WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, January 28, 2009

กรอบข้อตกลงอาเซียน ผ่านสภาแบบทุลักทุเล!

ที่มา ไทยรัฐ

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 27 ม.ค. ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังกล่าวปาฐกถาพิเศษ “เชื่อมั่น เชื่อมือ เชื่อถือไทยแลนด์” ถึง เหตุการณ์สภาป่วนในช่วงบ่าย ว่า “ก็มีสมาธิดีนี่ครับ เมื่อสักครู่ก็เรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร” เมื่อถามว่า ห่วงหรือ ไม่ว่าในวันที่ 28 ม.ค. ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 จะเกิดความวุ่นวายอีก นายกรัฐมนตรีตอบว่า เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ แต่ตนยังคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย เมื่อถามว่า จะกลายเป็นความหวาดระแวงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า วันนี้ก็เรียบร้อยดี และระบบของการทำงานทางวิปก็จะดูแลว่าใครมีภารกิจต้องไปที่ไหน ถ้ามีความจำเป็นจริงๆก็ลองคำนวณดูว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อถามว่าจะมีแนวทางปรับบรรยากาศทางการเมืองให้ดีขึ้นได้อย่างไร นายกรัฐมนตรีตอบว่า ก็พยายามทำอยู่ที่จริงถ้าเทียบการดำเนินงานของ ฝ่ายค้านจากเมื่อวันที่ 26 ม.ค. กับวันที่ 27 ม.ค. ถือว่าวันนี้ดีขึ้นมาก การยอมรับเรื่องการลงมติเพื่อให้รัฐบาลสามารถไปลงนามในกรอบอาเซียนได้ และมีการตั้งกรรมาธิการในกรอบที่คิดว่าเราสามารถมีเวลาอยู่ ก็ถือเป็นความร่วมมือที่ดี

วอนฝ่ายค้านผ่านกรอบอาเซียน

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านจะยื่นศาล รัฐธรรมนูญให้พิจารณากรอบข้อตกลงที่จะใช้ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนว่า ตนยังไม่ทราบประเด็น เพราะการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณากรอบข้อตกลงอาเซียนยังไม่ได้มีข้อยุติ ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้ประธานคณะกรรมการ ประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาลไปหารือกับประธานวิปฝ่ายค้าน เพราะเราต้องการลงนามในสนธิสัญญาต่างๆได้เพราะอีก 9 ประเทศนั้นพร้อมหมดแล้ว ส่วนการเสนอ ตั้งคณะกรรมาธิการนั้น ต้องดูขอบเขตของคณะกรรมาธิการและขั้นตอน เพราะไม่อยากให้มีปัญหาเรื่องความล่าช้าแต่ไม่ได้ขัดขวางการมีส่วนร่วม ซึ่งวิปรัฐบาล และวิปฝ่ายค้านน่าจะพูดคุยกันเข้าใจได้ ตนได้ขอร้องสมาชิกรัฐสภา ทุกคนแล้วว่า งานนี้เราต้องทำในฐานะประธานอาเซียนและเจ้าภาพที่ดี จึงอยากให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ

โวยไม่ได้ปิดประชุมหนีสภาล่ม

นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ สัมภาษณ์ถึงเหตุผลการสั่งปิดประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณากรอบการประชุมอาเซียน เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ว่า ไม่มีสาเหตุ อะไร แค่เห็นว่าได้เวลาปิดประชุมแล้วเท่านั้น ไม่ได้เกรงว่าองค์ประชุมสภาจะล่มแต่อย่างใด ซึ่งการอภิปรายใน วันแรกส่วนใหญ่เป็นไปตามเนื้อหา หากจะมีฝ่ายค้านมุ่ง อภิปรายตัวรัฐมนตรีมากกว่าเนื้อหาก็เป็นสิทธิที่ทำได้ ถ้าไม่ได้ไปหมิ่นประมาทใคร ซึ่งหากการประชุมร่วมรัฐสภา ไม่สามารถเสร็จทันในวันที่ 27 ม.ค.นี้ คงต้องเลื่อนการ ประชุมพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมงบประมาณประจำปี 2552 ออกไปก่อน

