WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, January 28, 2009

"มาร์ค"การันตีประชานิยมปชป.ไร้วาระซ่อนเร้น-ทุนนิยมสามานย์

ที่มา ประชาทรรศน์

"อภิสิทธิ์" แจงกลางสภา ยืนยันรัฐมีความจำเป็นในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯ เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินโครงการเร่งด่วน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ-บรรเทาทุกข์ประชาชน "เหลิม" เพ้อกลางสภา ฟุ้งนโยบายหากได้นั่งนายกฯ ซัดประชานิยมปชป. ไม่กระตุ้นเศรษฐกิจ ย้อนเกล็ดรัฐบาลไม่ต่างจากทุนนิยมสามานย์ นายกฯลุกโต้ ยันนโยบายไร้วาระซ่อนเร้น ปราศจากทุนนิยมสามานย์

ที่รัฐสภา วันนี้ (28 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณร่ายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2552 นายวิทยา บูรณศิริ ส.ส. พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน ระบุว่าในส่วนของส.ส.ฝ่ายค้านนั้นจะเข้าร่วมประชุมตามปกติและเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในเรื่องของการนับองค์ประชุม

โดยวันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยจะทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านและคาดว่าน่าจะใช้เวลาในการอภิปรายเกินกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งต้องไปพูดคุยกันอีกครั้งเนื่องจากอาจกินเวลาอภิปรายของส.ส.ฝ่ายค้านที่ลงชื่อแสดงเจตจำนงที่จะขออภิปรายถึง 40 ราย ขณะที่มีกำหนดเวลาให้เพียง 4 ชั่วโมง

นอกจากนี้ นายวิทยา ยังกล่าวถึงเนื้อหาการอภิปรายในวันนี้ ว่า ฝ่ายค้านจะพยายามชี้ให้เห็นว่างบประมาณที่รัฐบาลเสนอต่อสภาเป็นงบประมาณที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจริงหรือไม่ เนื่องจากต้องยอมรับว่านโยบายประชานิยมบางนโยบายที่วางไว้ตั้งแต่สมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจึงอยากฝากนายกรัฐมนตรีให้รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างด้วย เพราะยังมีขั้นตอนของการตั้งกรรมาธิการเพื่อแปรญัติเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของกฎหมายได้ ทั้งนี้มีทุกฝ่ายมีความคิดเห็นต่างกัน ก็คงร้ายแรงถึงขั้นล้มร่างพระราชบัญญัติฯดังกล่าว

“ชินวรณ์” แจงกรอบเวลาอภิปรายงบประมาณฯ

ด้าน นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล กล่าวว่า ในการประชุมร่วมกัน 2 วันที่ผ่านมาใช้เวลาไปทั้งหมด 1089 นาที ใช้เวลาในการประท้วงไป 103 นาที ไม่ถึง 10% ของเวลาประชุม ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการประชุมสภา ส่วนการประชุมวันนี้จะเป็นการหารือเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2552 ที่รัฐบาลเสนอมา 116,700 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2 แผน คือ แผนกระต้นเศรษฐกิจ และแผนพัฒนาความมั่นคงคุณภาพชีวิต

นอกจากนี้ ได้หารือถึงกรอบเวลาในการอภิปราย ซึ่งจะมีการอภิปรายในกรอบเวลา 10 ชั่วโมง โดยให้วลานายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชี้แจง 2 ชั่วโมง หัวหน้าพรรคอภิปรายไม่จำกัดเวลา แต่ไม่เกิน 1 ชั่วโมง พรรคร่วมรัฐบาล 2 ชั่วโมง และพรรคฝ่ายค้าน 5 ชั่วโมง

ประธานวิปรัฐบาล กล่าวต่อว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้มาขอเวลาอภิปรายในสัดส่วยของหัวหน้าพรรคเพื่อได้ 1 ชั่วโมง แต่หากเวลาไม่พอ คงต้องให้ไปใช้สัดส่วนของพรรคประชาราช ทั้งนี้ตนคาดว่าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2552 น่าจะเสร็จในเวลา 24.00 น. ทั้งนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณางบรายจ่ายเพิ่มเติม 35 คน เป็นพรรคร่วมรัฐบาล 16 คน และจากพรรคเพื่อไทย 11 คน

