WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, January 27, 2009

“ชัย” ห่วงล่มบ่อยบีบรัฐบาลยุบสภา

ที่มา ไทยรัฐ

เสธ.หนั่นมั่นใจคุมเสียง ชทพ.ได้

จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์สภาล่ม เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวเมื่อวันที่ 26 ม.ค. ถึงการควบคุมเสียง ส.ส.ของพรรคชาติไทยพัฒนา หลังเกิดเหตุการณ์สภาล่มว่า พรรคชาติไทยพัฒนามั่นใจว่าสามารถควบคุมเสียงของ ส.ส.ของพรรคในสภาฯ ได้อย่างแน่นอน เพราะเราได้หารือกันหมดแล้ว โดยไม่ต้องมีกฎเหล็กอะไร มีเพียงกฎธรรมดาแต่ก็ขลังแล้ว ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ก็ควบคุม ส.ส.ของแต่ละพรรคเอง ก็ไม่น่าห่วงอะไรและคงไม่มีปัญหา

ชัยห่วงล่มบ่อยบีบรัฐบาลยุบสภา

นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงเรื่ององค์ประชุมต้องครบ ส.ส. 302 คนต้องอยู่ในห้องประชุม หากไม่ครบต้องเลื่อนและปิดการประชุม ซึ่งตนก็ไม่สามารถที่จะไปบังคับสมาชิกให้เข้าร่วมประชุมได้ แต่ขึ้นอยู่กับคนที่มาทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎร หากสภาล่มภาพไม่ดีรัฐบาลต้องดูแลเองไม่เก็บปัญหาไว้แน่ หากล่มบ่อยรัฐบาลก็ต้องยุบสภาไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องมีใครมาร้องขอให้ยุบสภา แต่อยากขอร้องให้ ส.ส.ช่วยมาร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง และให้อยู่ในห้องประชุมให้ครบองค์ประชุม เพื่อให้พิจารณากรอบการประชุมอาเซียนผ่านไปได้ ส่วนฝ่ายค้านไปขอร้องอะไรไม่ได้ เพราะฝ่ายค้านไม่เดือดร้อน เพราะฝ่ายค้านต้องค้านให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องระมัดระวังทุกฝีก้าว

นายกฯเมินไขก๊อกหลังประชุมอาเซียน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ระบุว่าหากสภาล่มบ่อยๆควรยุบสภา นายอภิสิทธิ์ตอบว่า อาจเป็นวิธีที่ประธานสภาฯใช้กระตุ้นให้ ส.ส.มาอยู่ในสภา ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าเหตุการณ์สภาล่มเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจะเป็นครั้งสุดท้าย นายอภิสิทธิ์ตอบว่า วิปรัฐบาลดูแลเต็มที่ ปัญหานี้ทุกฝ่ายดูแลเต็มที่ แต่ต้องดูสถานการณ์ ต่างๆด้วย ส่วนที่การประชุมสภาฯวันนี้เริ่มได้ช้ากว่ากำหนดนั้น เป็นเรื่องปกติ ก่อนหน้านี้ก็เคยเลยมา 10-20 นาที บางทีนานกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่จะพยายามบอกให้มา ประชุมให้เร็วขึ้น ส่วนบรรยากาศการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณากรอบการประชุมอาเซียนว่า เรียบร้อยดี เป็นธรรมดาที่ ส.ส.จะแสดงความคิดเห็น ฝ่ายค้านอาจจะเน้นมุ่งตัวรัฐมนตรีมากกว่าเนื้อหาสาระ แต่เมื่อประธานสภาฯวินิจฉัยให้อภิปรายได้ ก็มีหน้าที่ต้องชี้แจงกันไป ผู้สื่อข่าวถามว่าในการประชุมร่วมรัฐสภามีข้อเสนอให้นายกฯลาออก หลังการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนแล้วให้มีการตั้ง ครม.ชุดใหม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ขอย้ำว่าขณะนี้รัฐบาลเดินหน้าทำงาน และประเมินผลงานอยู่เป็นระยะๆ ถ้าไปกำหนดเช่นนั้นคงไม่เป็นประโยชน์

