ที่มา ประชาทรรศน์
คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์
โดย อัชฌาวดี
ตั้งแต่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาบริหารงานได้เพียง 1 เดือนก็ถูกตรวจสอบในทุกๆ เรื่อง แม้บางเรื่องจะยังไม่ได้เดินหน้าเลยก็ตาม
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามเว็บบอร์ดมากมาย แต่ส่วนหนึ่งก็มองว่าเป็นเรื่องปกติที่ประชาชนทุกคนย่อมหวังถึงอนาคต ได้อยู่ดีมีสุขกันทุกคน
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจแต่อย่างใดนัก ที่บรรดาพรรคการเมืองจะชูนโยบายนี้แห่กันตามแฟชั่นเป็นแถวๆ เพราะคิดเสียว่าอย่างไรชื่อของ "ประชานิยม" ก็ยังคงขายได้ดีเป็นที่น่าสนใจเสมอ
สิ่งที่หลายคนกังวลก็คือ ประชานิยมแบบประชาธิปัตย์ ดูแล้วเหมือนกับ การไล่แจกดะ ไม่สนว่า มันจะสามารถไปแตกหน่อ ต่อยอดให้งอกเงยได้เพิ่มมาหรือไม่
เหมือน ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ มองไม่เห็นเลยว่า มีแนวทางการหาเงินมาใช้อย่างไรนอกจากการกู้ ตามสไตล์ถนัด คือหาเงินเองไม่เป็น กู้ลูกเดียว
พอดีได้อ่านคำให้สัมภาษณ์ของนายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณของสถาบันทีดีอาร์ไอที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์แล้วก็น่าสนใจอยู่ไม่ใช่น้อย
เพราะสิ่งที่นายอัมมารวิเคราะห์ออกมานั้นมีประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป แม้ว่าจะมีเสียงติติงรัฐบาลอยู่บ้างก็ตาม
นายอัมมาร ระบุว่า นโยบายที่ออกมาไม่ได้ช่วยเหลือคนจน เพราะส่วนใหญ่จะอิงกับผู้มีงานทำ ผู้มีเงินเดือนมากกว่า
โดยมีเป้าหมายที่ “คนชั้นกลาง” เพราะรู้ว่าเป็นฐานเสียงที่ชัดเจนของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทีดีอาร์ไอก็ได้เสนอให้รัฐสมทบเงินประกันสังคมเข้าไปในกองทุนทดแทนคนงานซึ่งเงินจะเหลืออยู่ในกระเป๋าคนระดับล่างดีกว่าโปรยเงิน 2,000บาท
นายอัมมาร มองว่าเป็นนโยบายสิ้นคิด เนื่องจากในระยะยาว คนว่างงานจะมากขึ้นดังนั้นรัฐบาลต้องเตรียมเงินที่มากพอเพื่อรองรับปัญหาในอนาคตด้วย
การนำเสนอแนวนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้มีเป้าหมายทาง "การเมือง"ชัดเจน ประชาธิปัตย์มีกลยุทธ์ชัดเจน เห็นได้จากผลการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สาเหตุที่ประชาธิปัตย์ไม่เน้นชนบทก่อนอาจเป็นได้ว่าลงทุนแล้ว อาจจะเสียเวลาเปล่าเพราะการซื้อคะแนนเสียงด้วยนโยบายสำหรับเมืองแล้วจะง่ายกว่า
ประชานิยมที่เหมาะสมนั้นต้องเป็นนโยบายที่มีมาตรการ"ที่มา" ของรายได้ประกอบด้วย สถานการณ์ปัจจุบัน
รัฐบาลต้องทำอะไรสักอย่างเพราะสิ่งที่แตกต่างระหว่างรัฐสวัสดิการกับประชานิยม คือ รัฐบาลทำให้สวัสดิการประชาชนดีขึ้น
แม้ว่าการทำให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตจะเป็นการแก้ปัญหาความยากจนได้ด้วย แต่การทำแบบนั้นคนที่รวยก็จะได้รับประโยชน์ไปมากกว่า แม้ฐานะคนจนจะดีขึ้นเช่นกันก็ตาม
ประชาธิปัตย์เดิมๆ นโยบายที่ออกมาสนใจแต่ความกินดีอยู่ดี ของชนชั้นนำดีขึ้น แต่ครั้งนี้ต่างกันออกไปบ้าง
นโยบายที่ผ่านมายังไม่มีรัฐบาลไหนที่ออกนโยบายช่วยเหลือคนจนให้ได้รับประโยชน์โดยตรง ส่วนใหญ่จะได้รับจากผลของจีดีพีที่สูงขึ้นทั้งนั้น
แต่ "รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" เป็นรัฐบาลแรกที่มีนโยบายช่วยให้คนจนมีชีวิตที่ดีขึ้น
คำติติงของนักวิชาการ ผู้มีประสบการณ์ นับเป็นสิ่งมีคุณค่ายิ่ง ในภาวะที่บ้านเมืองกำลังถูกรุมเร้าด้วยวิกฤติเศรษฐกิจ
หากหวังดีต่อประเทศชาติจริง ควรนำไปปรับปรุงและไม่ควรมองผู้ที่ออกมาท้วงติงในแง่ร้าย !