ที่มา มติชน
มื่อวันที่ 16 พ.ค. นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ส.อุตรดิตถ์ กล่าวถึงมาตรการกระชับพื้นที่ของรัฐบาลที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 20 ราย บาดเจ็บกว่า 200 ราย ว่า ส.ว. 55 คน ได้หารือกันทางโทรศัพท์ เห็นตรงกันว่า การใช้กำลังเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมจนเสียชีวิตขนาดนี้มากเกินไปแล้ว ภาพลักษณ์ประเทศเสียหายมาก ไม่รู้ว่าอีก 100 ปีจะฟื้นฟูกลับคืนมาเหมือนเดิมได้หรือไม่ จึงมีมติว่า 1. รัฐบาลต้องพิจารณาการนำอาวุธสงครามออกมาใช้ให้รอบคอบกว่านี้ เพราะภาพที่ออกมาไม่ใช่การยิงระยะใกล้ หรือระยะกระชั้นชิดที่จะเป็นอันตรายต่อชีวิตกำลังพลอย่างที่รัฐบาลหรือศอฉ.ประกาศ แต่เป็นการเล็งยิงจากระยะไกลข้ามถนน ผู้บาดเจ็บและตายส่วนใหญ่ถูกยิงที่ศีรษะและหน้าอก 2. ส.ว.ขอให้รัฐบาลเน้นใช้วิธีปิดล้อม ตามที่บอกว่าใช้วิธีกระชับวงล้อมก็ทำไป ที่บอกว่าต้องบังคับใช้นิติรัฐส.ว.เห็นด้วย คนที่ทำผิดกฎหมายต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่บุคคลเหล่านี้ต้องได้รับการคุ้มครองชีวิตจากรัฐเพื่อให้เข้าสู่กระบวนการสืบพยาน สอบสวน ไม่ใช่ใช้วิธียิงได้เลยแบบนี้
“การบอกว่ามีกลุ่มก่อการร้ายอยู่ในนั้น สามารถใช้กระสุนจริงยิงได้เลย ตายไม่เป็นไร แบบนี้คือนิติรัฐในความหมายของรัฐบาลหรือไม่ เพราะนิติรัฐคือการใช้กฎหมายให้สังคมเกิดความสงบสุข แต่การสูญเสียชีวิตขณะนี้มาจากความไม่รอบคอบในมาตรการของฝ่ายผู้มีอำนาจ ไม่เข้าใจว่าก่อนหน้านี้นายกฯประกาศว่าทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการภายในวันที่ 15 พฤษภาคม แต่ทำไมอยู่ดีๆถึงออกมาขีดเส้นตายว่าทุกอย่างต้องจบภายในวันที่ 12 พฤษภาคม ตรงนี้ต้องบอกสังคมให้ได้ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนเกิดความไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาลว่าอยากจะปรองดองจริงหรือไม่” นางนฤมล กล่าว
นางนฤมล กล่าวว่า ผู้ชุมนุมก็มีความเห็นความต้องการที่หลากหลาย รัฐบาลต้องใช้ความอดทนให้เวลากับการเจรจา ที่ประชุมวุฒิสภาส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางเจรจาปรองดองกัน เพื่อนำความสงบสันติกลับมาให้สังคม เพราะเชื่อว่าความรุนแรงไม่สามารถลบด้วยความรุนแรงได้ แต่ยิ่งทำให้ทุกอย่างลุกลามบานปลายขยายวงออกไปมากขึ้นอย่างไม่มีจบสิ้น จึงขอให้กลับมาเจรจากันใหม่โดยด่วนที่สุด ตอนนี้เหลือเพียงประเด็นจะให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เข้ารับข้อกล่าวหาหรือไม่เท่านั้น แต่รู้สึกเสียใจที่นายกฯยังยืนยันให้เดินหน้าใช้มาตรการนี้ต่อไป ไม่เข้าใจว่าคนที่ได้รับการอบรมบ่มเพาะมาจากประเทศต้นแบบประชาธิปไตยที่เข้มแข็งอย่างอังกฤษ ทำไมถึงยอมรับได้กับการสูญเสียชีวิตได้มากขนาดนี้ ชีวิตคนสามารถเยียวยาคืนมาได้หรือ ส.ว.จึงรู้สึกอึดอัดกับสภาพแบบนี้
นางนฤมล กล่าวอีกว่า ขอให้ทุกฝ่ายหยุดการสร้างความสูญเสียชีวิตประชาชนได้แล้ว ต้องคำนึงถึงผลเสียมากกว่าผลได้ ที่จริงเพื่อนส.ว.หลายคนพยายามร่วมกันคิดหาทางออก อาทิ การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ แต่ไม่แน่ใจว่าจะทันกาลหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ประธานวุฒิสภามีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อดูแลสถานการณ์วิกฤติของประเทศแล้ว โดยมีตัวแทนจากทุกคณะกรรมาธิการ และองค์การภาคส่วนอื่น แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวเรียกประชุมกันเลย
เมื่อถามว่า ศอฉ.ยังคงยืนยันว่ามีกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธปะปนในกลุ่มผู้ชุมนุม นางนฤมล กล่าวว่า น่าสงสัยว่าหากมีกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธอยู่ในนั้นจริง ทำไมคนบาดเจ็บล้มตายจึงมีแต่ประชาชน ไม่มีทหารบาดเจ็บล้มตายเลย สิ่งที่นายกฯดำเนินการมานี้ไม่ใช่สมาร์ทมูฟ หรือการเคลื่อนไหวที่สง่างามแล้ว