WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, August 13, 2010

เงินกับบัญชี

ที่มา บางกอกทูเดย์


เรื่องหนึ่ง เป็นกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกกล่าวหาว่า...เรียกรับเงินเพื่อช่วยให้การเสียภาษีน้อยลง...คนที่ถูกเรียกเก็บภาษีก็เชื่อตามนั้น เงินจึงเข้ามาเกี่ยวข้อง มีการโอนเงินไปให้เจ้าหน้าที่เป็นเงินนับแสนบาท

บัญชีนับเป็นหลักฐานทางเอกสารที่น่าเชื่อถือ...โดยเฉพาะเอกสารประกอบบัญชีนั้นเป็นสำเนาใบฝากเงินที่ธนาคารรับรองแล้ว...ย่อมน่าเชื่อเป็นที่สุด

ถูกจับได้! แล้วมีการเปิดเผยสู่สาธารณะ...เจ้าหน้าที่รัฐคงตกใจให้ทนายคู่หูออกมายอมรับว่ามีเงินเข้าบัญชีจริง เป็นค่าบริการบางอย่าง ที่บอกรายละเอียดไม่ได้

ต่อมาคู่สมรสของเจ้าหน้าที่รัฐก็ออกมาแจงภายหลังว่า...เป็นค่าบริการงานบัญชีและวางแผนภาษี มิใช่เงินค่าวิ่งเต้นแก้การเสียภาษีแต่อย่างใด

แปลกแต่จริง เพราะแม้คนจ่ายเงินจะมีบริษัทตามที่บอก แต่บริษัทนั้นพึ่งตั้งเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 51 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท...วัตถุประสงค์ซื้อทรัพย์สินมาให้เช่า

แล้วทำไมต้องเสียค่าวางแผนหรือทำบัญชีเป็นเงินนับแสนบาท ซึ่งการจ่ายเงินเกิดขึ้นวันที่ 20 เศษ เดือนปีเดียวกัน

โดยทั่วไปการปิดบัญชีบริษัทจะทำกันสิ้นปี...กรณีนี้ก็ควรเป็น ธ.ค. 2551 ด้วยการรวมรายรับหักรายจ่ายคำนวณภาษีแล้วให้ผู้สอบบัญชีรับรองก่อนส่งเสียภาษีภายในสิ้นเดือน พ.ค. 2552

เวลาที่จะเสียภาษีก็อีกนานนับจาก ก.ค. 2551 และกว่าจะถูกตรวจสอบการเสียภาษีก็คงหลังจากยื่นงบบัญชีไปที่กรมสรรพากรแล้ว

ดังนั้นที่อธิบายแก้ตัวกันว่า...เงินนี้เป็นค่าวางแผนภาษีหรือรับทำบัญชีนั้น ก็คงมีน้ำหนักน้อยไปหน่อย...แต่ก็อย่างว่าก็กำลังตกใจ อะไรๆ ก็อ้างเอาไว้ก่อน

ยิ่งกล่าวอ้างอาจจะยิ่งเข้าตัว เพราะคำว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น ย่อมอยู่ในบังคับของกฎหมาย ป.ป.ช.

ซึ่งผลของการรับเงินผ่านบัญชีธนาคารก็คงจะวนเวียนอยู่ในความครุ่นคิดที่วิตกกังวลอยู่พอควร และยังไม่นับเรื่องการต้องนำเงินนั้นไปเสียภาษีอีกด้วย

อีกเรื่องหนึ่ง เป็นกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐ แจ้งบัญชีทรัพย์สินครั้งหลังเพิ่มขึ้นกว่าครั้งแรกนับสิบล้านบาท โดยแจ้งว่าเป็นการลงทุนหุ้นในบริษัทที่ได้มาจากการนำเงินขวัญถุงไปลงทุน

เงินขวัญถุงแจงว่า...ได้มาจากงานหมั้นงานแต่งด้วยจำนวนแขกหลายพันคน จึงได้เงินนับสิบล้านที่เอาไปลงทุนตามที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินในครั้งหลัง

แต่การไปแจ้งว่า...ได้นำเงินสด ๆ นับสิบล้านไปลงทุน ค่อนข้างผิดปกติ เพราะปัจจุบันใครจะเบิกถอนเงินสดจากธนาคารเกินสองล้านบาท ก็ต้องแจ้งตามแบบ ป.ป.ง.

หรือจะใช้วิธีตามพรรคการเมืองหนึ่งด้วยการรับเงินบริจาคหลายร้อยล้านแบบไม่ลงบัญชี และเบิกเงินสดคราวละไม่เกินสองล้าน เพื่อเลี่ยงการกรอกแบบ ป.ป.ง.

อย่างไรก็ตาม การอ้างว่านำเงินสดไปลงหุ้น ต้องพิจารณาทางด้านผู้รับเงินที่เป็นนิติบุคคลด้วย เพราะการนำเงินสดเกินสองล้านเข้าบัญชี ก็ต้องแจ้งเหมือนกัน

แต่กรณีนี้อาจพิจารณาได้ไม่ยาก เพราะเงินที่ต้องเข้าบัญชีนั้น ก็ควรจะไปตรวจสอบหาหลักฐานได้ เว้นแต่การลงทุนที่แจ้งไว้ “ไม่มีอยู่จริง”

เป็นเพียงการแสดงบัญชีทรัพย์สินที่ฝากไว้ในชื่อบุคคลอื่น แล้วพอมีจังหวะเรื่องเงินขวัญถุง ก็เลยสวมรอยว่าเป็นเงินที่ได้มาจากแขกเหรื่อหลายพันคนที่ทุกคนคงจ่ายเงินสดทั้งนั้น

บัญชีกับเงินเรื่องหลังนี้จะดูเข้าใจได้มากขึ้น...ถ้าใครไปพิจารณาการโยกย้ายรายการบัญชีในนิติบุคคลที่อ้างว่ารับเงินสด

เพราะอาจจะพบว่า...เป็นเพียงการปรับปรุงบัญชีจากเจ้าหนี้มาเป็นเงินลงทุนค่าหุ้น โดยผ่านบัญชีเงินสดก็เป็นได้!