สุเทพลั่นไม่เลื่อนประชุมอาเซียน

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณากรอบการประชุมอาเซียน เพื่อชะลอไม่ให้พิจารณาเร็วเกินไป เพราะจะไม่รอบคอบ และอาจเกิดอันตรายต่อประเทศว่า ก็น่าตลกดี เพราะว่ากรอบการเจรจาอาเซียนนี้ไม่ใช่ว่าทำเมื่อ 1-2 วันนี้ ทำมาตั้งแต่สมัยที่ฝ่ายเขาเป็นรัฐบาล ตอนที่ฝ่ายเขาเป็นรัฐบาลทำเรื่องเหล่านี้มาก็ไม่สงสัยไม่ติดใจ วันนี้พอมาเป็นฝ่ายค้านเกิดระลึกชาติได้ขึ้นมาติดใจสงสัย เราก็ไม่ว่าอะไร ก็แล้วแต่ในสภาฯจะมีมติอย่างไร เมื่อถามว่า จะเกิดปัญหาการเตะถ่วงจนทำให้ล่าช้าและกระทบกับการประชุมอาเซียนหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ไม่เป็นไร อยู่ที่สภาฯจะพิจารณา ยังคิดว่าสภาฯมีเหตุผล เสียงส่วนใหญ่ในสภามีเหตุผลเสมอ ไม่คิดว่าจะทำให้การประชุมอาเซียนต้องเลื่อนออกไป

เปิดสภาถกกรอบร่วมมืออาเซียน

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.30 น. วันเดียวกัน ได้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม โดยมีวาระสำคัญคือการพิจารณาให้ความเห็นชอบ เกี่ยวกับความร่วมมือในกรอบอาเซียนตามที่ ครม.เสนอ แต่การประชุมต้องล่าช้าไปเกือบ 30 นาที เพราะมีสมาชิกมาลงชื่อเข้าประชุมเพียง 253 คน ไม่ถึงกึ่งหนึ่งคือ 302 คน จากสมาชิกรัฐสภา 604 คน กระทั่งเวลา 10.00 น. จึงเข้าสู่วาระการประชุม เมื่อมีสมาชิกครบองค์ประชุม โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯได้ อภิปรายชี้แจงสมาชิกรัฐสภาถึงความสำคัญของกรอบอาเซียน รวมทั้งความรับผิดชอบที่ประเทศไทยต้องดำเนินการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมกันนี้นายอภิสิทธิ์ยังชี้แจงด้วยว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ไม่สามารถมาร่วมประชุม เนื่องจากอยู่ระหว่างการเยือนประเทศกัมพูชา แต่ได้มอบหมายให้นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ มาชี้แจงแทน

พท.เปิดฉากมวยวัดสาวไส้ รมต.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้เริ่มอภิปรายเป็นคนแรก โดยกล่าวว่า นายกฯถูกบังคับให้ตั้งรัฐมนตรีตามผู้มีอิทธิพล ต้องใช้หนี้กลุ่มพันธมิตรฯจนเกิดนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ จึงขอเรียกร้องให้ปลดนายกษิต แล้วให้นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ เป็น รมว.ต่างประเทศแทน ส่วนรัฐมนตรีที่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติอีกคนหนึ่ง คือนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ดูจากภูมิหลังไม่น่าจะทำให้ไทยได้เปรียบในเวทีการค้าโลก การเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง คงไม่ทันเกมรัฐมนตรีพาณิชย์ อาเซียนคนอื่น ส่วนนายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.การพัฒนาสังคมฯ ก็ควรปรับออกจากตำแหน่ง แล้วให้นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม.มาเป็นแทน เพราะไม่มีประวัติ ด่างพร้อย ผิดกับนายวิฑูรย์ที่มีเรื่องปลากระป๋องเน่า ที่ได้เป็นรัฐมนตรีเพราะเคยเป็นเลขานุการนายสุเทพ เทือกสุบรรณ มาก่อน

