์ประชุม ทำให้บรรยากาศการประชุมเสียหาย อย่างไรก็ดี นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทยวิปฝ่ายค้าน ได้เสนอแก้ปัญหาด้วยการขอให้ประธานสั่งพักการประชุม โดยนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาฯ ในฐานะประธานในที่ประชุมได้สั่งพักการประชุม 10 นาที เพื่อให้วิปรัฐบาลและฝ่ายค้านไปตกลงกันเพื่อให้การประชุมเป็นไปด้วยความราบรื่น