WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, January 28, 2009

“อายกันบ้าง ไหมเนี่ย”

ที่มา ประชาทรรศน์

คอลัมน์ : ตะแกรงข่าว

โดย ณัฐณิชา


จากกรณีที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงในนาม “ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51” ที่นำมวลชน ไปปิดล้อมสนามบินเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เพื่อต่อต้านการมาร่วมงานศิษย์เก่า มช.ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง จนแทบการเป็นการจลาจล เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้

กระทั่งเกิดปัญหากระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เองก็ตาม

จนทำให้มีสื่อมวลชนบางจำพวก หยิบยกมาเป็นประเด็นประโคมข่าว ในลักษณะสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มคนเสื้อแดงในนาม “ กลุ่มรักเชียงใหม่51” ที่มี นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล เจ้าของโรงแรมแกรนด์วโรรส เชียงใหม่ และผู้อำนวยการสถานีวิทยุชุมชนเป็นแกนนำ มีความโหดร้าย ป่าเถื่อน

ยิ่งกรณีที่มีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่ามีการ “ตบหน้า” อาจารย์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เป็นสุภาพสตรีด้วยแล้ว (ตามเนื้อข่าวที่ปรากฏ) ยิ่งมีการประณามว่าเป็นการคุกคามอย่างรุนแรง จนกระทั่งมีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าพนักงานตำรวจ โดยเจ้าตัวออกมายืนยันอย่างแน่วแน่ว่า จะมีการดำเนินคดี เอาเรื่องให้ถึงที่สุด

เพราะที่ถูก ที่ควรแล้ว ก็สมควรที่คนไทยทุกคน จะต้องรู้จักรักษาสิทธิของตนเองทั้งสิ้น ดังนั้นการดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อแดงในนาม “ กลุ่มรักเชียงใหม่51” ในครั้งนี้ ของอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ท่านนี้ จึงสมควรแก่เหตุและผลทุกประการ(แม้สมมติว่าเบื้องหลัง อาจจะมีใบสั่งก็ตาม) และควรยึดเป็นแบบอย่างบรรทัดฐาน

แต่ในสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน ที่มีการแบ่งขั้วแบ่งข้างกัน แตกความสามัคคีกันอย่างชัดเจน กรณีของอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เป็นสุภาพสตรีท่านนี้ จึงกลับกลายเป็นเรื่องที่สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้แก่ฝ่ายกลุ่มคนเสื้อแดงในนาม “กลุ่มรักเชียงใหม่ 51” และกลุ่มคนเสื้อแดงกลุ่มอื่นๆ เป็นอย่างมาก

และยิ่งมาตอกย้ำด้วยการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีการยิงยางรถยนต์ของ กลุ่มคนเสื้อแดงในนาม “ กลุ่มรักเชียงใหม่51” ที่พยายามขับรถยนต์คันดังกล่าว แหวกฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กำลังทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ก็ยิ่งทำให้เห็นภาพความขัดแย้งที่ชัดเจน ในสังคมไทยของเรา

ไม่มีสื่อมวลชน หรือองค์กรสิทธิมนุษยชนรายใด ออกมาประณามเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดอารักขา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ว่าทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมทุกคน จะถูกห้ามพกพาอาวุธทุกชนิด แม้แต่กระบองยังพกพาไม่ได้เสียด้วยซ้ำไป

การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตัวนี้ เอ๊ยคนนี้ ใช้ปืนออกมายิง แม้จะเป็นเพียงการยิงยางรถยนต์ก็ตาม ทำให้สังคมไทย ได้มองเห็นชัดขึ้นไปอีกระดับหนึ่งว่า ไม่ใช่เฉพาะม็อบเท่านั้นที่มีเส้น ยังมีตำรวจอีกจำพวกด้วยที่มีเส้น

แต่สิ่งที่ตำรวจคนนี้ทำลงไป (ไม่ว่าใคร?จะเป็นคนสั่งก็ตาม) ก็ได้สร้างความฉุกคิดให้กับสังคมขึ้นมาว่า ตอนที่พวกของตนเอง โดนกลุ่มม็อบก่อการร้ายขับรถพุ่งชน แล้วถอยกลับมาเหยียบซ้ำหวังพยายามฆ่าอย่างชัดเจน ตำรวจท่านนี้หายหัวไปอยู่ไหน? ไม่มาปกป้องเพื่อนร่วมอาชีพบ้าง

