ที่มา ประชาทรรศน์
คอลัมน์ : แวดวงจักรดาว
ตีนตะขาบ
หมวดเจี๊ยบ ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต ถือเป็นทหารหญิงที่มีทั้งมันสมองและมีหน้าตาเป็นอาวุธ ครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งที่เป็นนักข่าวและผู้ประกาศข่าวของ ททบ.5 นั้น เป็นที่รู้กันว่า เธอเป็นน้องเลิฟของ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่เมื่อก่อนยังเป็นแค่ แม่ทัพภาค 1 และ ผช.ผบ.ทบ.
พอมาวันนี้ เมื่อมีหน้าสวยๆ ของหมวดเจี๊ยบไปนั่งแถลงข่าวเปิดตัวสถานีประชาธิปไตย ดีทีวี กับ นายสุนัย จุลพงศธร แกนนำพรรคพลังประชาชน และ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำนปช. เพื่อทำรายการ “ห้องเรียนประชาธิปไตย” เมื่อ 14 มกราคม ที่ผ่านมา
กองทัพบกในยุคที่มี พล.อ.อนุพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. ก็เต้นผาง ต้องเรียกตัวเธอมาชี้แจง ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้อนุญาตให้เธอไปกระทำการเช่นนั้น
เพราะหมวดเจี๊ยบเพิ่งโทรศัพท์มาแจ้งให้ พล.ต.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการ ทบ. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชารับทราบ และขอให้ทำรายงานชี้แจงเรื่องรูปแบบรายการ ก่อนการอนุมัติ ที่ส่งผลให้เธอยังไม่อาจเปิดประเดิมรายการครั้งแรก ในวันเสาร์ที่ 24 มกราคมได้ทัน
แต่ส่อเค้าว่า ทบ. จะไม่อนุญาตให้เธอไปร่วมสังฆกรรมกับโทรทัศน์สีแดง โดยอ้าง ระเบียบว่าด้วยข้าราชการกลาโหมกับการเมือง พ.ศ.2499 ที่ห้ามไม่ให้วิจารณ์ผู้บังคับบัญชาและรัฐบาล
มีทางเดียวที่ทำได้ก็คือ การลาออกจากราชการทหารไปทำตามฝันของตัวเอง
หลังจากที่คณะกรรมการสอบสวนความผิดอาญาของ ทบ. กรณีเธอขาดหนีราชการไปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อังกฤษนั้น ให้แค่ภาคทัณฑ์ และตักเตือนเท่านั้น เมื่อหมดคดีติดตัว เธอก็สามารถลาออกได้แล้ว
ไม่แค่ พล.ต.วีรัณ เท่านั้นที่ถามว่าเธอจะลาออกไหม แต่พี่ป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ ที่เคยรู้จักสนิทสนมช่วยเหลือเธอมา ก็ยังทวงถามว่า “ประสงค์ที่จะลาออกอยู่แล้ว” เพื่อกดดัน
แต่เธอก็ยังยืนยันที่จะอยู่ในเครื่องแบบทหารต่อไป เพราะมั่นคง มีเกียรติ แม้จะมีเงินเดือนแค่เดือนละ 1.2 หมื่นบาทเท่านั้นก็ตาม แต่ก็ยังดี เพราะไม่ต้องทำอะไร สามารถไปทำงานส่วนตัวได้ แต่จะต้องไม่กระทบต่อกองทัพ
หากแต่เรื่องของหมวดเจี๊ยบไม่จบแค่นั้น เมื่อมีการปลุกกระแสในสื่อออนไลน์บางสำนัก ที่แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อโดยตรงว่าเป็นใคร แต่อ่านแล้วเข้าใจได้ว่าคือเธอ ทั้งเรื่องความสัมพันธ์กับ บิ๊ก ทบ. บางคน ที่อุ้มชูเธออยู่
จนทำให้หมวดเจี๊ยบ ที่วันนี้แกร่งขึ้นมาก กล้าที่จะออกมาพูดเรื่องนี้ตรงๆ ว่า เธอไม่มีวันที่จะเป็นเมียน้อยใครเพื่อไต่เต้าไปสู่ความก้าวหน้า เพราะเธอมีมันสมองและสองมือ ที่ทำงานเลี้ยงตัวเอง หาใช่นั่งเฉยๆ รอคนมาเลี้ยง
แม้ว่าชีวิตรัก ครอบครัวเธอจะแตกแยก ต้องหย่าร้างกับสามีที่เป็นนายทหารมาหลายปีแล้ว แต่หมวดเจี๊ยบก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ยังไม่มีคู่ใจคนใหม่ แถมยังต้องเลี้ยงดูตัวเอง ทั้งผ่อนบ้านและหารายได้มาดำรงชีพ เพราะเงินที่ได้จากการขายหนังสือครั้งนั้น ก็คงใช้ไปได้อีกไม่นานนัก
ที่ยิ่งทำให้มีการปล่อยข่าว ทำให้เธอเสียหายมากมาย โดยเฉพาะในสื่อเลือกข้าง ฝั่งตรงข้ามกับเธอ ที่กล่าวหาในเรื่องชู้สาว
“เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าเจี๊ยบไม่ได้เป็นแบบนั้น ไม่ว่าจะมีข่าวเป็นเมียน้อยทักษิณ หรือบิ๊กทหารคนไหน ไม่อย่างนั้นชีวิตเจี๊ยบคงไม่เป็นอย่างนี้” เธอกล่าว