“วิทยา” ปัดตีรวนแต่ขอสง่างาม

นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน กล่าวว่า กรณีที่หลายฝ่ายมองว่าการอภิปรายกรอบอาเซียนของฝ่ายค้านเป็นการซักฟอกมากกว่าจะลงในเนื้อหานั้น ประเด็นสำคัญคือ เรื่องความเชื่อมั่น แม้ว่ากรอบการเจรจาจะดีแค่ไหน และผ่านรัฐสภาไปก็จะเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่บุคคลที่จะปฏิบัติหน้าที่ไม่ว่าจะ เป็นรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี เป็นหน้าตาของประเทศมันก็จะมีปัญหา หากบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ไม่สง่างาม การเจรจาดี เครื่องไม้เครื่องมือดีเพียงใด แต่ถ้าเขาไม่เจรจา มันก็มีปัญหา ควรเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีหรือไม่นั้น เป็นสิทธิ ของนายกรัฐมนตรี สมัยก่อนเหมาเจ๋อตุงบอกว่า แมวสีไหนก็จับหนู แต่สมัยนี้ไม่แน่แมวกินอาหารกระป๋องก็อาจ จะจับหนูไม่เป็น และเราไม่ได้ตีรวนอะไรในเมื่อจะมีการ อภิปรายยังไม่เสร็จเลยสักกรอบ เราอยากให้การประชุมเป็นไปในทิศทางที่ดี อีกทั้งฝ่ายค้านเสนอล่วงหน้า 3 ชั่วโมง ให้ปิดการอภิปรายกรอบแรก แต่นายชัยก็สั่งปิดการประชุม และไม่อยากคิดว่าที่ปิดประชุมเร็ว เพราะหนีนับองค์ประชุม

ป่วนถกกรอบอาเซียนแต่เช้า

วันเดียวกันเมื่อเวลา 09.35 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภาครั้งที่ 1 สมัยสามัญทั่วไป เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบกรอบความร่วมมือการเจรจาเอกสารสำคัญและข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือในการประชุม สุดยอดผู้นำอาเซียน (อาเซียนซัมมิต) เป็นวันที่ 2 โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม โดยนายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นกล่าวตำหนิประธานฯ ที่สั่งปิดการประชุมไปแล้วเมื่อคืนวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา เพราะองค์ประชุมไม่ครบทำให้นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย ประท้วงขอให้นายจุมพฏถอนคำพูดที่ว่าองค์ประชุมไม่ครบ เพราะการประชุมดำเนินไปจนดึกประธานฯ จึงสั่งปิดประชุมอาจทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่า ส.ส. ส.ว.ขี้เกียจสันหลังยาว นายจุมพฏลุกขึ้นตอบโต้ว่า “เคยอยู่พรรคเดียวกับนายศุภชัยเคยเป็นพวกกัน แต่วันนี้เป็นคนละพวกต่างเลือดต่างสีต่างวิญญาณ เป็นพวกขายตนเพื่อเงินตราต้องจารึกชื่อบนหนังหมา ประจานนามชั่วหลานเหลน”

ฉุนเพื่อนเก่าประจานขายตัว

จากนั้นนายศุภชัยไม่พอใจลุกขึ้นประท้วงให้นายจุมพฏถอนคำพูดอีกครั้ง โดยกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่รู้ใครเป็นคนทรยศ อย่าคิดว่าตัวเองวิเศษแล้วคนอื่นชั่วหมด กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ขอให้ถอนคำพูด เพราะถือเป็นการดูถูกการทำหน้าที่ของสมาชิก นายชัยจึงพยายามไกล่เกลี่ยจนในที่สุดนายจุมพฏได้ถอนคำพูดที่ว่า “ขายตนเพื่อเงินตรา” ทั้งนี้ นายชัยประธานที่ประชุมได้ชี้แจงถึงเหตุผลที่สั่งปิดประชุมเมื่อคืนว่า ไม่ใช่เพราะองค์ประชุมไม่ครบ แต่เห็นว่าเวลาล่วงเลยพอสมควรจึงสั่งปิดประชุม และจะขอเข้าสู่วาระการประชุมต่อไป แต่ นพ.ประสิทธิ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นขู่ว่าถ้าประธานพูดยั่วยุแหย่ รับรององค์ประชุมไม่ครบแน่ ทำให้นายชัยถึงกับฉุนสั่งให้นับองค์ประชุมทันที ปรากฏว่ามีสมาชิกร่วมประชุม 337 คน เกินกึ่งหนึ่งการประชุมจึงดำเนินต่อไป โดยมีนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศเข้าร่วมประชุมเป็นครั้งแรก