พรทิวากรี๊ดไร้สาระมุ่งเรื่องส่วนตัว

นางพรทิวาชี้แจงว่า ขอบคุณในไมตรีที่ต้อนรับอย่างอบอุ่น แต่ตนมาตามระบอบ เมื่อพรรคถูกยุบก็มาเป็นรัฐมนตรีตามที่ควรจะเป็น ต้องขอโทษที่อาจจะทำให้ใครผิดหวังบ้าง วันนี้เป็นรัฐมนตรีใหม่ป้ายแดง วันข้างหน้าท่านก็อาจได้เป็นรัฐมนตรีป้ายแดงบ้าง ส่วนตัวรู้สึกผิดหวังกับการอภิปรายในวันนี้ แทนที่จะเป็นประโยชน์ต่อสภา มากกว่าจะมาพูดเรื่องคุณสมบัติของตน จะตอบเรื่องนี้เพียงครั้งเดียวเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ทั้งนี้เคยผ่านงานด้านบริหาร การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นงานค้าขายมาก่อน การทำงานในกระทรวงพาณิชย์จึงไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัส เพราะไม่ได้ทำงานคนเดียว มีทีมงานคอยช่วยเหลือ

นายกฯกางปีกป้อง รมว.ต่างประเทศ

นายอภิสิทธิ์ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า อยากยืนยันว่าการแต่งตั้ง รมว.ต่างประเทศ ไม่ได้เป็นการตอบแทนกลุ่มพันธมิตรฯ ตนเองเป็นคนชวน รมว.ต่างประเทศเข้ามาสู่การเมือง แต่ไม่มีโอกาสลงสมัคร ส.ส. และได้ติดตามประวัติการทำงานมาตลอด การทำงานนั้นอาจถูกใจและไม่ถูกใจคนบ้าง แต่ที่ปฏิบัติหน้าที่มา 1 เดือนก็เรียบร้อย สามารถเดินหน้าในเรื่องการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน โดยเลื่อนกำหนดให้เร็วขึ้น และผู้นำของทุกประเทศได้ตอบรับมาเข้าร่วมประชุม ส่วนการทำงานของรัฐมนตรีอื่น เป็นหน้าที่ของตนที่รับผิดชอบในการติดตาม ประเมินและดูแลรัฐมนตรีทุกท่านว่าทำงานสัมฤทธิผลหรือไม่ การประชุมผู้นำสุดยอดเราได้มีการดำเนินการทุกสัปดาห์ รัฐมนตรีทุกท่านต้องเข้าร่วม ส่วนเรื่องการเปิดการค้าเสรี เชื่อว่ามองไม่ต่างกัน เราเชื่อว่าการเปิดการค้าเสรีจะเป็นในกรอบของทวิภาคีหรือพหุภาคี จะต้องมีการเตรียมการและรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้น คงไม่มีข้อตกลงไหนจะไม่มีผลในทางลบเลย ขอยืนยันรัฐบาลได้ติดตามไม่ได้ปล่อยปละละเลย

ส.ว.ติงรัฐบาลรวบรัดกรอบอาเซียน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายของ ส.ว.ส่วนใหญ่ ให้การสนับสนุนการดำเนินการของรัฐบาล ตามกรอบอาเซียน อย่างไรก็ตาม นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว. สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. อภิปรายว่า นายกฯและรัฐบาลไม่ได้ ให้ข้อมูลสาระอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง พูดแค่ตามวาระ ไม่เคยบอกว่าการไปลงนามต่างๆจะได้ รับผลกระทบอะไรบ้าง ทั้งที่รัฐธรรมนูญบอกว่า ต้องมีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบด้วย แต่วันนี้เป็นเพียงให้รัฐสภาเร่งรีบให้ความเห็นชอบให้เร็วที่สุด พอเป็นฝ่ายค้านก็มองมาตรา 190 อย่างหนึ่ง พอมาเป็นรัฐบาลแล้วกลับคิดอีกอย่าง มองมาตรา 190 เป็นอุปสรรค

นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ขอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณากรอบการประชุมอาเซียน เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการลงนามในสัญญานี้ หากไม่มีการตั้งคณะกรรมาธิการจะให้ ส.ส. 1 ใน 10 เข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154 วรรค 1 ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำให้การลงนามในสัญญาอาเซียนต้องล่าช้าไปอีก

