ที่มา มติชน
ฝ่ายค้านเดินหน้าเอาผิด"บุญจง" เข้าชื่อถอดถอน-ยื่น ป.ป.ช.-สตง.สอบ ชี้หวังหาเสียง-สร้างความนิยม เหน็บ"กระจง"กำลังจะเกยตื้นเพราะชะล่าใจ "ชวรัตน์"บอกเตือนแล้ว หมิ่นเหม่อย่าทำอีก "สุเทพ-ถาวร"ประสานเสียงอุ้ม อ้างชาวบ้านขอนามบัตรเอง แถมไม่ได้เย็บติดกับเงิน ยันไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ท้าใครสงสัยให้กระบวนการยุติธรรมชี้ขาด มท.2 หลบชี้แจง
@ "เพื่อไทย"ล่าชื่อถอด"บุญจง"
พรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ พร้อมเข้าชื่อ ส.ส.ยื่นถอดถอนนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่มีพฤติกรรมส่อขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 266 กรณีร่วมกับนาง กาญจนา วงศ์ไตรรัตน์ ภรรยา นำเงินงบประมาณของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ไปแจกให้ผู้ยากไร้ที่ขอรับการสงเคราะห์ในพื้นที่ ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา จำนวน 200 คน คนละ 500 บาท พร้อมแจกนามบัตรของนายบุญจง
ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 26 มกราคม ว่าหลังการอภิปรายงบประมาณกลางปี 2552 เสร็จสิ้น จะดำเนินการล่ารายชื่อ ส.ส.เพื่อยื่นถอดถอนนายบุญจงแน่นอน เพราะมองว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายชัดเจน โดยการนำเงินของหลวงไปแจกประชาชนในบ้านพักของตัวเองเพื่อหาเสียงและสร้างความนิยม พร้อมกันนี้จะยื่นสอบถามสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และกรมบัญชีกลาง ว่าการจ่ายเงินในลักษณะนี้กระทำได้หรือไม่
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผู้ที่ดำเนินการด้านกฎหมายกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีความสลับซับซ้อนอะไร ที่ผ่านมากฤษฎีกาก็เคยให้ความเห็นเป็นที่ชัดเจนว่า ดังนั้น "กระจง" กำลังจะเกยตื้น จากความชะล่าใจของตัวเอง
@ ยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.ลงดาบซ้ำ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 27 มกราคม เวลา 10.00 น. จะเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบการกระทำของนายบุญจง ว่าเป็นความผิดหรือไม่ เพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐานปฏิบัติในอนาคต โดยการแจกเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ เป็น การผันงบประมาณจาก พม.ให้แต่ละจังหวัดเป็นประจำอยู่แล้ว ผู้ที่ทำหน้าที่แจกจะเป็นผู้ว่าราช การจังหวัด รองผู้ว่าฯ หรือปลัดอำเภอ เป็นต้น แต่วันนี้ ข้าราชการการเมืองกลับแจกเงินพร้อมแนบนามบัตรตัวเอง เหมือนเจตนาบอกว่าตัวเองเป็นคนเอางบประมาณส่วนนี้มา เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ
นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ต้องดูก่อนว่า คำร้องของพรรคเพื่อไทยเข้าข่ายมาตรา 84 และมาตรา 85 ของ พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.2542 หรือไม่ ถ้าเข้าข่ายก็จะรับไว้ตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมาตรา 84 และ 85 ของกฎหมาย ป.ป.ช.เป็นมาตราที่ระบุเกี่ยวกับรายละเอียดการยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกร้องจะต้องอยู่ในราชการหรือพ้นจากตำแหน่งไม่เกิน 2 ปี ในวันที่ยื่นคำร้อง โดยคำร้องต้องระบุชื่อผู้ถูกร้อง ตำแหน่ง ข้อกล่าวหา พฤติการณ์ รวมถึงต้องอ้างหลักฐานมาด้วย
@ "มท.2"หลบเข้าประชุมรัฐสภา