ปชป.-40 ส.ว.ป้อง “กษิต”

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปราย โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ยังคงมุ่งโจมตีนายกษิต พร้อมกันนี้ได้มีการนำบทความตีพิมพ์คำพูดของนายกษิต สมัยขึ้นเวทีม็อบพันธมิตรฯ ที่มีการพูดจาพาดพิงถึงสมเด็จ ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ด้วย ถ้อยคำหยาบคายมาประกอบการอภิปรายด้วย ทำให้ บรรยากาศการประชุมเริ่มตึงเครียดขึ้น เมื่อทีมองครักษ์ รัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.สัดส่วน นายโกวิท ธาราณา ส.ส.กทม. นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ส.สัดส่วน นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.ตรัง นายสุวโรช พะลัง ส.ส.สัดส่วน รวมถึงนายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. ทยอยลุกขึ้นประท้วงเพื่อปกป้องนายกษิต ทำให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นมาตอบโต้บ้าง จนบรรยากาศเริ่มวุ่นวาย จนนายชัยต้องสั่งพักการประชุม 5 นาที

ฟุ้งเยือนเขมรสำเร็จสวยงาม

เมื่อเริ่มประชุมใหม่ นายกษิตชี้แจงว่า ขอเป็นศิษย์มีอาจารย์ ขอฝากผีฝากไข้ให้สภาแห่งนี้กรุณาเอ็นดูให้ได้เรียนงานเพื่อปฏิบัติหน้าที่แก่ประเทศชาติอย่างเต็มที่ และขออภัยที่ไม่ได้มาร่วมชี้แจงเมื่อวานนี้ เพราะเพิ่งกลับจากการเยือนกัมพูชา ซึ่งขอส่งความปรารถนาดีจากสมเด็จเฮง สัมริน ประธานสภาล่างของรัฐสภากัมพูชามายังนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ส่วนตัวได้ พบกับทั้งประธานสภาสูงและสภาล่างของกัมพูชา ทั้ง 2 ท่านฝากความปรารถนาดีมายังรัฐสภาไทยและสมาชิกรัฐสภาไทยทั้งหมด และบอกตนว่าพร้อมจะร่วมมือกับรัฐสภาไทยในการเสริมสร้างความสัมพันธ์นำพาความเป็นประชาธิปไตยของทั้ง 2 ประเทศ พร้อมให้ความร่วมมือในกรอบภูมิภาคโดยเฉพาะอาเซียน กรอบลุ่มแม่น้ำโขง กรอบแอคเมค ตนทำงานเพื่อประเทศชาติมาตลอดชีวิต มีความมุ่งมั่นส่งเสริมครรลองระบอบประชาธิปไตยเป็นการทำเปิดเผยในที่สาธารณะ ไม่มีการซ่อนเร้นหมกเม็ดทั้งสิ้น ตนภาคภูมิใจที่มีส่วนจรรโลงประชาธิปไตยให้มีความคืบหน้า และจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ทำให้ความเป็นประชาธิปไตยไทยสมบูรณ์แบบ

โชว์ลิ้นทูตยก “ท่านสมเด็จฮุน เซน”