"เหลิม"งง!รัฐเปิดช่องอภิปรายแค่ 5 ชั่วโมง

ขณะที่ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายกลางปี 2552 วันนี้ว่า ตนจะชี้ให้เห็นว่างบดังกล่าวไม่ได้ช่วยเหลือประชาชน โดยมีเหตุผลคือ 1. ไม่เป็นงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 2. กระจุกตัวอยู่เฉพาะในกลุ่มของพรรคการเมืองแกนนำที่จัดตั้งรัฐบาล 3. ตรวจสอบได้ยาก 4.เอกสารงบขาดดุลที่รัฐบาลระบุไว้ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะความเป็นจริงงบขาดดุลจะอยู่ที่ 4.9 แสนล้านบาท แต่เอกสารของทางรัฐบาลระบุขาดดุลเพียง 3.7 แสนล้านบาท

และ 5. จะแจงรายละเอียดรายมาตราทั้ง 21 มาตรา 17 ด้าน ให้เห็นว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะที่ผ่านมาไม่แฟร์งบกระจุกอยู่ที่พรรคแกนนำ ไม่ได้ตั้งงบประมาณมาเพื่อช่วยเหลือประชาชน ไม่กระจายไปทั่วถึง โดยเฉพาะงบที่ลงไปให้กระทรวงศึกษาธิการถึง 1.9 หมื่นล้านบาท โดยผูกพัน 15 ปี ไม่ทราบว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะได้อย่างไร เพราะผูกพันนานขนาดนั้น

เมื่อถามว่าระยะเวลา 5 ชั่วโมงเพียงพอต่อการอภิปรายของฝ่ายค้านหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจในอดีตรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยเป็นฝ่ายค้าน ก็มักกล่าวอ้างว่าต้องให้เวลาฝ่ายค้านได้อภิปรายในเรื่องที่เป็นประโยชน์ เพราะตนจะเปรียบเทียบให้เห็นเมื่อสมัยที่ฝ่ายค้านโจมตีงบประมาณที่รัฐบาลขอไปดำเนินการในนโยบายประชานิยม แต่ในขณะนี้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็กำลังดำเนินการเรียนแบบประชานิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณ

และตนจะไม่เอาการอภิปรายเหมือนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเมื่อครั้งเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ที่เอาเอกสารทางวิชาการเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ของประเทศอังกฤษมาโจมตี แต่ตนจะชี้แจงข้อเท็จจริงในแบบเศรษฐกิจของไทย และจะชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลของบประมาณไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นการแจกเงินใส่กระเป๋าระดับแกนนำ ไม่ใช่ประชาชน

ย้ำจุดยืนจองกฐินถล่ม"กษิต"

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะพุ่งเป้าไปที่ตัวบุคคลหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องลำดับสอง เพราะลำดับแรกต้องดูว่าตัวบุคคลที่จะนำงบประมาณกลางปีไปใช้จ่ายมีความเหมาะสมหรือไม่ เช่นเดียวกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่ของบประมาณไปใช้กระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งที่นายกษิต เป็นคนทำลายความน่าเชื่อถือในการท่องเที่ยว ซึ่งตรงนี้มีเอกสารหลักฐานชัดเจน เนื่องจากมีการแจ้งความต่อนายกษิต ที่สภ.ราชาเทวะ สมุทรปราการ ตนจะสอบถามไปยังนายอภิสิทธิ์ว่ารัฐมนตรีมีความเหมาะสมที่จะเอางบไปใช้จ่ายหรือไม่ แต่หากไม่ได้อภิปรายในครั้งนี้ก็จะเก็บสะสมเอาไว้ก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณร่ายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 วงเงินงบประมาณ 116,700 ล้านบาทว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงเหตุผลการจัดทำงบประมาณเพิ่มเติมดังกล่าวว่า เนื่องจากในปี 2552 ภาวะเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก การใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง รายได้ภาคครัวเรือนลดลงจากปัญหาการจ้างงาน การลดลงของสินค้าเกษตร รวมทั้งความเชื่อมั่นภาคการลงทุนและการท่องเที่ยวลดลง

"มาร์ค"แจงอัดงบประชานิยมเป็นนโยบายเร่งด่วน

ดังนั้น รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และกระจายไปสู่ระบบเศรษฐกิจทุกภาคส่วนเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนและภาคธุรกิจ โดยการลดค่าครองชีพ เพิ่มรายได้ และดำเนินโครงการด้านโครงการพื้นฐานที่จำเป็นในชนบท

