WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, May 16, 2010

ล้ม"ปรองดอง" ลุย"นองเลือด"

ที่มา ข่าวสด




หลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศฉีกโรดแม็ป ยกเลิกการยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤศจิกายน ตาม แผนปรองดอง 5 ข้อ

พร้อมกับประกาศตัดน้ำตัดไฟบริเวณราชประสงค์ที่ชุมนุม ของชาวเสื้อแดง เข้าเกียร์เดิน หน้าตามแรงเชียร์ของกลุ่มการ เมืองบางกลุ่ม เข้าสู่แนวทางที่หลายฝ่ายวิตกกังวล

ขณะที่นปช.หรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ก็ประกาศยุติการเจรจากับรัฐบาล

เป็นอันสิ้นสุดบรรยากาศ ปรองดองในช่วงสั้นๆ ที่ทำให้เกิดความหวังว่า สองฝ่ายจะพูดกันรู้เรื่อง ใช้วิถีทางการเมืองแก้ปัญหา กลับบ้านกลับช่องไปทำมาหากิน

หลังจากนั้นก็คือความรุน แรงระดับมิคสัญญี

ไม่ว่าจะเป็นการใช้สไนเปอร์ยิงพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง หัวหอกฝ่ายบู๊ของเสื้อแดง นอนโคม่าเป็นตายเท่ากันอยู่ที่ร.พ.วชิระ

เป็นชนวนให้ศาลาแดง สีลม อยู่ในสภาพจลาจลเกือบทั้งคืน 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ก่อนที่รัฐบาลจะเดินแผน"กระชับวงล้อม" ด้วยกำลังทหาร ในวันรุ่งขึ้น 14 พฤษภา คม

ถนนกรุงเทพฯกลายเป็นสมรภูมิ เกิดการปะทะระหว่างอาวุธสงครามและอาวุธปราบจลาจลของทหาร กับอาวุธตามมีตามเกิดของเสื้อแดง

เวทีราชประสงค์ซึ่งมีทั้งผู้หญิง คนแก่ และเด็กโดนโจมตี ท่ามกลางความตื่นตระหนกของผู้ชุมนุม

พอย่ำค่ำสถานการณ์ยกระดับขึ้นไปอีก จุดตรวจของทหารที่ศาลาแดงและราชปรารภ โดนถล่มด้วยเอ็ม 79

สถานีโทรทัศน์และสื่อต่างๆ รายงานยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เป็นอีกครั้งที่สังคมสงสัยต่อการตัดสินใจของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ



ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายได้ออกโรงมาพยายามโน้มน้าวให้ทั้งรัฐบาลและคนเสื้อแดง หาข้อสรุปที่รับได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ยุติข้อขัดแย้ง แล้วเริ่มต้นกันใหม่

สูตรที่ยอมรับกันทั่วไป คือให้มีการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญ ยุบสภา เลือกตั้งใหม่

มีข้อเสนอให้จับมือกัน สลายสี เปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายเข้าหาเสียง และยอมรับผลเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ และเคลื่อนไหวขัดขวาง ทั้งทางเปิดและปิด

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ไม่ค่อยฟังเสียงใคร ให้ความสำคัญกับเสียงของกลุ่มนี้เป็นพิเศษ

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นักการเมืองรุ่นพี่ที่ผ่านประสบการณ์การเมืองนองเลือดมาแล้ว ได้กล่าวเตือนนายอภิสิทธิ์ผ่านสื่อว่า

วันสองวันนี้ มีแนวโน้มว่าสังคมไทยอาจถลำลึกสู่วิกฤตรุนแรงยิ่งขึ้น

น่าเสียดายที่การแก้ปัญหาอย่างถูกทางด้วยการเจรจาประนีประนอมได้สะดุดหยุดลง

"สิ่งที่นายอภิสิทธิ์กำลังทำอยู่ จะเป็นความผิดพลาด อย่างร้ายแรงชนิดที่จะเสียใจตลอดไป อยากเสนอให้นายกฯ ทบทวนท่าทีล่าสุดเสียใหม่"

