ที่มา ประชาทรรศน์
'มาร์ค' เผย เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ชง การใช้งบกลาง หนึ่งแสนล้านเข้าสภาฯพรุ่งนี้ รับ เตรียมหามาตรการรองรับ สั่งคลังหาแหล่งเงินกู้ต่างประเทศ เสริมสภาพคล่อง หากแก้ปัญหาระบบเศรษฐกิจให้เบาบางลงไม่ได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา “เชื่อมั่น เชื่อมือ เชื่อถือ ไทยแลนด์” จัดโดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) โดยกล่าวยืนยันต่อภาคเอกชนและหอการค้านานาชาติว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นและการแก้ไขปัญหาจะดีได้ต้องได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนเดินหน้าไปพร้อม ๆ กัน ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบขณะนี้เกิดจาก 3 ปัญหาหลัก คือ ผลกระทบการเงินของสหรัฐ ปัญหาทางการเมืองเกี่ยวกับความไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาล และปัญหาทักษะฝีมือแรงงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขพร้อม ๆ กัน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศและได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จนถึงขณะนี้รัฐบาลได้วางกรอบการทำงาน เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาทุกด้าน โดยเฉพาะการใช้เงินงบกลาง 100,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการขอความเห็นชอบต่อสภาผู้แทนราษฎรในพรุ่งนี้ (28 ม.ค.) และคาดว่าจะผ่านความเห็นชอบในการพิจารณาวาระ 2 และ 3 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และนำมาใช้ในโครงการต่าง ๆ ประมาณเดือนมีนาคม ประกอบกับมาตรการภาษีต่าง ๆ เมื่อสามารถเดินหน้าได้ ก็จะเป็นการแบ่งเบาภาระหรือชดเชยให้กับภาคเอกชน ซึ่งมาตรการเหล่านี้เมื่อออกสู่แผนการแก้ไขเต็มที่แล้ว เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น แต่คงไม่สามารถกำหนดได้ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้จะโตเท่าใด ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างประเทศว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงในช่วงปลายปีนี้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เตรียมแผนรองรับ หากมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลเดินหน้ายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ระบบเศรษฐกิจในประเทศเบาบางลงหรือเดินหน้าต่อไปได้ ก็ได้เตรียมแผนสำรองให้กระทรวงการคลังไปหาแหล่งเงินกู้จากประเทศอื่น เพื่อเสริมสภาพคล่องระบบเศรษฐกิจในประเทศไม่ให้ปรับตัวลดลง สำหรับการกู้เงินต่างประเทศนั้น สามารถดำเนินการได้ แต่จะมากน้อยแค่ไหนขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนด ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจ 2 ไตรมาสแรกโดยเฉพาะไตรมาสแรกยังมีโอกาสติดลบ แต่ไม่ทราบว่าจะติดลบแค่ไหน อย่างไรก็ตาม คาดหวังว่าเมื่องบแสนล้านลงสู่ระบบก็จะเป็นส่วนหนึ่งทำให้ไตรมาสแรกติดลบไม่มาก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาสภาพคล่องในระบบ ช่วงเข้ามารับตำแหน่งได้มีการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าหลังจากนี้จะต้องไม่มีความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับ ธปท. และต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาสภาพคล่องทางการเงินทั้งระบบให้กลับมาดีขึ้น และการที่มาตรการต่าง ๆ ออกมา ถือเป็นมาตรการระยะสั้นและทำให้ระบบเศรษฐกิจไม่ตกต่ำ และกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ เหตุหลักที่กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศก่อน เพราะระบบเศรษฐกิจในต่างประเทศทั่วโลกมีปัญหา หากพึ่งพาการส่งออกจะทำให้มีปัญหา แต่รัฐบาลไม่ได้ละเลยปัญหาด้านการส่งออก มีการติดตามดูแลโดยเฉพาะแนวทางการเรียกความเชื่อมั่น ซึ่งหลังจากนี้ตนมีกำหนดที่จะเดินหน้าพบปะและนำคณะเอกชนและรัฐบาลไปเจรจาหารือร่วมกับประเทศกลุ่มอาเซียน ซึ่งต้นสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น และประมาณเดือนมีนาคมจะเดินทางเยือนประเทศจีน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและกระตุ้นภาคการส่งออกและการลงทุน และที่สำคัญการเดินทางเยือนประเทศต่าง ๆ เหล่านี้จะไปบอกชาวโลกว่าไทยมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในทางที่ดีขึ้น น่าจะทำให้หลายประเทศมองประเทศไทยในแง่ดีขึ้น