ที่มา ไทยรัฐ
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีอุตสาหกรรมบุญหล่นทับ จะเสนอ ครม.เศรษฐกิจ วันพุธนี้ ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ 3 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ราคาขายลดลงคันละ 3-5 หมื่นบาท และให้นำเงินค่าซื้อรถใหม่ไปหักลดหย่อนภาษีได้อีกคันละ 50,000 บาท เพื่อกระตุ้นยอดขายรถยนต์ที่ลดลงในระยะนี้
ผมฟังแล้วก็รู้สึกเศร้าใจที่มี รัฐมนตรีอย่างนี้ บริหารบ้านเมือง นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รู้สึกเหมือนผมไหม
ในขณะที่ นายชาญชัย เสนอให้รัฐบาลลดภาษีช่วยเหลือ เศรษฐีรถ แต่อีกด้านหนึ่ง เกษตรกรผู้ยากจนของไทย ซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ ของประเทศหลายสิบล้านคน กลับต้องชุมนุมปิดถนน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล ช่วยซื้อพืชผลเกษตรที่ราคาตกขายไม่ได้ ต้องเอาน้ำนมสดๆ ไปเททิ้งกลางถนน ฯลฯ มากมายความเดือดร้อนของเกษตรกรไทยที่ยากจนในเวลานี้
แต่กลับไม่มีรัฐมนตรีคนไหนเหลียวแล หรือรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนด้วย และเห็นว่าเป็นเรื่องด่วนที่ต้องรีบเสนอ ครม.เพื่อหาทางช่วยเหลือ เหมือนกรณี รัฐมนตรีชาญชัย กุลีกุจอช่วยเหลือ บริษัทรถยนต์ต่างชาติ จนออกนอกหน้า
ความจริง บริษัทรถยนต์ต่างชาติ ที่เข้ามาประกอบรถยนต์ขายในไทยและส่งออก โดย ใช้สิทธิภาษีพิเศษของเมืองไทย ผมดูตัวเลขที่บริษัทรถยนต์แถลงเมื่อเร็วๆนี้แล้ว ยอดขายลดลงแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถือว่าไม่มาก แถมยังคาดการณ์ว่า ช่วงปลายปีนี้ยอดขายจะฟื้นตัว
และเมื่อวิเคราะห์ดูข้อเสนอที่ นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีอุตสาหกรรมเสนอ ครม.เศรษฐกิจช่วยเหลือบริษัทรถยนต์แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกว่า ไม่ค่อยชอบมาพากลเท่าไร เหมือนมีเจตนาเอื้อประโยชน์บริษัทรถยนต์ โดยตรง
เช่น ขอให้ลดภาษีสรรพสามิตลงร้อยละ 3 โดยบอกว่า จะทำให้ราคาขายปลีกลดลงคันละ 3-5 หมื่นบาท ราคารถที่ลดลงนี้ น่าจะลดลงจากการลดภาษีสรรพสามิตร้อยละ 3 เพราะ บริษัทรถยนต์ต่างชาติไม่ได้แสดงเจตนาว่าจะร่วมลดราคาขายของบริษัทเองลงมาด้วย ไม่มีการพูดถึงด้วยซ้ำ ดังนั้น แม้ราคารถยนต์จะลดลง แต่ บริษัทรถยนต์ต่างชาติ ก็ยัง กำไรเท่าเดิม หรือ กำไรเพิ่มขึ้น เพราะ อาจขายรถได้เพิ่มขึ้นจากราคาที่ถูกลง
หรือเรื่อง การขอนำเงินค่าซื้อรถใหม่คันละ 50,000 บาท ไปหักลดหย่อนภาษี ถ้าคิดลึกสักนิดจะเห็นว่า วงเงิน 50,000 บาท ก็เท่ากับ “เงินดาวน์รถ” ทั่วไป ข้อเสนอนี้เท่ากับว่า บริษัทรถยนต์ต่างชาติขอให้ รัฐบาลไทยเอาเงินภาษีของคนไทยทั้งประเทศไปจ่ายเป็น “ค่าเงินดาวน์รถ” แทนผู้ซื้อรถ เพื่อให้บริษัทรถยนต์ต่างชาติขายรถได้มากขึ้น
เป็นข้อเสนอที่ “เห็นแก่ตัวขนาดไหน” ผมไม่อยากวิจารณ์ ขอให้ประชาชนคนไทยทุกคน และ ครม.เศรษฐกิจ ไปคิดกันเอาเอง
แต่ที่มันรับไม่ได้ก็คือ รัฐมนตรีชาญชัย เสนอเรื่องที่เห็นแก่ตัว อย่างนี้ได้อย่างไร ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจประเทศ ท่ามกลางความเดือดร้อนของคนไทยที่ยากจน 50-60 ล้านคน
ไม่รู้สึกรู้สากันบ้างหรือ
แม้แต่บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ อย่าง จีเอ็ม และไครส์เลอร์ รถสายพันธุ์อเมริกันเอง วันนี้ก็มีข่าวว่า ประธานาธิบดี บารัก โอบามา จะ ไม่อุ้มอีกแล้ว ปล่อยให้ ล้มละลาย แก้ปัญหากันเอง เพราะเงิน ก้อนแรกที่รัฐบาลบุชช่วยไปหลายหมื่นล้านดอลลาร์หมดแล้ว แถมผู้บริหารบริษัทรถยนต์ก็ไม่สำนึก จะนั่งเครื่องบินเจ๊ทส่วนตัวไปขอเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล จนถูกสื่อด่าเปิง
ในเมืองไทยก็เหมือนกัน รถยนต์ฮอนด้า ก็เพิ่งจัดแข่งขันกอล์ฟ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2009 ชิงเงินรางวัล 1.45 ล้านเหรียญ ประมาณ 52 ล้านบาท จบไปเมื่อวานนี้เอง ถ้ารวมค่าจัดการแข่งขัน ค่าตัวนักกอล์ฟด้วยก็คงไม่หนี 150-200 ล้านบาท ยังใช้เงินกันฟู่ฟ่า ไม่เห็นว่าบริษัทรถยนต์จะเดือดร้อนตรงไหนจนต้องลดภาษีช่วย
แล้ว นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีอุตสาหกรรม จะเอาเงินภาษีของคนไทยทั้งชาติไปอุ้มบริษัทรถยนต์ต่างชาติที่ยังรวยเละ เอาอะไรคิดนะเนี่ย.
“ลม เปลี่ยนทิศ”