ด้านนายบุญจง ได้ปฏิเสธที่จะชี้แจงต่อผู้สื่อข่าว โดยภายหลังการเสวนายามเช้าที่กระทรวงมหาดไทย นายบุญจงได้เดินทางไปยังรัฐสภาทันที ซึ่งปกตินายบุญจง จะร่วมกับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว แต่ครั้งนี้มีเพียงนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงแทน และการเดินไปยังรัฐสภา นายบุญจงยังได้หลบผู้สื่อข่าวที่ดักรอสัมภาษณ์อยู่บริเวณทางเชื่อมลานจอดรถหน้าอาคารรัฐสภา ด้วยการเข้ารัฐสภาในเส้นทางอื่น แต่เมื่อผู้สื่อข่าวพบนายบุญจง กำลังเซ็นชื่อเพื่อเข้าร่วมประชุมรัฐสภา จึงพยายามที่จะสอบถาม แต่นายบุญจงปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยโบกมือไปมาพร้อมกล่าวว่า "ขอเข้าประชุมก่อน"
ทั้งนี้ นายถาวรชี้แจงว่า พม.ได้สั่งให้ข้าราช การในพื้นที่แจกจ่ายเงินดังกล่าวให้กับประชาชนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 โดยให้ ส.ส.พื้นที่ให้ความร่วมมือกับส่วนราชการในการสำรวจจำนวนผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส ตามที่ทางราชการกำหนดเอาไว้แล้ว ดังนั้น ส.ส.ในพื้นที่ จึงได้ให้ความร่วมมือ ถือว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 265 และ 266 เพราะเมื่อสำรวจแล้ว เป็นหน้าที่ของทางราชการจะเป็นผู้คัดเลือกบุคคลที่จะรับมอบเงิน และกำหนดวันให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเป็นวันที่นายบุญจง มีความสะดวก โดยที่นายบุญจง ไม่ใช่ผู้ดำเนินการ และเนื่องจากนายบุญจงเป็น ส.ส.และเป็นรัฐมนตรี ประชาชนจึงได้ขอความช่วยเหลือ
@ "ถาวร"ยันแจกเงินที่บ้านไม่ผิด
"วันนั้นบังเอิญนายบุญจง แจกนามบัตร โดยบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่ใช่ตัวนายบุญจง และไม่ได้เย็บนามบัตรติดกับเงิน เมื่อประชาชนได้รับความเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือหรือคำแนะนำ สามารถติดต่อทางโทรศัพท์มือถือ จึงถือว่าการกระทำดังกล่าวไม่ขัดกันซึ่งผลประโยชน์ของรัฐ ไม่ได้เป็นการหาเสียง และเป็นเรื่องปกติที่นายบุญจงให้นามบัตรกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ส่วนการแจกที่บ้านไม่ถือว่าผิดอะไร เพราะสะดวกที่ไหนก็แจกที่นั่น อีกทั้งประชาชนเองต้องการจะพบ ส.ส.อยู่แล้ว"นายถาวรกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านจะยื่นถอดถอน ถือว่านายบุญจงเป็นจุดอ่อน ทำให้เสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอนหรือไม่ นายถาวรกล่าวว่า เป็นจุดแข็ง ไม่ใช่จุดอ่อน เพราะถือว่านายบุญจง เป็นผู้ที่เอาใจใส่ประชาชน ถึงลูกถึงคน อำนวยความสะดวก บริการพี่น้องประชาชน ทำให้ฝ่ายค้านกลัวและมั่นใจว่าหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายบุญจงจะสามารถชี้แจงต่อรัฐสภาได้ ไม่ทำให้ต้องยุบสภา และหากมีผู้ร้องต่อ ป.ป.ช. ก็พร้อมร่วมกับนายบุญจง เขียนคำชี้แจง ยืนยันที่จะเดินหน้าช่วยเหลือนายบุญจง เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง
@ "มท.1"เตือนหมิ่นเหม่อย่าทำอีก
ด้านนายชวรัตน์กล่าวว่า การแจกเงินถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะประชาชนได้รับประโยชน์ และได้สอบถามนายบุญจงแล้วซึ่งชี้แจงว่า เป็นการแจกหมายเลขโทรศัพท์ เพราะประชาชนในพื้นที่ต้องการที่จะติดต่อกับ ส.ส. หรือรัฐมนตรีโดยตรงเพื่อขอความช่วยเหลือ ส่วนกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยตีความว่า กรณีดังกล่าวเข้าข่ายรัฐธรรมนูญนั้น ต้องดูว่าหมิ่นเหม่แค่ไหน
เมื่อถามว่า การแจกเงินที่บ้านจะทำให้ ประชาชนเข้าใจสับสนหรือไม่ ว่าเป็นเงินส่วนตัวของนายบุญจงเอง นายชวรัตน์กล่าวว่า นายบุญจงได้มีการประกาศแล้วว่าแจกเงินจาก พม. และได้ตักเตือนนายบุญจงไปแล้วว่าถ้าเป็นเรื่องหมิ่นเหม่ อย่าทำอีก
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านจะยื่นถอดถอนนายบุญจงนั้น นายชวรัตน์กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะไม่ได้ทำเป็นครั้งแรก เมื่อถามว่า เท่ากับว่ารัฐมนตรีแจกเงินไม่ผิด แต่ถ้าเป็น ส.ส. จึงจะมีความผิดใช่หรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า ไม่ได้พูดแบบนั้น แต่ไม่ว่ารัฐมนตรี หรือ ส.ส.ก็เป็นผู้แทนราษฎร