กษิตพลิกจุดยืนเยือนกัมพูชา

วันเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานการเดินทางเยือนกัมพูชา ของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศของไทย ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง ที่จุดชนวนความขัดแย้งเรื่องปราสาทพระวิหารเมื่อปีที่แล้ว แต่ในปีนี้นายกษิตกล่าวว่า การใช้แนวทางสันติวิธีแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานคือสิ่งจำเป็น

นายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา แถลงหลังเจรจาว่า ไทยและกัมพูชาเห็นชอบร่วมกันว่า ทั้ง 2 ฝ่ายต้องให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหา ความขัดแย้งดินแดนเขาพระวิหารอย่างเร่งด่วน หลังเลื่อนกำหนดเจรจามาหลายครั้ง เพราะติดขัดสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองไทย พร้อมยืนยันว่าการเจรจารอบใหม่ระหว่าง 2 ประเทศ จะดำเนินไปโดยยึดหลักสันติวิธีและมีไมตรีจิต โดยได้นัดหมายให้คณะกรรมาธิการความร่วมมือด้านการปักปันเขตแดน ทั้งของไทยและกัมพูชา ร่วมเจรจาหาข้อตกลงกันอีกครั้ง ระหว่างวันที่ 2-4 ก.พ. จากนั้นจึงจะเชิญให้ รมว.กลาโหมของไทย เดินทางมายังกัมพูชาเพื่อหารือเรื่องการถอนกำลังทหารภายในวันที่ 6 ก.พ. นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดวันเจรจาต่อรอง เรื่องการปักปันน่านน้ำในเขตอ่าวไทย บริเวณรอยต่อระหว่างไทยและกัมพูชา ในเดือน มี.ค.นี้ด้วย

นปช.ยื่นหนังสือต้านรัฐบาล อภิสิทธิ์

วันเดียวกัน แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือ นปช.ประมาณ 100 คน นำโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจักรภพ เพ็ญแข และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้เดินทางมาชุมนุมที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหภาพฟิลิปินส์ประจำประเทศไทย เพื่อยื่นหนังสือแสดงจุดยืน ไม่ยอมรับรัฐบาลที่มีความไม่ชอบธรรมในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะการแต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่ขัดขวางการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และจะไม่เรียกร้องให้แต่ละประเทศตัดสินใจว่า จะเข้าร่วมการประชุมหรือไม่ เพราะถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละประเทศในการตัดสินใจ จากนั้นม็อบ นปช.ได้เดินทางต่อไปยังสถานเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรบรูไนประจำประเทศไทย ยื่นหนังสือแสดงจุดยืนเดียวกัน

นายจักรภพกล่าวว่า การเดินทางมายื่นหนังสือแสดงจุดยืน ไม่ยอมรับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ของคนเสื้อแดง ต่อเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆในอาเซียนครั้งนี้ ถือเป็นภารกิจแรกที่เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความสัมพันธ์ เครือข่ายระหว่างประเทศ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาประชาธิปไตยแบบยั่งยืน จากนั้นจึงจะเริ่มในภารกิจที่ 2 คือ ต้องไล่พวกผู้ก่อการร้ายให้ออกจากประเทศไทยให้หมด

พายัพนำทัพเพื่อไทยลุยภาคอีสาน

ค่ำวันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย ได้มี ส.ส.อีสานพรรคเพื่อไทยประมาณ 30 คน นำโดยนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม ได้มาเข้าพบนายพายัพ ชินวัตร อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย น้องชาย พ.ต.ท. ทักษิณ เพื่อขอให้รับตำแหน่งประธานที่ปรึกษา ส.ส.ภาคอีสาน ภายหลังการหารือกว่า 2 ชั่วโมง นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า นายพายัพตอบตกลงเป็นประธานที่ปรึกษา ส.ส.ภาคอีสาน การดึงนายพายัพเข้ามาช่วยถือเป็นยุทธศาสตร์หลักต่อสู้ทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะจะได้ไปเป็นคนบอกชาวบ้านว่าจะนำ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทยอย่างไร ทั้งนี้ กลุ่ม ส.ส.อีสานจะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณในเร็วๆนี้ คาดว่าจะเป็นช่วงต้นเดือน ก.พ.

