ที่มา ไทยรัฐ เป็นอันว่าศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยไม่รับ อุทธรณ์คดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านไปเรียบร้อย คดีนี้ก็ถือว่าสิ้นสุด ปิดบัญชีคดียึดทรัพย์สินนักการเมืองไปอีกรายการ ถ้าจะพูดจาประสาการเมืองแรงขับเคลื่อนทางการเมืองในระยะนี้ปัจจัยต่างๆไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายค้านหรือฝ่ายตรงกันข้ามรัฐบาล แต่อยู่ที่เนื้อในรัฐบาลเองมากกว่า เสื้อแดง ก็ยังไม่มีข้ออ้างหรือแรงจูงใจที่จะออกมาเคลื่อนไหว หมัดเหล็ก
โฟกัสไปอยู่ที่การพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวาระ 2-3 วันที่ 17-18 ส.ค.นี้ ทันทีที่รถเมล์เช่า 4 พันคันไม่ผ่าน ครม.ก็ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นความขัดแย้งระหว่างภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ และโยงไปถึงการพิจารณางบประมาณวาระ 2-3 จะราบรื่นแค่ไหน
มีคำถามกันเล่นๆว่า สมมติในระหว่างการพิจารณางบ ประมาณแล้ว องค์ประชุมไม่ครบ หรือองค์ประชุมล่มเหมือนการเปิดประชุมสภาครั้งแรกที่ผ่านมา จะแก้ปัญหาอย่างไร
ถือว่างบประมาณไม่ผ่านสภาหรือไม่
ถ้าถือว่าไม่ผ่านสภาจะส่งผลกระทบต่อสถานภาพของรัฐบาลอย่างไร จะสมควรลาออกหรือถึงขั้นต้องยุบสภา หรือเฉยๆอยู่กันไปอย่างนี้เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มไปปริ่มมา ต่อรองกันฝุ่นตลบ รัฐบาลขาดความมั่นคงและไม่มีเอกภาพที่จะบริหารงานต่อไป
คงต้องเป็นการบ้านไปคิดกันเล่นๆ แต่สถานการณ์โดยทั่วไป แล้วงบประมาณปี 2554 คงต้องผ่านสภาแน่นอนเพราะถ้างบประมาณจำนวนนี้ไม่ผ่านสภา นักการเมืองก็คงทำงานลำบาก ดีไม่ดีขัดแย้งถึงกับยุบสภานอกจากจะไม่มีผลงานไปหาเสียงแล้ว เงินสนับสนุนจากเอกชนในช่วงการเลือกตั้งก็จะหดหายไปอีกด้วย บวกลบคูณหารดูแล้ว งบประมาณผ่านสภาไปแล้วค่อยคิดบัญชีกันก็ไม่สาย
การเมืองไทยบางครั้งก็มีสมการง่ายๆไม่ซับซ้อนถ้ามองถึงจุดหมายปลายทางของนักการเมืองได้ทะลุปรุโปร่งเพราะนักการเมืองไม่มีอะไรมาก นอกจากผลประโยชน์ และตำแหน่ง ทางการเมือง อะไรที่ตกลงกันได้ก็เฉลี่ยผลประโยชน์กันไป ผลประโยชน์ลงตัวก็จบเรื่อง
มีเท่านี้เอง
ประมาทไม่ได้กับอุบัติเหตุทางการเมือง โดยเฉพาะวิบาก กรรมของพรรคประชาธิปัตย์ จะยุบไม่ยุบ ก็มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทั้งสิ้น
แว่วๆว่าการเมืองไทย อาจจะมีการเว้นวรรคอีกกระทอก ในรูปแบบไหนยังไม่รู้ อาจจะมีการยกเว้นการบังคับใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา หรือไม่ก็อาจจะฉีกรัฐธรรมนูญนับหนึ่งกันใหม่ถ้ายุ่งยากเกินกว่าจะควบคุมได้ นั่นหมายถึงว่าอาจมีรัฐบาลแห่งชาติหรือนายกฯคนกลางมาสลายปัญหาทางการเมือง
จะออกหัวออกก้อยห้ามกะพริบตา.