@ "สุเทพ"อ้างชาวบ้านขอนามบัตร
ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายบุญจงได้เล่าให้ฟังว่า เป็นงบประมาณ พม. แจกจ่ายให้คนจน คนพิการ ไม่ใช่เงินส่วนตัว ส่วนการแนบนามบัตรไปด้วยนั้น เมื่อ ส.ส.เข้าไปในพื้นที่แล้วประชาชนขอนามบัตรก็ให้ไป ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง เป็นเรื่องคนละส่วนกัน แต่เมื่อนำเอา 2 เรื่องมารวมกัน ก็เลยมองแปลกไป
"ถ้าใครสงสัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ ก็ให้กระบวนการยุติธรรมชี้ขาด เรื่องนี้อยู่ที่เจตนา ซึ่งผมก็มีคนมาขอนามบัตรทุกวันเป็นเรื่องปกติ กรณีนี้ผมไม่คิดว่าชาวบ้านจะเข้าใจว่าคุณบุญจง นำเงินไปแจก และชาวบ้านก็เข้าใจดีกว่าที่คนอื่นเข้าใจ ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่เข้าใจว่าเป็นการไปแจกของ ซึ่งไม่ได้มีการเอานามบัตรไปเย็บติดกับของที่แจกแต่อย่างใด และยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้ยึดถือความถูกต้อง ถ้าเรื่องไหนไม่ถูกต้อง ก็ต้องดำเนินการไป" นายสุเทพกล่าว
@ "เพื่อนเนวิน"ปูดส.ส.เพื่อไทยชัดกว่า
นายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยจะเข้าชื่อยื่นถอดถอนนายบุญจง ว่า ไม่เป็นไร เพราะนายบุญจง ทำตามหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่มีการแสวงหาผลประโยชน์และการแทรกแซงอะไร การกระทำของนายบุญจง ก็ไม่เข้าข่ายตามที่บันทึกของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเคยให้ความเห็นในทำนองเดียวกันว่า อาจเข้าข่ายการถูกถอดถอน
"นายบุญจงไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะเรื่องนี้ทำตามตำแหน่งหน้าที่ แต่ขณะที่พฤติกรรมของ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยผู้หนึ่ง กลับมีพฤติ กรรมที่เข้าข่ายชัดเจนยิ่งกว่า โดย ส.ส.ผู้นั้นได้ไปของบประมาณจาก พม. เพื่อสงเคราะห์ราษฎรจากภัยน้ำท่วมใน อ.พระยืน จ.ขอนแก่น ซึ่งในระยะเวลาดังกล่าวเป็นช่วงหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นที่มีคนใกล้ชิด ส.ส.ผู้นั้นลงสนามเลือกตั้ง ด้วย นอกจากนี้ ประชาชนบางส่วนที่มารับเงินสงเคราะห์คนละ 500 บาท จำนวน 400 คนนั้น พบว่าไม่ได้เป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน แต่เป็นประชาชนในเขตเทศบาล ซึ่งเรื่องนี้มีคนไปแจ้งความที่ สภ.พระยืน แล้ว" นายปัญญากล่าว
นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า หากเป็นไปตามข่าวจริงก็ถือว่าไม่เหมาะสม ซึ่งจะพูดคุยกับนายบุญจง ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างไร
@ กกต.ชี้ส่อขัดหน้าที่ของส.ส.
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีการแจกเงินและนามบัตรของนายบุญจงว่า หากผู้ใดคิดว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดต่อหน้าที่ของ ส.ส. สามารถเข้าชื่อร้องต่อประธานสภา เพื่อยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยต้องใช้จำนวน ส.ส. 1 ใน 10 ของสภา ซึ่งในส่วนของ กกต.ยังไม่มีผู้ใดร้องเรียนเข้ามา
นายประพันธ์กล่าวว่า พฤติกรรมดังกล่าวต้องดูว่า ส.ส.เข้าไปทำในลักษณะที่เป็นงานของข้าราชการประจำหรือไม่ เช่น การไปแจกสิ่งของ ซึ่งหากเป็นรัฐมนตรีและไปเกี่ยวข้องหรือก้าวก่ายงานของข้าราชการประจำ ต้องดูว่าไป ในฐานะอะไร ถ้าเข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรม นูญมาตรา 266 ก็ต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ในส่วนของความเป็นรัฐมนตรี หรือ ส.ส. ว่าต้องสิ้นสุดลงหรือไม่