แบ่งเป้าหมายการใช้จ่าย คือ ค่าใช้จ่ายตามมาตรการช่วยเหลือการครองชีพของบุคลากรภาครัฐ จำนวน 2,652.0 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน จำนวน 6,900.0 ล้านบาท เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 4,090.5 ล้านบาท เพื่อสำรองไว้ใช้จ่ายในเรื่องที่จำเป็นเร่งด่วนตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและเพื่อรองรับการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของรัฐบาล และเพื่อจัดสรรตามแผนงานฟื้นฟูและเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและแผนงานเสริมสร้างรายได้ จำนวน 83,918.1 ล้านบาท เพื่อให้การช่วยเหลือในการเพิ่มรายได้และลดค่าครองชีพของประชาชน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้กำหนดนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังประสบปัญหาเป็นการเร่งด่วน โดยจะดำเนินโครงการสำคัญ เช่น โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ โครงการ 5 มาตรการ 6 เดือน เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน โครงการจัดทำและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกร โครงการพาณิชย์ช่วยเหลือประชาชน โครงการสนับสนุนการท่องเที่ยว โครงการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี และโครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ นายกฯ ยังยืนยันถึงกรอบเวลาการอภิปรายว่า การให้ฝ่ายค้านอภิปราย 5 ชั่วโมง ถือว่ามากกว่าการอภิปรายทุกครั้งที่ผ่านมา และสาเหตุที่ต้องการให้การพิจารณาแล้วเสร็จภายในวันนี้ เนื่องจากต้องการอยู่ชี้แจงและตอบข้อซักถามของฝ่ายค้านด้วยตัวเอง

"เหลิม"จวกประชานิยม"มาร์ค"ไม่กระตุ้นศก.

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ได้กล่าวอภิปรายว่า ขณะนี้ประเทศอยู่ในภาวะขาดดุล ความพยายามจะออกร่าง พ.ร.บ.พิจารณางบประมาณรายจ่ายในช่วงนี้จึงถือว่าผิด พร้อมกล่าวหาว่าลักษณะการจัดทำงบประมาณรายจ่าย 1.1 แสนล้านบาทเศษ ไม่ใช่เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้ไม่ทุกภาคส่วนตามที่กล่าวอ้าง แต่เป็นการกระจุกงบฯ ตัวอยู่ที่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น

“ผมไม่เห็นด้วยรัฐบาลนี้ได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 325 ล้านบาทให้กระทรวงต่างประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านท่องเที่ยว ถือว่าเสียของ เพราะรมว.เป็นผลิตผลของพันธมิตรเพื่อประชาชนประชาธิปไตย งบประมาณแค่นี้ไม่เพียงพอกับการกอบกู้ความศรัทธา นายกษิต ภิรมย์ ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เป็นว่าเล่นและยังตกผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายสากลอีกด้วย” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ออกตัวไม่เกี่ยวเหตุมิคสัญญี 7 ตุลาฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้กล่าวถึงพรบ.งบประมาณฯว่าไม่ใช่เป็นการจัดทำงบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สลับกับการอภิปรายผูกโยงให้เห็นถึงความเกี่ยวพันของรัฐบาลและพันธมิตรฯ โดยปกป้องตำรวจที่ใช้กำลังสลายกลุ่มผู้ชุมในเหตุการณ์ 7 ตุลาทมิฬว่า ตำรวจร้อยละ 90 เป็นคนดี แต่ที่ต้องจำทนต้องใช้อาวุธสลายเพราะสถานการณ์พาไป และมติ ครม.ไม่มีคำสั่งให้ใช้กำลังแต่ได้มอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้รับผิดชอบสถานการณ์เท่านั้น นอกจากนี้ ร.ต.อ.เลิมยังนำหนังสือพิมพ์มติชนที่เขียนถึงเรื่องทุนนิยมสามานย์ และเปรียบเปรยว่า นายอภิสิทธิ์เคยต่อต้านแนวทางบริหารประเทศของรัฐบาลไทยรักไทยโดยระบุว่าเป็นทุนนิยมสามานย์แต่มาถึงปัจจุบันกลับทำเสียเอง โดยมีการเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ชี้แจงเรื่องนี้

ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงนโยบายช่วยเหลือมนุษย์เงินเดือนรายละ 2,000 บาทสำหรับผู้ประกันตนและมีรายได้ไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนจำนวน 9 ล้าน 2 แสนคน โดยใช้งบประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นนโยบายซื้อเสียงล่วงหน้า ส่วนโครงการ 5 มาตรการ 6 เดือนเพื่อช่วยลดค่าครองชีพ ถือว่าเป็นการลอกนโยบายประชานิยม เพราะคนที่คิดคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามารถเข้าถึงประชาชนทุกครัวเรือน แต่ไม่ขัดข้องหากรัฐบาลชุดนี้จะสานต่อเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้จดลิขสิทธิ์ไว้

เพ้อกลางสภาฝันนั่งนายกฯ

นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า หากตกมีวาสนาได้เป็นนายกฯ คนที่ 28 ตนจะไม่ทำอย่างที่นายกฯคนปัจจุบันทำ แต่จะทำนโยบาย 1.จัดบัณฑิตอาสาสร้างงานอนุรักษ์ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น 2. จัดตั้งศูนย์โลจัสติกแบบครบวงจรเพื่อใช้สนามบินทั่วประเทศเป็นศูนย์การขนส่ง 3. จัดศูนย์บริการนักท่องเที่ยวครบวงจร 4.จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพแก่ผู้ที่มีความรู้ด้านแรงงาน พร้อมกันหาตลาดแรงงานมารองรับ และ5. จัดโครงการเสาไฟฟ้าส่องสว่างพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วพื้นที่ที่ไม่มีฟ้าฟ้า เพื่อให้เกิดการจ้างงาน

"มาร์ค"ปัดข้อหาก่อการร้ายแทน"กษิต"

จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ลุกขึ้นชี้แจงว่า ในส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตงบประมาณนั้น ตนจะกลับมาชี้แจงหลังจากกลับมาจากการปฎิบัติภารกิจในช่วงค่ำ แต่จะชี้แจงในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงบประมาณตั้งแต่กรณีปัญหาของนายกษิต ที่ร.ต.อ. เฉลิมบอกว่ามีการแจ้งความนายกษิตในข้อหาก่อการร้ายสากลในวันที่ 23 ธ.ค.ที่ จ.สมุทรปราการ นั้นความจริงเป็นการแจ้งข้อหาบุกรุก และไม่ได้เจาะจงนายกษิต ที่ปิดสนามบิน แต่มีการอ้างถึงการอภิปรายของนายกษิต ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนการแจ้งความร้องทุกข์นายกษิตโดยตรงคือวันที่ 26 ม.ค. ดังนั้น ที่ตนชี้แจงทุกครั้งเป็นความจริง

"สำหรับที่อ้างว่าผมเคยต่อต้านต่างๆ ของรัฐบาลเก่า แต่วันนี้ทำเสียเองนั้นไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบ เพราะแต่ละช่วงสถานการณ์เศรษฐกิจไม่เหมือนกัน ราคาน้ำมันมีการปรับตัวขึ้นลง ดังนั้นจะยึดเอาคำพูดที่ผ่านมาไม่ได้ สำหรับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ผมยังยืนยันความเห็นเดิม เพราะขณะนั้นทำในช่วงที่งบประมาณไม่พร้อม การสร้างหลักประกันสุขภาพให้กับประชาชนเป็นสิ่งดี แต่งบประมาณต้องพร้อม ถามว่าโครงการนี้ที่ผ่านมาโรงพยาบาลได้รับงบประมาณตามที่ต้องใช้จริงหรือไม่ คนต้องต่อคิวยาว คุณภาพไม่เพียงพอ กระทั่งรัฐบาล พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงได้เพิ่มงบประมาณรายหัว นโยบายนี้จึงเดินหน้าได้ถึงขั้นสามารถยกเลิกการเก็บ 30 บาท" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ลั่นประชานิยมปชปไม่ใช่ทุนนิยมสามานย์