นายกษิตกล่าวต่อว่า ทางฝ่ายกัมพูชาจัดให้ตนได้เข้าเฝ้ากษัตริย์สีหมุนีได้พบกับประธานสภาสูง ประธานสภาล่างพบกับสมเด็จฮุน เซน เป็นเวลาร่วมชั่วโมง โดยเฉพาะท่านสมเด็จฮุน เซน ได้กล่าวในหลายครั้งอยากให้ความสัมพันธ์ที่อยู่บนพื้นฐานของประเพณีวัฒนธรรมที่เรามีร่วมกันเป็นพันปี ให้ดำเนินไปในสันติวิธี จะไม่มีการใช้กำลัง ทุกอย่างจะพูดจากันในเครือข่ายองค์กรที่เรามีอยู่ ระดับทวิภาคีที่จะเจรจากันทั้งเรื่องเขตแดน ความมั่นคง รวมถึงความร่วมมือต่างๆ ปีนี้เราเป็นประธานอาเซียนคนไทยทุกคนมีหน้าที่ในการเป็นประธานร่วม เพื่อทำให้อาเซียนแข็งแกร่งยืนหยัดอย่างสง่างามในเวทีโลกได้ เป็นเรื่องของทุกคน ทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาล สภาล่าง สภาสูง เพื่อศักดิ์ศรีความสง่างามของประเทศไทยในฐานะเราเป็นผู้ก่อตั้งอาเซียน

อ้างด่าเขมรตามเกมการเมือง

นายกษิตกล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาของตนกับกัมพูชาจากการที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ นั้นเป็นการแสดงจุดยืนของความรักชาติปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ชาติถึงได้พูดอย่างนั้น เพื่อจะบอกว่าไม่สามารถมาละเมิดอธิปไตยหรือศักดิ์ศรีของประเทศและกองทัพไทยได้ เป็นการพูดในฐานะประชาชนที่หวงแหนและรักชาติตามกระบวนการการเมืองภาคประชาสังคมที่ต้องการความชอบธรรมและถูกต้อง ส่วนความสัมพันธ์ของตนกับสมเด็จฮุน เซน คำพูดแรกที่ท่านพูดกับตนคือไม่ได้เจอกันมา 20 ปี จากที่เราเคยร่วมประชุมอยู่ที่กรุงปารีส ซึ่งตนและสมเด็จฮุน เซน ก็อยู่กันคนละฟากเราต่อสู้เพื่ออธิปไตยและความถูกต้องของประเทศ และต่อต้านภัยคอมมิวนิสต์ จนประสบความสำเร็จมาวันนี้ทั้งนายกฯ ตนและสมเด็จฮุน เซน มีหน้าที่กระชับความสัมพันธ์ซึ่งได้ตกลงกันแน่ชัดว่า เราจะพูดจากันด้วยสันติวิธีไม่มีการใช้กำลัง

ลั่นปิดล้อมสนามบินเรื่องปกติ

“ท่าน (ฮุน เซน) ก็ไม่ได้พูดถึงอดีต เพราะต่างคนต่างก็มีอดีตของการต่อสู้เพื่อความชอบธรรม เพื่อความเป็นประชาธิปไตยด้วยกันทั้งนั้น วันนี้เข้ามาร่วมรัฐบาลผมเป็นเด็กที่มีวินัย และจะทำอยู่ในกรอบ อดีตเมื่อวานก็ว่ากันไป ส่วนที่บอกว่าชาวโลกไม่ยอมรับ ผมขอเรียนว่า ที่ผ่านมามีสาส์นแสดงความยินดี และมีวาระที่จะไปพบปะกับต่างประเทศจนถึงสิ้นปีนี้ เป็นเครื่องแสดงถึงการทำหน้าที่อย่างมีศักดิ์ศรีไม่มีปัญหากับรัฐบาลหรือชาวต่างประเทศทั้งสิ้น วันนี้เรามาอยู่อีกตำแหน่งที่ต้องนำพาประเทศ เราต้องร่วมมือกับต่างประเทศอย่าได้สงสัยในตัวผมเลย ว่าจะทำงานไม่ได้หรือมีอดีตที่จะมาทำลายล้างศักดิ์ศรีของไทย แต่ผมเชื่อว่าอดีตที่ผ่านมาเป็นสิ่งถูกต้อง การประท้วงปิดสนามบินนั้นในมิตรประเทศทั่วโลกก็มีการประท้วง ก็มีการป้องกันไม่ให้เข้าสนามบิน เราจะได้ยินเสมอว่าในช่วงฤดูร้อนฤดูหนาวจะมีการประท้วงโดยนักบินบ้าง ผู้ทำงานบนเครื่องบินบ้าง ต่างๆเหล่านี้ ก็มีการปิดสนามบินตลอดเวลา แต่ผมไม่เห็นประเทศไหนต้องเอาเงินมาชดเชยกับนักท่องเที่ยว แต่ที่พิเศษสุดคือรัฐบาลนี้พร้อมจะดูแลผู้ที่เสียประโยชน์หรือติดค้างต่อไปนี้ และจะวางมาตรการภายใต้ความมั่นคงอย่างรัดกุม ที่สำคัญคือรัฐบาลจะตอบสนองปากท้องของประชาชนโดยไม่มีเรื่องวาระส่วนตัวและไม่ให้ใครมาสร้างความแตกแยกอีก

