ที่มา ประชาทรรศน์
คอลัมน์ : ตะแกรงข่าว
โดย ณัฐณิชา
จากกรณีที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงในนาม “ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51” ที่นำมวลชน ไปปิดล้อมสนามบินเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เพื่อต่อต้านการมาร่วมงานศิษย์เก่า มช.ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง จนแทบการเป็นการจลาจล เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้
กระทั่งเกิดปัญหากระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เองก็ตาม
จนทำให้มีสื่อมวลชนบางจำพวก หยิบยกมาเป็นประเด็นประโคมข่าว ในลักษณะสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มคนเสื้อแดงในนาม “ กลุ่มรักเชียงใหม่51” ที่มี นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล เจ้าของโรงแรมแกรนด์วโรรส เชียงใหม่ และผู้อำนวยการสถานีวิทยุชุมชนเป็นแกนนำ มีความโหดร้าย ป่าเถื่อน
ยิ่งกรณีที่มีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่ามีการ “ตบหน้า” อาจารย์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เป็นสุภาพสตรีด้วยแล้ว (ตามเนื้อข่าวที่ปรากฏ) ยิ่งมีการประณามว่าเป็นการคุกคามอย่างรุนแรง จนกระทั่งมีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าพนักงานตำรวจ โดยเจ้าตัวออกมายืนยันอย่างแน่วแน่ว่า จะมีการดำเนินคดี เอาเรื่องให้ถึงที่สุด
เพราะที่ถูก ที่ควรแล้ว ก็สมควรที่คนไทยทุกคน จะต้องรู้จักรักษาสิทธิของตนเองทั้งสิ้น ดังนั้นการดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อแดงในนาม “ กลุ่มรักเชียงใหม่51” ในครั้งนี้ ของอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ท่านนี้ จึงสมควรแก่เหตุและผลทุกประการ(แม้สมมติว่าเบื้องหลัง อาจจะมีใบสั่งก็ตาม) และควรยึดเป็นแบบอย่างบรรทัดฐาน
แต่ในสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน ที่มีการแบ่งขั้วแบ่งข้างกัน แตกความสามัคคีกันอย่างชัดเจน กรณีของอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เป็นสุภาพสตรีท่านนี้ จึงกลับกลายเป็นเรื่องที่สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้แก่ฝ่ายกลุ่มคนเสื้อแดงในนาม “กลุ่มรักเชียงใหม่ 51” และกลุ่มคนเสื้อแดงกลุ่มอื่นๆ เป็นอย่างมาก
และยิ่งมาตอกย้ำด้วยการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีการยิงยางรถยนต์ของ กลุ่มคนเสื้อแดงในนาม “ กลุ่มรักเชียงใหม่51” ที่พยายามขับรถยนต์คันดังกล่าว แหวกฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กำลังทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ก็ยิ่งทำให้เห็นภาพความขัดแย้งที่ชัดเจน ในสังคมไทยของเรา
ไม่มีสื่อมวลชน หรือองค์กรสิทธิมนุษยชนรายใด ออกมาประณามเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดอารักขา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ว่าทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมทุกคน จะถูกห้ามพกพาอาวุธทุกชนิด แม้แต่กระบองยังพกพาไม่ได้เสียด้วยซ้ำไป
การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตัวนี้ เอ๊ยคนนี้ ใช้ปืนออกมายิง แม้จะเป็นเพียงการยิงยางรถยนต์ก็ตาม ทำให้สังคมไทย ได้มองเห็นชัดขึ้นไปอีกระดับหนึ่งว่า ไม่ใช่เฉพาะม็อบเท่านั้นที่มีเส้น ยังมีตำรวจอีกจำพวกด้วยที่มีเส้น
แต่สิ่งที่ตำรวจคนนี้ทำลงไป (ไม่ว่าใคร?จะเป็นคนสั่งก็ตาม) ก็ได้สร้างความฉุกคิดให้กับสังคมขึ้นมาว่า ตอนที่พวกของตนเอง โดนกลุ่มม็อบก่อการร้ายขับรถพุ่งชน แล้วถอยกลับมาเหยียบซ้ำหวังพยายามฆ่าอย่างชัดเจน ตำรวจท่านนี้หายหัวไปอยู่ไหน? ไม่มาปกป้องเพื่อนร่วมอาชีพบ้าง