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า บางโครงการถ้าเป็นประโยชน์กับประชาชน ตนไม่เป็นคุณนายละเอียด หรือ คิดเล็กคิดน้อย ว่า ใครเริ่มต้นไว้ โดยเฉพาะนโยบาย 6 เดือน 6 มาตรการก็เพิ่งทราบวันนี้ว่าเป็นความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าใจว่าเป็นความคิดของนายสมัคร สุนทรเวช หรือ รมว.คลังขณะนั้น อะไรที่เป็นประโยชน์ก็เดินต่อ อะไรที่แก้ไขก็ปรับปรุงส่วนที่ไม่ถูกต้องก็ยกเลิก นโยบายรัฐบาลวันนี้จะเรียกประชานิยมหรือไม่ ก็แล้วแต่ ตนก็ไม่คิดจะเป็นเจ้าตำรับเศรษฐกิจ เพราะรู้จักประมาณตน มาตรการทั้งหลายจะดูตามความจำเป็นและเนื้องานเป็นหลัก และยืนยันว่าไม่มีทางทำอย่างนี้ในปี 2544 หรือ 2548 อย่างแน่นอน วันนี้บอกว่าจะพูดประชานิยมแล้วจะไปสู่ทุนสามานย์หรือไม่ ตอบว่าไม่ เพราะคนคิดนโยบายนี้ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะนั่น คือ หัวใจของทุนสามานย์

ขณะที่ ร.ต.อ. เฉลิม แย้งว่า กรณีของนายกษิตนั้นในวันที่ 23 ธ.ค.มีคนไปร้องทุกข์กล่าวโทษนายกษิต ในฐานะเป็นผู้ก่อการร้ายสากลที่สถานีตำรวจภูธรราชาเทวะ มีบันทึกประจำวันลงข้อความว่านายกษิตได้ร่วมในการยึดสนามบินจนเป็นเหตุให้ปิดสนามบิน ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาม. 135 / 1 อันเป็นความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย

-----------------------------------------

ครม.ไฟเขียว!ปลดหนี้ชาวนา-ผันงบกู้ยืมเพื่อการศึกษาหมื่นล้าน

ครม.อนุมัติงบฯ 607 ล้านซื้อนี้ชาวนา เล็งโยกที่ดินในมือแบงก์เข้าแผนฟื้นฟู พร้อมไฟเขียวร่างกม.ความปลอดภัยสนามบินทั่วปท. ขณะที่นร.-นศ.เฮลั่น!ที่ประชุมผ่านเงินกู้ยืมเรียน 1 หมื่นล้านให้กยศ. 'จุรินทร์'ฟันธงภายใน 3 เดือนได้เงินแน่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดย นาวาอากาศโทประทีป วิจิตรโท รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ฝ่ายปฏิบัติการ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่ชื่อดังกล่าว อาจต้องเปลี่ยนแปลง เพราะต้องการให้กฎหมายบังคับใช้ครอบคลุมสนามบินทั่วประเทศ ซึ่งหลังจากร่างกฎหมายส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบและส่งกลับมายัง ครม. รับทราบ ก็จะสามารถเสนอให้สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาได้

นาวาอากาศโทประทีป กล่าวอีกด้วยว่า สำหรับหลักสำคัญของกฎหมาย เพื่อต้องการให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทท่าอากาศยานไทย เข้าไปขวางกั้น จับกุม สลายการชุมนุม และเปรียบเทียบปรับผู้บุกรุก และทำให้เกิดความเสียหาย และเพื่อส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีในขั้นต่อไป จากเดิมที่เจ้าหน้าที่ ทอท. ไม่มีอำนาจขัดขวางผู้บุกรุก และต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล ซึ่งอาจไม่ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สำหรับการเปรียบเทียบปรับเพิ่มเพดานสูงสุดจาก 2,000 บาท เป็น 10,000 บาท ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ถือเป็นการดำเนินคดีทางแพ่ง ส่วนกฎหมายอาญา มีกฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กฎหมายเจ้าหน้าที่พลเรือน และกฎหมายป้องกันการก่อการร้ายที่ให้อำนาจในการแก้ปัญหาอยู่แล้ว

ไฟเขียวงบฯ 607 ล้านซื้อหนี้ชาวนา

ด้านนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ รักษาการเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เปิดเผย หลังเป็นตัวแทนเกษตรกรเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ว่า ตรม.มีมติอนุมัติงบประมาณ 607 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อหนี้ที่บุคคลหรือนิติบุคคลอื่นซื้อสินทรัพย์ไปคืนมาให้เกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจำนวน 1,187 ราย ซึ่งพร้อมประสานงานกับเจ้าหนี้ทันที โดยมี 1,141 ราย มูลค่าหนี้ 582 ล้านบาท อยู่กับสถาบันการเงินของรัฐ ส่วนอีก 46 ราย อยู่กับบุคคลที่ 3 ที่จะต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป

อย่างไรก็ตาม นายสังศิต ยังระบุว่า เบื้องต้นพบว่าหนี้ส่วนใหญ่ จำนวน 787 ราย มูลค่า 258 ล้านบาท อยู่ที่ธนาคารกรุงไทย ซึ่งได้ประสานงานกับธนาคารกรุงไทยไปแล้ว ส่วนขั้นตอนจากนี้ไป เกษตรกรต้องเป็นหนี้กับรัฐบาลแทน ซึ่งเบื้องต้นรัฐบาลจะปล่อยเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ ร้อยละ 1 ต่อปี และอาจพิจารณาปรับเปลี่ยนในบางรายที่มีมูลค่าหนี้ไม่สูงมาก ให้ลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 0.5 ต่อปี และให้เกษตรกรเหล่านี้เข้าระบบแผนฟื้นฟูทันที เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นหนี้อีก

ทั้งนี้ ในช่วงเช้าที่ผ่านมา มีผู้ชุมนุมชาวเกษตรกรจากทั่วประเทศ จำนวนกว่า 1 พันคน ได้เดินทางมาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล นำโดยนายวัชระพงษ์ คงมั่น ที่ปรึกษาเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย เพื่อทวงถามรัฐบาลที่ได้สัญญา กรณีจะดำเนินการนำเรื่องอนุมัติงบประมาณกว่า 600 ล้านบาท ในการซื้อหนี้เสีย (NPL) เพื่อช่วยเหลือชาวเกษตรกรให้ซื้อที่ดินที่ถูกธนาคารพาณิชย์ยึดไปกลับมาคืนมา

และให้นำหนี้สินเหล่านี้ กลับเข้ามาสู่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อที่จะให้ชาวนาเป็นผู้ผ่อนส่งต่อกองทุนฟื้นฟูฯ ด้วยลำแข้งตัวเองนายวัชระ กล่าวว่า รัฐบาลต้องช่วยชาวเกษตรกร ไม่เช่นนั้นที่ดินจะตกไปอยู่ในมือของกลุ่มนายทุน หากรัฐบาลไม่รีบดำเนินการซื้อหนี้ของชาวเกษตรกร ที่ดินทำกินจะถูกกลุ่มนายทุนซื้อไปหมด

นายวัชระ ยืนยันว่า เกษตรกรไม่ได้มาขอให้รัฐบาลปลดหนี้ แต่รัฐบาลมีส่วนในการรับผิดชอบ เพราะการที่ชาวนาสูญเสียที่นานั้น หมายความว่าสูญเสียชาติด้วย เราต้องการที่ดินกลับคืนมาถ้าพี่น้องชาวนาไร้ที่ดิน ไฟจะลุกท่วมแผ่นดิน

นร.-นศ.เฮลั่น!ครม.อนุมัติงบฯหมื่นล้านกยศ.

ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวภายหลังการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบอนุมัติงบประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ให้กับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ทำให้ กยศ.ได้งบประมาณเพิ่มจากของเดิมรวมเป็น 3.6 หมื่นล้านบาท โดยวงเงินดังกล่าวจะทำให้นักศึกษาสามารถกู้เงินได้เพิ่มเติม 3.53 แสนราย ทำให้เพิ่มยอดที่นักศึกษาที่ได้รับเงินกู้เป็น 1 ล้านราย นอกจากนี้ครม.ยังเห็นชอบเพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษาที่ไม่ได้กู้ยืมเงินตั้งแต่ปี 1 ในระดับอุดมศึกษา มัธยม และปวช. สามารถกู้ได้โดยเริ่มที่ชั้นปีที่ 2-4 ได้ ส่วนสายอาชีพสามารถกู้ได้ชั้นปวส .

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ทั้งนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบในเรื่องมาตรการจูงใจให้นักศึกษากู้ยืมในสายอาชีพมากขึ้น จากเดิมสัดส่วนระหว่างสายสามัญและสายอาชีพอยู่ที่ 60 ต่อ 40โดยกระทรวงศึกษาธิการจะหามาตรการจูงใจเพิ่มสัดส่วนเป็น 50 ต่อ 50 และส่งเสริมให้นักศึกษากู้เงินยืมเรียนได้อีก 400 สาขาวิชาที่เป็นที่ต้องการของตลาด