ว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย กล่าวว่า เชื่อมั่นว่านายพายัพจะสามารถกอบกู้พรรคเพื่อไทยได้ เพราะเป็นสัญลักษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เปรียบกับนายพายัพเป็นแม่ทัพภาคอีสานและพรรคเพื่อไทย เพราะภาคอีสานถือเป็นเมืองหลวง เป็นฐานเสียงหลักของพรรคมาโดยตลอด เบื้องต้น ส.ส.อีสานกำหนดยุทธศาสตร์แล้วว่าในเดือน ก.พ.นี้ จะเดินสายเปิดตัวนายพายัพในภาคอีสาน

อภิสิทธิ์ประกาศปฏิรูปการเมือง

เมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ที่สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน จ.นนทบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้รับเชิญไปบรรยายพิเศษเรื่อง รัฐธรรมนูญหลักนิติธรรมและการบริหารประเทศในภาวะวิกฤติโดยได้กล่าวตอนหนึ่งว่า หลักนิติธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องยึดถือ แม้ที่ผ่านมาจะล้มเหลวมาตลอด ถ้าสังคมไม่จริงจังกับเรื่องนี้ ความคาดหวังที่จะเห็นการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายเดินไปตามกฎเกณฑ์กติกาก็เป็นเรื่องยาก สุดท้ายจึงไปลงที่รัฐธรรมนูญ เมื่อเราเขียนรัฐธรรมนูญสุดโต่งปัญหาก็ไม่จบ เช่น การยุบพรรค ก็หวาดเสียวอยู่ ตลอดเวลา ถ้าเลือกเขียนมาตรา 237 ได้ จะไม่เขียนอย่างนี้

ก่อนหน้านี้ได้แถลงนโยบายรัฐบาลว่าเราจะเดินหน้าปฏิรูปการเมือง ส่วนการปฏิรูปการเมืองจะต้องแก้รัฐธรรมนูญ หรือต้องทำอะไรนั้น มันก็จะครอบคลุมในตัวของมันเอง ถ้าเขียนนโยบายเรื่องที่จะแก้รัฐธรรมนูญก็จะเกิดความขัดแย้ง จะโดนกล่าวว่าแก้เพื่อใครหรือไม่

ย้ำอีกรัฐบาลทำอย่างตรงไปตรงมา

นายกฯกล่าวว่า สำหรับการบังคับใช้กฎหมายนั้น ถ้าทำแบบตรงไปตรงมา ก็ถูกเรียกร้องจากทั้งสองฝ่าย ให้ เร่งดำเนินคดีกับอีกฝ่ายทุกวัน ยืนยันว่ารัฐบาลจะให้ทุกอย่างทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการละเว้นหรือกลั่นแกล้งกัน เรื่องนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ก็รับทราบชัดเจนว่านี่คือภารกิจที่ท่านต้องทำ และฝ่ายค้านก็ตั้งกระทู้ ถามเรามาเช่นกัน ถ้าพิจารณาเป็นคดี ต้องยอมรับว่าหลาย เหตุการณ์มองมุมในความผิดทางอาญาไม่ได้ ต้องมองในมุมของการเมืองด้วย เหมือนต่างประเทศที่มีระดับความ ผิดหลากหลายกว่าเรามาก ตรงนี้ต้องเรียนรู้พอสมควร

ความตั้งใจของผมคืออยากมีคณะบุคคลเข้ามาปรึกษาและสะสางตรงนี้ ซึ่งก็หายากเช่นกัน เวลานี้ได้คุยกับบุคคลท่านหนึ่ง พบกันแล้วครั้งหนึ่ง และโทรศัพท์นับครั้งไม่ถ้วน แต่ท่านไปทาบทามใครก็กลัวว่าเป็นภาระหรือกังวลว่าจะได้รับการยอมรับหรือไม่ เพราะยืนท่าม กลางความขัดแย้ง เนื่องจากการแตกแยกตอนนี้ถึงขั้นลึกพอสมควร จึงหวังว่าจะตั้งคณะบุคคลขึ้นมาเพื่อเป็นหลัก ประกันในความยุติธรรม อันนี้คือสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการนายกฯกล่าว