“อภิสิทธิ์” โทร.จิก “กษิต” ไปสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่นายกษิตจะเดินทางไปร่วมประชุมรัฐสภา ระหว่างที่นายกษิตกำลังสัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวภายหลังพบปะกับนายควินตัน เควลย์ เอกอัครราช ทูตอังกฤษประจำประเทศไทยอยู่นั้น ปรากฏว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มาหา นายกษิตเพื่อเร่งให้นายกษิตเดินทางไปร่วมประชุมรัฐสภาให้ทันเปิดประชุมรัฐสภา โดยนายกษิตกล่าวตอบรับว่าจะรีบเดินทางออกไปและจะถึงรัฐสภาภายใน 10 นาที

สภาป่วนขอนับองค์ประชุมอีกรอบ

กระทั่งเวลา 14.20 น. บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อ น.ส.นฤมล ธารดำรงค์ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ได้เสนอนับองค์ประชุม ทำให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ดาหน้าลุกขึ้นท้วงติง และขอให้ น.ส.นฤมลถอนข้อเสนอดังกล่าว โดยนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าตามมารยาทจะไม่ทำกันอย่างนี้ ขณะนี้สมาชิกจำนวนมากยังรับฟังการอภิปรายอยู่นอกห้องประชุม จึงไม่จำเป็นต้องนับองค์ประชุม แต่ น.ส.นฤมลยังคงยืนยันให้นับองค์ประชุมอยู่ ขณะที่นาย สุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นกล่าวท้วงติงการทำหน้าที่ของนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมในช่วงนี้ว่า ทำหน้าที่เอียงขวามากไป ไม่เปิดให้ฝ่ายค้านได้พูด คงเป็นเพราะมี ส.ว.แต่งตั้งมากกว่าที่มาจากการเลือกตั้ง ทำให้ ส.ว.สรรหาส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม 40 ส.ว. อาทิ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา ลุกขึ้นประท้วงว่า ถึงจะมาจากการแต่งตั้ง แต่ก็มาตามรัฐธรรมนูญ คนที่พูดผมก็ขาวแล้วควรให้เกียรติกันบ้าง ขอให้ถอนคำพูดที่เสียดสี ส.ว.

“สุนัย-บุญยอด” ด่ากันกลางสภา

นายประสพสุขพยายามตัดบทโดยการปิดไมโครโฟนของทั้ง 3 ฝ่าย ทำให้นายสุนัยลุกขึ้นกล่าวด้วยความไม่พอใจว่า การแขวะกันไปมาระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาลเป็นเรื่องปกติ แต่ประธานต้องสำเหนียกว่าควรให้ฝ่ายค้านได้แก้ข้อที่ถูกกล่าวหาด้วย ซึ่งเมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรากฏว่านายบุญยอดได้ตะโกนต่อว่านายสุนัยกลางที่ประชุมโดยไม่ผ่านไมโครโฟนด้วยถ้อยคำรุนแรง ทำให้นายสุนัยถึงกับอารมณ์เสีย กล่าวตอบโต้ว่าไม่สนใจคำพูดของผู้สื่อข่าวเผด็จการ ทำให้นายบุญยอดลุกขึ้นตอบโต้อย่างมีอารมณ์ว่า มาว่าตนเป็นผู้สื่อข่าวเผด็จการ ก็จะพูดบ้างว่าบางคนเป็น “สุนัขรับใช้สมุนทรราชย์ได้หรือไม่” ทำให้ ส.ส.ฝ่ายค้านลุกขึ้นประท้วงขอให้ถอนคำพูด แต่นายสุนัยได้กล่าวว่า ไม่ต้องถอนคำพูดก็ได้ เพราะมารยาทส่อสันดานอยู่แล้ว พร้อมกับชี้นิ้วไปที่นายบุญยอดแล้วกล่าวว่า “ไอ้หมอนี่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯเพื่อล้มรัฐบาลประชาธิปไตยมาแล้ว” ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความวุ่นวาย จนนายประสพสุขต้องสั่งพักการประชุมอีกครั้ง 10 นาที จากนั้นนายชัยจึงขึ้นมาทำหน้าที่แทน และได้มีการนับองค์ประชุมอีกครั้ง ปรากฏว่ามีสมาชิกอยู่ร่วมประชุม 345 คน ถือว่าครบองค์ประชุมจึงได้ประชุมต่อไป