แม้เธอจะไปสมัครงานในหลายสถานี แต่ไม่มีใครยอมรับเธอเลย เพราะกลัวเรื่องการเมือง แต่ DTV เท่านั้นที่กล้าให้โอกาสกับเธอ เธอจึงรีบคว้าเอาไว้ โดยไม่ได้คิดเลยว่าเป็นสื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่คิดแค่จะทำหน้าที่ของสื่อมวลชนคนหนึ่ง ที่แสดงความเห็นแตกต่างในรายการที่เป็นเหมือนการดีเบตกัน
“ไม่เคยคิด และไม่เชื่อว่าจะถูกหลอกให้เป็นเครื่องมือ ให้โจมตีกองทัพ เพราะรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่” เธอกล่าว
“ตั้งแต่เขียนหนังสือ ทักษิณ Where are you ก็ทำให้ถูกมองว่าเป็นพวกทักษิณไปแล้ว จนไม่มีใครกล้าคบเรา มีแต่คนที่ชอบทักษิณ ที่มาคุยกับเรา จากเดิมที่ไม่เคยรู้จักคนเหล่านี้ แต่ก็ได้รู้จัก ภาพลักษณ์แก้ไขไม่ได้เลย” หมวดเจี๊ยบ กล่าว
แต่นั่นอาจเป็นชะตาฟ้ากำหนด ที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใจอ่อนยอมให้สัมภาษณ์เธอ ที่ไปตามหาเขาถึงกรุงลอนดอนด้วยความอุตสาหะ แต่เมื่อเขาถูกศัตรูรุมเล่นงานจนสะบักสะบอม จึงทำให้หมวดเจี๊ยบได้รับวิบากกรรม ไม่ต่างไปจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เลย
“ไม่ว่าใครจะมองทักษิณอย่างไร แต่เขาดีกับเจี๊ยบ เขาให้โอกาสเจี๊ยบ” เธอ กล่าว
แต่ก็เกิดคำถามว่า กรณีที่ ทบ. อ้างระเบียบไม่ให้หมวดเจี๊ยบไปจัดรายการแสดงความเห็น ที่อาจมีการวิจารณ์รัฐบาลนั้น ทำได้หรือไม่
ในเมื่อมีการนึกถึงภาพที่ พล.อ.อนุพงษ์ นำ ผบ.เหล่าทัพ และ ผบ.ตร. ออกรายการโทรทัศน์ช่อง 3 เรียกร้องให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในเวลานั้นลาออก หรือต่อมาในนามประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม (คตร.) พล.อ.อนุพงษ์ ก็กดดันให้ นายสมชายยุบสภาอีก อันถือเป็นการวิจารณ์รัฐบาลและผู้บังคับบัญชาเหมือนกัน แถมอาจถือเป็นการปฏิวัติรูปแบบหนึ่งด้วย
ถึงขั้นที่ในยุคนี้ เคยมีการชงเรื่องที่จะให้นายสมชายตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิด พล.อ.อนุพงษ์ และ ผบ.เหล่าทัพ ด้วยซ้ำ เพราะเข้าข่าย แต่นายสมชายไม่กล้าทำ
แต่ในยามที่มีรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งออกจะเกรงใจทหารเช่นนี้ จะมีใครกล้าแตะต้อง พล.อ.อนุพงษ์ ซึ่งถือเป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่งของรัฐบาล
แต่สำหรับหมวดเจี๊ยบแล้ว ยังไม่รู้ว่าเธอจะต้องพบเจอกับอะไรอีก โดยเฉพาะการใส่ร้ายป้ายสีให้ลูกผู้หญิงเสียหาย
ด้วยเพราะวันนี้ เธอถูกมองว่า ได้กลายเป็นเครื่องมือให้กลุ่ม นปช. เสื้อแดง ใช้ในการโจมตีกองทัพสองมาตรฐาน หรือรังแกผู้หญิง และจะกลายเป็นหมากตัวหนึ่งบนกระดานการเมืองระดับชาติ
ด้วยเพราะเธอเองก็เคยเป็นน้องรักของ พล.อ.อนุพงษ์ มาก่อนเช่นกัน แล้ววันนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ก็เป็นเป้าหมายสำคัญหนึ่งทางการเมือง
การจะทำลายคู่ต่อสู้หรือศัตรูที่ได้ผล นอกจากเรื่องผลประโยชน์แล้ว ก็เรื่องชู้สาวนี่แหละ แต่ถามว่า คนที่ต้องเสียหาย ชอกช้ำระกำใจ ก็คือผู้หญิง อย่าง หมวดเจี๊ยบ ที่แม้จะปฏิเสธข่าวได้ แต่สังคมไทยเลือกที่จะเชื่อข่าวที่ได้ยินครั้งแรกก่อน แม้ว่ามันจะเป็นข่าวลือก็ตาม
นี่จึงเป็นสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า และจะกดดันให้หมวดเจี๊ยบ ไม่อาจอยู่ในกองทัพได้อีกต่อไป
รวมทั้งการตัดสินใจที่จะไปเรียนต่อปริญญาโท ในสหรัฐอเมริกา ตามแผนเดิม เพื่อหลบหนีการเมืองที่เล่นกันรุนแรง
แต่กระนั้น เธอก็ยังอยาก ทำความฝัน ในการเขียนหนังสือดีๆ ออกมาอีกสัก 1-2 เล่มก่อน ที่จะลาวงการไปเรียนต่อ แล้วกลับมาอีกครั้ง
วันนั้น เธอจะแกร่งกล้ายิ่งกว่าวันนี้ และพร้อมที่จะกระโดดสู่สนามการเมือง...