"ต้องแสดงความเป็นผู้ใหญ่และจริงใจ เลิกตุกติกและทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับการปรองดอง เลิกล้มความคิดที่จะซื้อเวลาให้นานออกไปกว่าที่พูดไว้"

แม้สังกัดคนละขั้วการเมือง แต่คำเตือนของนายจาตุรนต์ ก็ตรงกับสิ่งที่สังคมอยากเห็นจากนายอภิสิทธิ์

นายจาตุรนต์ยังเตือนคนเสื้อแดงว่าข้อห่วงใยของคนเสื้อแดงคือ ต้องการหลักประกันว่านายกฯอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเหมือนคนเสื้อแดง

สิ่งที่ควรทำก็คือทำข้อเรียกร้องนี้เป็นข้อสรุปที่ชัดเจน

และเมื่อบรรลุข้อเรียกร้องนี้แล้วก็ควรยุติการชุมนุมโดยเร็ว ไม่ควรมีข้อเรียกร้องอื่นเพิ่มเติมที่จะทำให้การชุมนุมยืดเยื้อต่อไป

เป็นคำเตือนที่ตรงกับสิ่งที่สังคมอยากเห็นจากคนเสื้อแดงเช่นกัน



เหตุการณ์ 13-14 พฤษภาคม ถือเป็นระลอกที่สี่ของความรุนแรงระดับเสียเลือดเนื้อ ที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดง

ตั้งแต่ 10 เมษายน ที่ราช ดำเนิน, 22 เมษายน ที่ศาลา แดง, และ 28 เมษายน ที่ดอน เมือง

ตัวเลขผู้เสียชีวิตทะลุ 30 ศพไปแล้ว

บาดเจ็บนับพัน, ความเสียหายทางเศรษฐกิจมีตัวเลขมโห ฬารน่าตกใจ

ความยืดเยื้อของปัญหานี้ ทำให้ตัวเลขความสูญเสียยังมีโอกาสขยับเพิ่มอีก

และยังไม่มีวี่แววว่า จะมีกลไกไหนที่จะใช้หยุดยั้งความรุนแรงที่พัฒนาไปเป็นสงคราม กลางเมืองในครั้งนี้ได้

สำหรับกลุ่มเสื้อแดงเอง แม้ประกาศยอมรับแผนปรองดอง แต่กลับมีปัญหาภายใน

ท่าทีไม่ยอมผ่อนปรนของแกนนำเสื้อแดงสายตรง ทำให้แกนนำเสื้อแดงด้วยกันอย่างนายวีระ มุสิกพงศ์ นายวิสา คัญทัพ รับไม่ได้ และขอถอนตัวออกไป

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่เป็นตัวกำหนดในการยุติปัญหาก็คือรัฐบาล ก็ไม่จริงใจที่จะเดินแผน ปรองดอง

และไม่หนักแน่นเมื่อต้องสื่อสารกับฝ่ายที่มีความเห็นต่าง

เมื่อเจรจาไม่สำเร็จ ก็กลับไปสู่แนวทางใช้กำลังทหาร แม้มีเสียงทักท้วงว่าจะเกิดความสูญเสียที่เกินระดับที่สังคมจะรับได้ก็ตาม

จนเกิดปัญหากับฝ่ายปฏิบัติการ ถึงขั้นที่ตำรวจไม่เอาด้วย ส่วนกองทัพเกิดความแตกแยกอย่างหนัก มีทหารบางส่วนที่ยอมปฏิบัติตามแนวทางของรัฐบาล

จนเกิดสภาพอย่างที่เห็นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

อนาคตของวิกฤตการเมือง ยังไม่มีคำตอบที่แน่นอน แต่ที่แน่นอนก็คือ เมื่อนายอภิสิทธิ์และรัฐบาลได้เลือกแนวทางนี้

ก็จะต้องรับผิดชอบผลที่จะตามมาในภายหลังอย่างเต็มที่

คำว่า"คาดไม่ถึง"หรือ"คิดไม่ถึง"จะไม่มีน้ำหนักอีกต่อไป

หน้าประวัติศาสตร์การเมืองที่บันทึกด้วยเลือดของคนไทยในครั้งนี้ จะเป็นฝันร้ายที่ลืมไม่ลงของนักการเมืองหลายคน