แค่เพื่อนอีกคนยกปืนขึ้นมาประทับ เพื่อจะยิงยางรถยนต์คันก่อเหตุพยายามฆ่าเพื่อนร่วมอาชีพ แม้จะยังไม่ได้ลั่นกระสุนออกไป ยังถูกสื่อชั่วๆนำไปขยายความโจมตี จนแทบอยากร้องไห้เกือบสิ้นอนาคต ทั้งๆที่ทำได้เพียงยืนมองดูเพื่อนร่วมอาชีพถูกพยายามฆ่าอย่างเลือดเย็น
จึงเกิดคำถามกับเหล่าตำรวจมีเส้นทั้งหลายว่า“วันนี้คุณเป็นผู้พิทักษ์สุเทพ หรือว่าคุณเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ช่วยตอบให้กระจ่างที
ถ้ามองว่าการกระทำของอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เป็นสุภาพสตรีท่านนั้นก็ดี หรือการกระทำของนายตำรวจ ผู้ลั่นกระสุนท่านที่ว่านั้นก็ดี เป็นการกระทำตามหน้าที่ เป็นการกระทำตามสิทธิที่พึงมี ก็คงพอมองได้ แม้จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจอย่างไรก็ตามที
แต่ในเมื่อวันนี้ พวกท่านทั้งหลายตะแบงว่าท่านมาถูกทาง มาโดยสง่างาม แม้ประชาชนเสียงส่วนใหญ่ของประเทศนี้ไม่ได้เลือกท่านมาก็ตาม แต่ในยุครัฐบาลมีเส้น มาโดยม็อบมีเส้น และพิทักษ์โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารที่มีมีเส้น ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยไปแล้ว สำหรับประเทศไทย
ดังนั้นการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่ว่ากลุ่มใดก็ตาม ควรระลึกไว้เสมอว่า พวกท่านทั้งหลายไม่ได้มีเส้นเยี่ยงใครๆเขา จะทำอะไร? จะคิดอะไร? ก็ควรรู้จักสงบเสงี่ยมเจียมตัวกันบ้าง และพึงเพิ่มความระมัดระวังด้วย เพราะพวกพวกท่านเป็นม๊อบเกาเหลา(ไม่มีเส้น ฮา...)
จากกรณีที่อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เป็นสุภาพสตรีท่านที่ว่า ไปแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อแดงในนาม “ กลุ่มรักเชียงใหม่51” นั้น ในฐานะสื่อมวลชน และประชาชนคนหนึ่งที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ ก็ขอยกย่อง และภาคภูมิใจในตัวอาจารย์ที่เป็นสุภาพสตรีท่านนี้อย่างสูง ด้วยเหตุที่ว่า เมื่อตนเองถูกกระทำ ถูกละเมิด ก็รู้จักลุกขึ้นมาเรียกร้องปกป้อง รักษาสิทธิของตนเอง อย่างไม่มีเกรงกลัวหน้าอินทร์ หน้าพรหม(แต่ไม่รู้ว่ามีใบสั่งหรือเปล่า)
และที่สำคัญการแจ้งความดำเนินคดี และจะเอาเรื่องกลุ่มคนเสื้อแดงในนาม “ กลุ่มรักเชียงใหม่51” ให้ถึงที่สุดของอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เป็นสุภาพสตรีท่านที่ว่านี้ นอกจากจะน่ายกย่อง ภาคภูมิใจแล้ว
ยังน่าจะสร้างความละอายใจให้แก่สุภาพบุรุษบางจำพวกได้ไม่น้อย หรืออาจจะถึงกับทำให้สุภาพบุรุษบางคน ต้องอับอายถึงขนาดต้องไปหากระโปรงมานุ่งแทนกันเลยทีเดียว
เพราะอาจารย์ท่านนี้แค่โดนตบหน้า (หนักหรือเบา ไม่ทราบเพราะไม่ได้โดนด้วย) ตนเองเดือดร้อน เสียหายคนเดียว ชาติบ้านเมืองไม่ได้เสียหายล่มจมด้วย ยังรู้สึกรู้สา จะเป็นจะตาย ลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตนเอง
แต่ไอ้ที่กลุ่มก่อการร้าย บุกยึดปิดสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง หรือแม้แต่ทำเนียบรัฐบาล ไม่เห็นมี “ไอ้หน้าตัวเมีย” ที่ไหน มีสมองมากระตือรือร้นแบบอาจารย์ที่เป็นสุภาพสตรีท่านนี้เลย แถมบางองค์กรเสียหายวอดวาย ล่มจมขนาดหนัก เพราะไอ้พวกกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มที่ว่านี้(โดยเฉพาะการบินไทยฯ ที่ขาดทุนบักโกรก ยังทะลึ่งแจกโบนัสขั้นต่ำ 6.5%) ยังทำเฉย มันน่าไล่ไปหากระโปรงมานุ่งกันเสียจริงๆ พับผ่าสิ..!!