ที่มา บางกอกทูเดย์ ทันทีที่ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลุดปากไปว่า..กรณีพิพาทระหว่าง ไทย กับ กัมพูชา ในเรื่องเขาพระวิหารนั้น..อาจจะต้องใช้การทหาร ที่พังทันทีก็คือประเทศไทย ยิ่งเมื่อ พลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณ..ถึงแม้จะบ่ายเบี่ยงว่าเรื่องราวทางทหาร..จะยังไม่มีการนำมาใช้..แต่การยืนยันว่า ประเทศเราเป็นประเทศใหญ่..ก็ไม่สมควรจะพูดเช่นกัน มาดูกันซิว่า..หากจะใช้มาตรการทางทหารกับกัมพูชาแล้ว..ผลประโยชน์ได้เสียจะเป็นอย่างไร.. กัมพูชานั้น..เป็นประเทศในกลุ่มประเทศอินโดจีน ที่ประกอบกันด้วย 3 ชาติคือ กัมพูชา ลาว และเวียดนาม..เมื่อรวมพลเมืองเข้าด้วยกันแล้วก็จะมีจำนวนมากกว่า 100 ล้าน.. ทั้ง 3 เคยร่วมอยู่ในชะตากรรมเดียวกันในสงครามเปลี่ยนประวัติศาสตร์..เมื่อสหรัฐอเมริกาได้ใช้ไทยเป็นฐานทัพทั้งทางอากาศ และทางบกในการสนับสนุนรัฐบาลในประเทศทั้ง 3 ต่อสู้กับผู้ที่เป็นรัฐบาลในปัจจุบัน..จนเมื่อสงครามอินโดจีนเปลี่ยนโฉม..คนทั้งโลกเชื่อกันว่า..ประเทศไทยจะเป็นโดมิโนตัวสุดท้ายที่จะเปลี่ยนไป นั่นทำให้..ทั้ง 3 จับมือกันทั้งทางเศรษฐกิจและการทหาร..ทำให้ประเทศไทยไม่ได้เปรียบในเรื่องประชากรมากกว่า..คำว่าเราเป็นประเทศใหญ่..จึงใช้ไม่ได้ในศึกสงครามครั้งนี้หากจะเกิดขึ้น หากมองเข้าไปในกองทัพ..ทหารของเวียดนามและกัมพูชา..เชี่ยวชาญในการทำสงครามเพราะสู้รบกับกองทัพอเมริกันมาเป็นสิบปี..และสามารถเอาชนะในสงครามได้..ตรงกันข้ามกับกองทัพไทย..ที่ไม่เคยอยู่ในสงครามใหญ่สงครามที่สู้รบกับชาติมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก อีกทั้งอุปกรณ์สงครามที่เวียดนามสะสมอยู่นั้น..ประเมินกันว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก..เพราะเวียดนามมีพรมแดนติดต่ออยู่กับประเทศจีน และเคยทำสงครามต่อกัน..สงครามระหว่าง ไทย กัมพูชา จึงมองข้ามกำลังพล และยุทโธปกรณ์ของเวียดนามไปไม่ได้ ชายแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา..โดยเฉพาะฝั่งกัมพูชา เป็นป่าทึบ..ที่ทหารกัมพูชาใช้เป็นสมรภูมิสู้รบกับกองทัพอเมริกัน..เขาจึงชำนาญพื้นที่อย่างยิ่ง..โอกาสที่ทหารไทยจะบุกเข้าไปจึงไม่ง่าย ไม่ว่าจะคำนวณกันจากโต๊กทรายหรือจอคอมพิวเตอร์.. เรื่องนี้ยังไม่จบ..