ที่มา ประชาทรรศน์
‘เทพเทือก’ น้ำท่วมปาก แจงเหตุ ‘บินไทย’ ถังแตก! หลังเผชิญภาวะขาดทุนรุนแรง อ้างรัฐบาลเพิ่งเข้ามาแก้ รอนัดถก ‘คลัง-คมนาคม’ ลั่นยังไม่เห็นแผนฟื้นฟู ‘อุ้มบินไทย’ สะพัดยื้อได้แค่เดือน มี.ค. หากรัฐไม่มีผันงบฯพยุงสถานการณ์ คนในแฉผู้บริหารปากมัน ‘สต๊อกน้ำมันล่วงหน้า’ ราคาแพงหูฉี่ถึง 150 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล พร้อมจี้ ‘ขุนคลัง’ ตรวจสอบที่มาที่ไป หวั่นมีวาระซ่อนเร้น ปูดอีกเตรียมปลดพนักงาน-ลดเที่ยวบินล็อตใหญ่หวังลดต้นทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 ม.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีปัญหาบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประสบภาวะขาดทุนอย่างรุนแรง โดยยอมรับว่า สถานการณ์ตอนนี้น่ากลัวมาก ตอนนี้รัฐบาลกำลังเตรียมการอยู่ ที่ยังไม่พูดอะไรมาก เพราะไม่อยากซ้ำเติมสถานการณ์ และจะขอดูข้อมูลรายละเอียดให้ชัดเจน
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าวิกฤตปัญหาเกิดขึ้นมานานแล้ว และรัฐบาลก็เพิ่งเข้ามา แต่พอมาเห็นก็ยอมรับว่าหนักใจ เอาเป็นว่ารัฐบาลจะเข้าไปดูแลบริษัทการบินไทยก็แล้วกัน ตนขอยืนยันอย่างนี้ ซึ่งขณะนี้แผนฟื้นฟูยังไม่เสนอขึ้นมา แต่อย่าให้ตอบว่าจะเข้าไปเมื่อไหร่ เอาคำมั่นจากตนไปได้เลยว่ารัฐบาลจะดูแลการบินไทย เพราะนี่เป็นสมบัติของชาติ
เมื่อถามว่า หากนำเงินภาษีไปอุ้มการบินไทยจะไม่เป็นธรรมหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าเพิ่งพูดตรงนี้ได้ไหม รอให้เห็นว่ารัฐบาลเข้าไปทำอะไร เมื่อถามว่าบริหารงานผิดพลาดมาตั้งแต่อดีต ปล่อยให้เงินรั่วไหลมาก และบอร์ดเข้าไปก็ไม่มีฝีมือในการบริหารงาน เอาว่ารัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด ทำแน่นอนไม่ปล่อยปละละเลย และจะรีบดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะจัดให้มีการหารือกันระหว่างกระทรวงการคลังกับกระทรวงคมนาคมก่อน ซึ่งจะมีการขอคุยนอกรอบ เพื่อให้เห็นภาพกันได้ชัด ไม่ต้องติดขัดกับระเบียบวิธีการ เมื่อปรับความคิดความเห็นตรงกันแล้ว ก็จะได้ดูกันว่าแนวทางแก้ไขจะเป็นอย่างไร ขอยืนยันว่าทุกเส้นต้องหยุดก่อน เพื่อเอาความอยู่รอดของบริษัทการบินไทยก่อน เอาผลประโยชน์ชาติเป็นหลักก่อน และขอปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับการดำเนินการกับบอร์ดที่ทำงานผิดพลาดโดยบอกว่าอย่าเพิ่งถามตอนนี้
สต๊อกน้ำมันล่วงหน้าราคาแพงหูฉี่ทำ'บินไทย'ถังแตก!
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวระดับสูงภายในการบินไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้การบินไทยกำลังประสบปัญหาเรื่องสภาพคล่องอย่างรุนแรง โดยงบประมาณที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันทั้งหมด จะสามารถผยุงบริษัทไปได้ถึงแค่เดือนมีนาคมนี้ โดยหนึ่งในสาเหตุที่การบินไทยประสบปัญหาเรื่องสภาพคล่อง เนื่องมาจากก่อนหน้านี้ การบินไทยได้มีการสต๊อกน้ำมันล่วงเป็นเวลาหลายเดือนในราคา 150 บาทต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดน้ำมันโลกคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะพุ่งไปแตะที่ 170 ดอลล่าต่อบาร์เรล แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้ามเพราะราคาน้ำมันโลดกลับดิ่งลงมาอยู่ที่ประมาณ 39 ดอลล่าต่อบาร์เรล ส่งผลให้การบินไทยยังคงต้องซื้อน้ำมันในราคา 150 ดอลล่าต่อบาร์เรลต่อไป
"เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าผิดสังเกตุมาก เพราะการบินไทยเป็นสายการบินไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมันภายในประเทศอย่าง ปตท. แต่ทำไมการบินไทยถึงต้องสต็อกน้ำมันล่วงหน้าในจำนวนมากมายขนาดนี้ ซึ่งไม่ทราบว่า การซื้อขายในจำนวนมากขนาดนี้มีความโปร่งใสหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบที่มาที่ไปของการซื้อขายครั้งนี้ว่า มีการทำสัญญากับกองทุนน้ำมันใด และเอื้อประโยชน์ให้กับใครบ้าง รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง" แหล่งข่าว ระบุ
นอกจากนี้ แหล่งข่าวคนเดิม ยังเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้การบินไทยกำลังปรับในเรื่องการลดต้นทุน โดยมีแนวโน้มว่าจะมีการปลดพนักงานที่มีความอาวุโสสูงและมีเพดานเงินเดือนสูงออกจากตำแหน่ง ขณะเดียวกันก็จะมีการลดจำนวนเที่ยวบินลงไป ซึ่งเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับแอร์ โฮสเตทและกัปตันมาก เนื่องจากพนักงานในส่วนนี้จะมีรายได้ส่วนใหญ่จากการขึ้นบินต่อครั้งต่อไฟลท์ และหากไม่มีเที่ยวบิน พนักงานก็จะเสียรายได้ส่วนนี้ไป
ด้าน น.ต.ถนิต พรหมสถิตย์ กัปตันการบินไทยอาวุโส เปิดเผยว่า การที่การบินไทยต้องประสบปัญหาขาดสภาพคล่องหนักถึงขนาดนี้ เกิดจากระบบอุปถัมภ์ในองค์กร มีเด็กเส้นในบริษัทมาก ส่งผลให้คนเก่ง คนมีฝีมือ ไม่ได้เข้ามาบริหารการบินไทย แต่กลับได้เด็กเส้นที่ไม่มีความสามารถในการบริหารองค์กรเข้ามาทำหน้าที่แทน ซึ่งตรงนี้ตนมองว่า ควรจะหมดไปจากการบินไทยได้แล้ว โดยเฉพาะในยามที่สถานการณ์ของการบินไทยกำลังย่ำแย่อย่างทุกวันนี้ การบินไทยต้องคัดสรรคนดีมีฝีมือเข้ามาทำงาน รื้อระบบเส้นสายให้หมด ไม่เช่นนั้นองค์กรจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ลำบาก