สำหรับหลักเกณฑ์ของการกู้ยืมนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า รัฐบาลยังยืนยันตามหลักเกณฑ์เดิมสมัยที่นายชวน หลีกภัย เป็นรัฐบาลครั้งที่ 1 คือ เป็นผู้ที่มีรายได้น้อยและยากจน ผู้ปกครองมีรายได้น้อยต่ำกว่าเกณฑ์ โดยกระทรวงศึกษาฯจะเร่งให้สามารถนำไปใช้ได้เร็วขึ้น จากเดิมที่กว่าจะได้เงินก็ล่าช้านับปี แต่หลังจากนี้หากคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์ก็จะอนุมัติได้ภายในเวลา 3 เดือน รวมทั้งค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพ

นอกจากนี้ ครม.ยังผ่านงบอีก 3 พันล้านบาทใช้ในโครงการนมโรงเรียนฟรี พร้อมทั้งอนุมัติขยายจากชั้นอนุบาล - ป.4 เพิ่มถึงชั้นป.5-ป.6 โดยจะมีเด็กที่ได้รับประโยชน์กว่า 2 ล้านคนคาดว่าจะเริ่มได้ในภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษาหน้า นอกจากนี้กระทรวงจะขอความร่วมมือไปยังองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ร่วมสนับสนุนโครงการดื่มนมฟรี จากชั้นอนุบาลถึง ป.6ให้ครบทุกพื้นที่

เห็นชอบมาตรการเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเดย์1ก.พ.นี้

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานทางเลือก จากพืชการเกษตรในประเทศ ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ และรักษาเสถียรภาพในภาคการคลังและระบบเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง ได้เสนอให้ปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน โดยปรับอัตราภาษีสรรพสามิตเข้าโครงสร้างเดิม ก่อนโครงการ 6 มาตรการ 6 เดือน และปรับลดตำแหน่งทศนิยมของอัตราภาษีสรรพสามิตมันดังกล่าวให้เป็นทศนิยม 3 ตำแหน่ง

โดยมีการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตกลุ่มน้ำมันเบนซินทุกประเภท และดีเซลกำมะถันสูงมากกว่าช่วงก่อนใช้ 6 มาตรการ 6 เดือน ขณะที่ลดอัตราภาษีสรรพสามิตให้แก๊สโซฮอล์ อี 85 และไบโอดีเซลลง ส่วนแก๊สโซฮอล์ประเภทอื่น เป็นอัตราภาษีใกล้เคียงกับอัตราเดิม

อย่างไรก็ตาม รมว.คลัง กล่าวอีกด้วยว่า อัตราภาษีดังกล่าว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2552 เป็นต้นไป โดยคาดว่ารัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณเดือนละ 1,572 ล้านบาท และครม.ยังมอบหมายให้กระทรวงพลังงานใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกให้มีผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด และให้กระทรวง พาณิชย์ดูแลป้องกันไม่ให้เกิดการกักตุนน้ำมันเพื่อจำหน่ายในราคาที่สูงขึ้น

ขยายเวลาจ่ายเงินทดแทนผู้ว่างงาน 8 เดือน

นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแรงงานในการกำหนดเกณฑ์ผู้ว่างงานที่จะได้รับเงินทดแทนจากกองทุนประกันสังคม โดยได้เพิ่มจำนวนเงินทดแทนและขยายระยะเวลาการทดแทน กล่าวคือ การเพิ่มจำนวนเงินทดแทนจากเดิม 180 วัน เป็น 240 วัน และขยายระยะเวลาการทดแทนให้แก่ผู้ที่ว่างงานจากเดิม 1 ม.ค.-31 ธ.ค.52 เป็น 1 ธ.ค.51-31 ธ.ค.52

ทั้งนี้ ครม.เห็นว่าในเดือน ธ.ค.51 อัตราการว่างงานขยายตัวเพิ่มผิดปกติถึง 51,000 คน ดังนั้นจึงขยายเวลาเพื่อให้การช่วยเหลือครอบคลุมไปถึงจำนวนผู้ว่างงานอีก 51,000 คนด้วย

ครม.สั่งก.ท่องเที่ยวฯทบทวนยุบไทยแลนด์อีลิทการ์ด

นอกจากนี้ นายพุทธิพงษ์ ที่ประชุมครม.มีมติมอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ศึกษาแนวทาง รวมถึงผลกระทบต่อสมาชิก หากมีการยุบบริษัท ไทยแลนด์ อีลิท การ์ด (Thailand Elite Card) ภายหลังจากกระทรวงได้รายงานพบการขาดทุนสะสมถึง 1,142 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าจะต้องมีการยกเลิกโครงการไทยแลนด์ อีลิท การ์ด อย่างแน่นอนในอนาคต แต่จะดูแลสมาชิกผู้ถือบัตรไม่ให้เสียผลประโยชน์