แค่เพื่อนอีกคนยกปืนขึ้นมาประทับ เพื่อจะยิงยางรถยนต์คันก่อเหตุพยายามฆ่าเพื่อนร่วมอาชีพ แม้จะยังไม่ได้ลั่นกระสุนออกไป ยังถูกสื่อชั่วๆนำไปขยายความโจมตี จนแทบอยากร้องไห้เกือบสิ้นอนาคต ทั้งๆที่ทำได้เพียงยืนมองดูเพื่อนร่วมอาชีพถูกพยายามฆ่าอย่างเลือดเย็น

จึงเกิดคำถามกับเหล่าตำรวจมีเส้นทั้งหลายว่า“วันนี้คุณเป็นผู้พิทักษ์สุเทพ หรือว่าคุณเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ช่วยตอบให้กระจ่างที

ถ้ามองว่าการกระทำของอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เป็นสุภาพสตรีท่านนั้นก็ดี หรือการกระทำของนายตำรวจ ผู้ลั่นกระสุนท่านที่ว่านั้นก็ดี เป็นการกระทำตามหน้าที่ เป็นการกระทำตามสิทธิที่พึงมี ก็คงพอมองได้ แม้จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจอย่างไรก็ตามที

แต่ในเมื่อวันนี้ พวกท่านทั้งหลายตะแบงว่าท่านมาถูกทาง มาโดยสง่างาม แม้ประชาชนเสียงส่วนใหญ่ของประเทศนี้ไม่ได้เลือกท่านมาก็ตาม แต่ในยุครัฐบาลมีเส้น มาโดยม็อบมีเส้น และพิทักษ์โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารที่มีมีเส้น ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยไปแล้ว สำหรับประเทศไทย

ดังนั้นการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่ว่ากลุ่มใดก็ตาม ควรระลึกไว้เสมอว่า พวกท่านทั้งหลายไม่ได้มีเส้นเยี่ยงใครๆเขา จะทำอะไร? จะคิดอะไร? ก็ควรรู้จักสงบเสงี่ยมเจียมตัวกันบ้าง และพึงเพิ่มความระมัดระวังด้วย เพราะพวกพวกท่านเป็นม๊อบเกาเหลา(ไม่มีเส้น ฮา...)

จากกรณีที่อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เป็นสุภาพสตรีท่านที่ว่า ไปแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อแดงในนาม “ กลุ่มรักเชียงใหม่51” นั้น ในฐานะสื่อมวลชน และประชาชนคนหนึ่งที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ ก็ขอยกย่อง และภาคภูมิใจในตัวอาจารย์ที่เป็นสุภาพสตรีท่านนี้อย่างสูง ด้วยเหตุที่ว่า เมื่อตนเองถูกกระทำ ถูกละเมิด ก็รู้จักลุกขึ้นมาเรียกร้องปกป้อง รักษาสิทธิของตนเอง อย่างไม่มีเกรงกลัวหน้าอินทร์ หน้าพรหม(แต่ไม่รู้ว่ามีใบสั่งหรือเปล่า)

และที่สำคัญการแจ้งความดำเนินคดี และจะเอาเรื่องกลุ่มคนเสื้อแดงในนาม “ กลุ่มรักเชียงใหม่51” ให้ถึงที่สุดของอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เป็นสุภาพสตรีท่านที่ว่านี้ นอกจากจะน่ายกย่อง ภาคภูมิใจแล้ว

ยังน่าจะสร้างความละอายใจให้แก่สุภาพบุรุษบางจำพวกได้ไม่น้อย หรืออาจจะถึงกับทำให้สุภาพบุรุษบางคน ต้องอับอายถึงขนาดต้องไปหากระโปรงมานุ่งแทนกันเลยทีเดียว

เพราะอาจารย์ท่านนี้แค่โดนตบหน้า (หนักหรือเบา ไม่ทราบเพราะไม่ได้โดนด้วย) ตนเองเดือดร้อน เสียหายคนเดียว ชาติบ้านเมืองไม่ได้เสียหายล่มจมด้วย ยังรู้สึกรู้สา จะเป็นจะตาย ลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตนเอง

แต่ไอ้ที่กลุ่มก่อการร้าย บุกยึดปิดสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง หรือแม้แต่ทำเนียบรัฐบาล ไม่เห็นมี “ไอ้หน้าตัวเมีย” ที่ไหน มีสมองมากระตือรือร้นแบบอาจารย์ที่เป็นสุภาพสตรีท่านนี้เลย แถมบางองค์กรเสียหายวอดวาย ล่มจมขนาดหนัก เพราะไอ้พวกกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มที่ว่านี้(โดยเฉพาะการบินไทยฯ ที่ขาดทุนบักโกรก ยังทะลึ่งแจกโบนัสขั้นต่ำ 6.5%) ยังทำเฉย มันน่าไล่ไปหากระโปรงมานุ่งกันเสียจริงๆ พับผ่าสิ..!!