พท.เหน็บ รมต.เอี่ยววัดโพไซดอน

ต่อมาเวลา 14.52 น. ได้เปิดประชุมอีกครั้งหลังจาก ที่พักการประชุม มีนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธาน โดยให้ดำเนินการนับองค์ประชุมโดยการเสียบบัตรตามที่ฝ่ายค้านเสนอ ผลปรากฏว่ามี 345 เสียงครบองค์ประชุม จึงดำเนินการประชุมต่อไป โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างจืดชืด และบรรยากาศเริ่มเข้มข้นเมื่อนายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ลุกอภิปรายกรอบความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับพม่าว่าด้วยความร่วมมือเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็กว่า มีแรงงานเถื่อนจากพม่าลักลอบเข้ามามาก เช่นเดียวกับการค้ามนุษย์ที่มีเพิ่มขึ้น เฉพาะแค่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กทม. มีกว่า 2,000 คน นอกจากนี้ไม่ยอมรับรัฐมนตรีบางคนที่ไม่มีความชอบธรรม บางคนเกี่ยวข้องกับพันธมิตรฯ และมีบางคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับวัดโพ วัดไซ วัดดอน ทำให้นางพรทิวา นาคาศัย รมว. พาณิชย์ ได้ใช้สิทธิ์พาดพิงลุกขึ้นแจงว่า ขอขอบคุณที่พูดถึง “ดิฉันเลือกเกิดไม่ได้ ดิฉันแต่งงานแล้วก็ออกมาจากครอบครัวที่ทำธุรกิจดังกล่าว แต่ถ้าหากดิฉันเลือกเกิดได้ก็จะขอเกิดมาใช้นามสกุลชัยวิรัตนะ”

ผ่านฉลุยกรอบข้อตกลงอาเซียน

ต่อมาที่ประชุมร่วมรัฐสภา ด้วยเสียงส่วนใหญ่ได้มีมติให้ความเห็นชอบในเอกสารสำคัญที่เกี่ยวกับความร่วมมือในกรอบอาเซียนและประเทศคู่ค้า รวมทั้งสิ้น 19 กรอบ โดยที่ประชุมได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษากรอบการเจรจา ยกร่างขอบเขตอำนาจหน้าที่ขององค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียน และกรอบการเจรจาประเด็นกฎหมายภายใต้กฎบัตรอาเซียน ภายใต้การพิจารณาของคณะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระดับสูงว่าด้วยกฎบัตรอาเซียนจำนวน 36 คน และให้พิจารณาให้เสร็จภายใน 15 วัน นอกจากนี้ที่ประชุมยังให้ความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงแรงงานแห่งสาธารณรัฐเกาหลีและกระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยการจัดส่งแรงงานไทยไปสาธารณรัฐเกาหลีภายใต้ระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ แต่ให้นำร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวไปพิจารณาในคณะกรรมาธิการวิสามัญที่รัฐสภาตั้งขึ้นมาด้วย จากนั้นนายชัย ประธานที่ประชุมได้สั่งปิดการประชุมเมื่อเวลา 19.20 น.