โดยในส่วนของการขอวีซ่าที่จะหมดอายุลงนั้น ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้มีการต่ออายุวีซ่าออกไปอีก 5 ปี อย่างไรก็ตาม ให้นำผลการศึกษาแนวทางยกเลิกโครงการไทยแลนด์ อีลิท การ์ด กลับมาเสนอต่อที่ประชุมครม.อีกครั้ง ภายใน 2 สัปดาห์

ไฟเขียวงบฯเกือบ2พันล.รองรับปชช.ใช้'บัตรทอง'

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกด้วยว่า ครม.ยังอนุมัติงบประมาณ เพิ่มเติมสำหรับประชาชนที่มีสิทธิ์ลงทะเบียนในหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) เนื่องจากพบว่า ในปี 50 และ 51 มีประชาชนมาลงทะเบียนมากเกินกำหนดที่ตั้งไว้ โดยในปี 50 มีผู้มาลงทะเบียนมากเกินกำหนดที่ตั้งไว้ จำนวน 642,000 คน ซึ่งต้องใช้เงินอุดหนุนเพิ่มขึ้นจำนวน 1,211 ล้านบาท ขณะที่ปี 51 มีผู้มาลงทะเบียนสูงกว่าที่คาดหมายไว้ 350,200 คน ซึ่งต้องใช้งบประมาณอุดหนุน 735 ล้าน กระทรวงสาธาณสุขจึงของบประมาณเพิ่มทั้งหมด 1,955 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีก็อนุมัติแล้ว

ใจป้ำ!!ผ่านฉลุย 9โครงการเอาใจ ศอ.บต.

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รักษาการโฆษกรัฐบาลแถลงภายหลังผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงงานด้านความมั่นคง ว่า ครม. ได้เห็นชอบในการดำเนินโครงการต่างๆ ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวักชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) รวม 9 โครงการ ตามที่ ศอ.บต.เสนอ

ประกอบด้วย1.กิจกรรมห้องเรียนศอ.บต. 2. กิจกรรมครอบครัวอุปถัมภ์เพื่อการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ 3. โครงการเรียนดีมีสุข กับรร.เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ยะลา 4. กิจกรรมให้ความร่วมมือทางการศึกษาแก่เยาวชนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ 5.โครงการพัฒนาผู้สอนอิสลามศึกษา หรืออุสตาซที่จบ ป.ตรี ศึกษาต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตศึกษา( ป.บัณฑิต สาขาวิชาชีพครู) 6.โครงการสนับสนุนผู้จบการศึกษาระดับอาชีวะศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่น 7. กิจกรรมจัดสรรทุนการศึกษาและสนับสนุนทุนการศึกษา 8. โครงการส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปประกอบพิธีฮัจย์ 9. โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล

ทั้งนี้ นายปณิธาน กล่าวอีกด้วยว่า การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ศอ.บต.ประสานกับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อจัดสรรทุนการศึกษาประเภทเดียวกัน และให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งการเบิกจ่ายเป็นไปตามระเบียบทางราชการ สำหรับงบประมาณที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปี ที่ยังไม่มีความชัดเจนในแต่ละรายการ เห็นควรดำเนินการตามความต้องการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสมต่อไป

เห็นชอบจ่าย2พันพนง.รัฐวิสาหกิจ-อปท.

นายบัณฑูร สุภัควณิช ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบการจัดสรรเงินช่วยเหลือ จำนวน 2,000 บาท เพิ่มให้แก่กลุ่มข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. และพนักงานรัฐวิสาหกิจ โดยรัฐวิสาหกิจมีกรอบเงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท ส่วน อปท. ไม่เกิน 14,990 บาท หรือไม่เกินระดับซี 5 ใช้เงินจากการช่วยเหลือค่าครองชีพในส่วนข้าราชการที่มีอยู่ 18,000 ล้านบาท หากไม่พอ จะใช้งบฉุกเฉินช่วยเหลือเพิ่มเติม โดยจะนำระเบียบวาระ เพิ่มในการพิจารณางบประมาณกลางปี ของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร