ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
อาคารคับแคบ หรือ ฮวงจุ้ย ไม่ดีกันแน่ ?
อาคารไอเอฟซีที ของคุณหญิงอ้อ ตั้งอยู่บนถนนเพชร(บุรีตัดใหม่)
เร็วๆ วันนี้ พรรคเพื่อไทย จะย้ายออกจากถนนพระราม 4 กลับไปถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จากสำนักงานของ"พายัพ ชินวัตร" กลับไปอาคาร ไอเอฟซีที ของ คุณหญิงอ้อ เบื้องหลังการย้ายรัง คืออะไร "ประชาชาติธุรกิจ"มีเบื้องหลังมานำเสนอท่านผู้อ่าน ดังนี้
....................
อีกไม่เกิน 15 วัน พรรคเพื่อไทยจะย้ายที่ทำการพรรค ปรับฮวงจุ้ยใหม่...อีกครั้งโดยย้ายจาก อาคารบีบีบิวดิ้ง ย่านถนนพระราม 4 ที่มีอดีตเจ้าของชื่อ "พายัพ ชินวัตร"กลับไปอยู่ทีอาคารไอเอฟซีที. หรือชื่อใหม่คืออาคารโอเอไอ. ย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ที่เคยมีเจ้าของชื่อ "พจมาน ชินวัตร" อดีตที่ทำการพรรคพลังประชาชน และพรรคไทยรักไทย
เหตุผลในการย้าย อย่างเป็นทางการคือ อาคารเดิมคับแคบ-ไม่สะดวกข้อมูลจากกรมบังคับคดีและศาลล้มละลายกลาง ระบุว่า บริษัทในเครือของ"พายัพ"ในอาคารเลขที่ 626 ถนนพระราม 4 หรือ อาคารพรรคเพื่อไทย ถูกศาลล้มละลายสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด หลายบริษัท !!!
เหตุผลตามหลัก "ฮวงจุ้ย" ที่กรรมการบริหารพรรคบางคนพูดเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจคือ ที่ทำการพรรคใหม่ มีชื่อ "เพชร" เป็นชื่อถนน(เพชบุรีตัดใหม่ ) ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี มีคุณค่า มีความแข็งแกร่งแต่เหตุผลที่ถกเถียง-ปรึกษาหารือกันในบรรดาคณะผู้บริหารพรรคคือ "ฮวงจุ้ย" และผู้มีอำนาจจริงในพรรค ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า "ฮวงจุ้ย" ที่ตึกไอเอฟซีที.เก่าดีกว่าอีกประเด็นที่เป็นน้ำหนักในการย้ายพรรคคือย้ายออกจาก "ความอัปมงคล" ในตึกเก่า เพราะที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรม 7 วัน 7 ความเจ็บปวด ได้มีการแสดงนิทรรศการ "เหมือนจริง" มีเลือดจริง สีเสียงปืนคล้ายเสียงยิงจริงๆ และมีภาพคนตายที่อุจาดตา เป็นจำนวนมากนอกจากนี้ยังมีการ "ติดโบสีดำ" ทั่วทั้งพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางเข้าอาคาร-บันใด-หน้าลิฟต์ และบรรไดเลื่อน ทำให้เกิดความอัปมงคล และเกิดอาการหลอน และตามความเชื่อของ "เจ้าของตึก" ที่เห็นว่า "สีดำ-โบดำ" เป็นความอัปมงคล ทำให้เกิดความมัวหมอง มีแต่ความตกต่ำ ทำมาหากินไม่ขึ้น ไม่รุ่งเรืองวาระการย้ายพรรค-ปรับฮวงจุ้ย ออกจากความอัปมงคล จึงเกิดขึ้น พร้อมๆกับการปรับหัวหน้า "ก๊ก" หัวหน้า "มุ้ง" ต่างๆ ใหม่อีกครั้ง และหากมีการเจรจาลงตัว ก็จะมีการปรับ-เปลี่ยน "หัว" หมายเลขหนึ่ง ของพรรคอีกครั้งนอกจากจะปรับฮวงจุ้ย-พรรคเพื่อไทย อาจเปลี่ยนหัวหน้าพรรคด้วยทางหนึ่งเพื่อแก้ปัญหาทางโหราศาสตร์ ทางหนึ่งเพื่อแก้ปัญหาคณิตศาสตร์การเมือง ที่เคยมีสมการว่า "เพื่อไทยแม้ชนะเลือกตั้ง ก็ไม่อาจเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล"ดังนั้น การรีแบรนด์ ปรับเปลี่ยนทั้งที่ตั้ง-ทั้งหัวหน้า-ทั้งหัวหน้าก๊ก อาจทำให้พรรคเพื่อไทยไฉไล กว่าเก่าอย่างน้อยก็มีการเปิดตัว "พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร" เตรียมลงรับสมัคร ส.ส.ในจังหวัดราชบุรี เพื่อเชื่อมไปยังหัว-ตัวจริง ที่รอจังหวะ-เวลา ที่เป็นฤกษ์งามยามดี
ชื่อ "พล.อ.ชัยสิทธิ์" แม้เคยถูกปฏิเสธจาก "นายหญิง" แต่การกลับมาเปิดตัวรอบใหม่ ภายใต้การสนับสนุนหน้าฉาก ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พ.อ.อภิวันท์ วิริยชัย นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ ทีมภาคกลาง อาทิ ไชยยา สะสมทรัพย์ อาจทำให้คนเบื้องหลัง-จากต่างประเทศเห็นประโยชน์
พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร-ศึกษาข้อมูลพื้นที่ไว้ล่วงหน้า-ประกาศบนเวทีปราศรัยในพื้นที่ราชบุรี ว่า คนในราชบุรีไม่ได้รับการเหลียวแล จากส.ส.ในพื้นที่ ปล่อยให้ชาวบ้านอยู่ตามยถากรรม"ไม่ได้รับการสนับสนุนเกี่ยวกับการทำการเกษตร ทั้งๆที่ราชบุรีมีของดีหลายอย่าง เป็นเมือง เศรษฐีตัวยง ถึงขนาดมีคำกล่าวว่า ของตก ไม่ต้องเก็บ""ส่วนตัว มาคิดว่าบั้นปลายชีวิตจะช่วยเหลือประเทศชาติอย่างไร และเห็นว่า ส.ส. ราชบุรีในอดีตไม่ได้มีวิสัยทัศน์ ที่จะนำความเจริญ มาสู่ท้องถิ่น""วันก่อนผมไปสวนผึ้ง ก็เห็นว่าเป็นสถานที่มีศักยภาพควรพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะบรรยากาศเหมือนปากช่อง อากาศเย็น แต่ตอนนี้มีป้ายขนาดใหญ่ ติดอยู่ทำให้เสียบรรยากาศ นอกจากนั้น หากมีโครงการเปิดด่านแม่สอด, สระแก้ว ถ้าเจาะไปทวาย ใครๆ ก็ต้องผ่านราชบุรี ดังนั้น ต้องเลือกเราเป็นรัฐบาล"ในฐานะคนจากตระกูล "ชินวัตร" ต้องส่งสัญญาณให้ชาวบ้าน และเจ้าของพรรค ได้รับทราบ การลงพื้นที่-ทำหน้าที่ทวงอำนาจคืน "พล.อ.ชัยสิทธิ์" จึงต้องปราศรัยไฟต์บังคับถึง "ทักษิณ""หลวงปู่โต ทำนายว่า สมัยนี้เป็นถิ่นกาขาว เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ใครทำชั่วได้รับการสรรเสริญ ใครทำดี เขาไม่ยกย่องและกลับให้ไปอยู่ต่างประเทศ" พล.อ.ชัยสิทธิ์-อุปมาอุปมัย
ท่ามกลางกระแสการดูด ส.ส. ออกจากพรรคเพื่อไทย การตักปลาจากบ่อเพื่อน ย้ายจากพรรคใหญ่ไปอยู่พรรคใหม่ และอยู่ในขั้วของรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนตัว-เปลี่ยนหัวหน้าพรรค-สลับหัวหน้าก๊ก ปรับโครงสร้างพรรคของเพื่อไทยกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย 1 ใน 13 คน ซึ่งถูกจัดให้เป็น "ทีมซี-แถวสาม" เป็นตัวสำรองเกือบทุกแมตต์ ในการแข่งขัน วิเคราะห์ ว่า "ราคาการย้ายพรรค ช่วงนี้ยังไม่พุ่งติดเพดาน แต่จะพุ่งทะลุเพดาน ช่วงก่อนการเลือกตั้ง"และถ้าใครไม่แคร์กระแส และราคาการต่อรองกับหัวคะแนน และการโหวตในพื้นที่ ก็ไม่ยากที่จะตัดสินใจไปร่วมงานกับภูมิใจไทยการปั่นราคา ซื้อ-ขายตัวของ ส.ส. ถึงจะมีความหวือหวาจากระดับราคา 20 ล้านบาท พุ่งเป็น 50 ล้านบาท แต่การต่อรองนี้จะค่อยๆ หายไปจากกระดานการซื้อ-ขาย เพราะคนในพรรคเพื่อไทย ยังมีความเชื่อว่า "หากไม่ใช่พวกทักษิณ ก็จะสอบตก"ข้อวิเคราะห์ของ คนวงใน-เพื่อไทย บอกว่า "หมัดเด็ดไม้ตาย ของการ ย้ายพรรค จึงไม่ได้อยู่ในจังหวะเวลาขณะนี้ ที่ยังไม่มีการประกาศวันเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเลือกตั้งจากสาเหตุการครบวาระ หรือยุบพรรค-ยุบสภา แต่เงื่อนไขที่น่าสนใจคือ หาก ส.ส. ปัจจุบันและ ว่าที่ผู้สมัคร ในอนาคต ยังแสดงความภักดี เป็นสมาชิกพรรค ภายใต้ร่มเงากลุ่มก๊วนของ ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ในสังกัดเสื้อแดง-นปช.ก็มีโอกาสได้เป็น ส.ส.มากกว่า"สมาชิกพรรคเพื่อไทย จึงประกาศล่วงหน้าว่า หากใครย้ายพรรค ไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม ให้เตรียมพบกับ คีย์เวิร์ดในการหาเสียงจากฝ่ายเพื่อไทยว่า "เป็นพวกทรยศ หักหลัง"การย้ายที่ทำการพรรค-ปรับฮวงจุ้ย ทางหนึ่ง มีกรรมการบริหารพรรค บอกว่าอาจเกี่ยวข้องกับการคดียุบพรรคเพื่อไทยเหตุผล-ความเป็นไปได้ของคนแถวสาม-ทีมซี-ตัวสำรอง ในเพื่อไทย วิเคราะห์ "ยุบเพื่อไทย" ด้วย 2 เหตุผลเหตุที่ 1 ไม่จำเป็นต้องยุบพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น ก่อนหรือหลังเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะเชื่อว่าที่ผ่านมา การยุบแต่ละพรรคที่ผ่านมานั้น มุ่งหวังที่จะเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของบรรดาบุคคลระดับกรรมการบริหารพรรค ให้หมดคุณสมบัติพื้นฐานของการมีสิทธิทางการเมืองอื่นๆ ตามมา ในแง่นี้ จึงไม่ได้อยู่บนสมมุตติฐานว่า การยุบพรรคเป็นไปเพื่อ ต้องการทำลายล้างสถาบันพรรคการเมือง มากเท่ากับการจำกัดบทบาทกลุ่มบุคคล ไม่ให้มีบทบาทหน้าฉาก ทางการเมือง ออกไป 5 ปีเมื่อพิจารณาจากแนวความคิดเช่นนี้ บวกกับข้อเท็จจริง จากรายชื่อของกรรมการบริหารพรรคในปัจจุบัน ซึ่ง ไม่มีใครที่มีบทบาทให้เห็นเด่นชัดพอที่จะถูกกำจัดออกฟไป พรรคเพื่อไทยจึงไม่น่าถูกยุบด้วยเหตุไม่มีเป้าต้องถูกทำลายในระดับกรรมการบริหารพรรคเหตุที่ 2 คือ จังหวะที่พรรคเพื่อไทยจะถูกยุบ มีความเป็นไปได้อีกครั้ง ในช่วงหลังเลือกตั้ง ที่บรรดาผู้สมัครทั้งอดีต ส.ส. และ ผู้สมัครหน้าใหม่ ผ่านด่านได้เข้ามาเป็น ชุบตัวเข้าสภา ได้เป็น ส.ส.เรียบร้อย ปัญหาเรื่องสังกัดพรรคไหน อันเป็นจุดขายในการหาเสียง เริ่มหมดความสำคัญลงไป ความเป็นพรรคเพื่อไทย ก็อาจต้องถูกยุบไป โดยความต้องการสลายความเป็นพรรคการเมืองมากกว่าสลายกลุ่มบุคคลผู้เป็นกรรมการบริหารพรรค"เพราะ หากถึงวันนั้น ภาพของส.ส. ที่แตกกระจาย เป็นผึ้งแตกรัง ย่อมบินไปซบพรรคขนาดกลาง หรือพรรคขนาดใหญ่ฝ่ายตรงข้าม โดย ไม่ต้องแคร์ ข้อครหา ทรยศทักษิณ อีกต่อไป"การปรับฮวงจุ้ย-หนีความอัปมงคล-ดับข่าวการย้ายพรรค ปรับโครงสร้างพรรค เปลี่ยนตัวหัวหน้าก๊ก หาตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ อาจทำให้พรรคเพื่อไทย ได้รับข่าว "มงคล" เพิ่มขึ้นบ้าง
....................
อีกไม่เกิน 15 วัน พรรคเพื่อไทยจะย้ายที่ทำการพรรค ปรับฮวงจุ้ยใหม่...อีกครั้งโดยย้ายจาก อาคารบีบีบิวดิ้ง ย่านถนนพระราม 4 ที่มีอดีตเจ้าของชื่อ "พายัพ ชินวัตร"กลับไปอยู่ทีอาคารไอเอฟซีที. หรือชื่อใหม่คืออาคารโอเอไอ. ย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ที่เคยมีเจ้าของชื่อ "พจมาน ชินวัตร" อดีตที่ทำการพรรคพลังประชาชน และพรรคไทยรักไทย
เหตุผลในการย้าย อย่างเป็นทางการคือ อาคารเดิมคับแคบ-ไม่สะดวกข้อมูลจากกรมบังคับคดีและศาลล้มละลายกลาง ระบุว่า บริษัทในเครือของ"พายัพ"ในอาคารเลขที่ 626 ถนนพระราม 4 หรือ อาคารพรรคเพื่อไทย ถูกศาลล้มละลายสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด หลายบริษัท !!!
เหตุผลตามหลัก "ฮวงจุ้ย" ที่กรรมการบริหารพรรคบางคนพูดเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจคือ ที่ทำการพรรคใหม่ มีชื่อ "เพชร" เป็นชื่อถนน(เพชบุรีตัดใหม่ ) ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี มีคุณค่า มีความแข็งแกร่งแต่เหตุผลที่ถกเถียง-ปรึกษาหารือกันในบรรดาคณะผู้บริหารพรรคคือ "ฮวงจุ้ย" และผู้มีอำนาจจริงในพรรค ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า "ฮวงจุ้ย" ที่ตึกไอเอฟซีที.เก่าดีกว่าอีกประเด็นที่เป็นน้ำหนักในการย้ายพรรคคือย้ายออกจาก "ความอัปมงคล" ในตึกเก่า เพราะที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรม 7 วัน 7 ความเจ็บปวด ได้มีการแสดงนิทรรศการ "เหมือนจริง" มีเลือดจริง สีเสียงปืนคล้ายเสียงยิงจริงๆ และมีภาพคนตายที่อุจาดตา เป็นจำนวนมากนอกจากนี้ยังมีการ "ติดโบสีดำ" ทั่วทั้งพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางเข้าอาคาร-บันใด-หน้าลิฟต์ และบรรไดเลื่อน ทำให้เกิดความอัปมงคล และเกิดอาการหลอน และตามความเชื่อของ "เจ้าของตึก" ที่เห็นว่า "สีดำ-โบดำ" เป็นความอัปมงคล ทำให้เกิดความมัวหมอง มีแต่ความตกต่ำ ทำมาหากินไม่ขึ้น ไม่รุ่งเรืองวาระการย้ายพรรค-ปรับฮวงจุ้ย ออกจากความอัปมงคล จึงเกิดขึ้น พร้อมๆกับการปรับหัวหน้า "ก๊ก" หัวหน้า "มุ้ง" ต่างๆ ใหม่อีกครั้ง และหากมีการเจรจาลงตัว ก็จะมีการปรับ-เปลี่ยน "หัว" หมายเลขหนึ่ง ของพรรคอีกครั้งนอกจากจะปรับฮวงจุ้ย-พรรคเพื่อไทย อาจเปลี่ยนหัวหน้าพรรคด้วยทางหนึ่งเพื่อแก้ปัญหาทางโหราศาสตร์ ทางหนึ่งเพื่อแก้ปัญหาคณิตศาสตร์การเมือง ที่เคยมีสมการว่า "เพื่อไทยแม้ชนะเลือกตั้ง ก็ไม่อาจเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล"ดังนั้น การรีแบรนด์ ปรับเปลี่ยนทั้งที่ตั้ง-ทั้งหัวหน้า-ทั้งหัวหน้าก๊ก อาจทำให้พรรคเพื่อไทยไฉไล กว่าเก่าอย่างน้อยก็มีการเปิดตัว "พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร" เตรียมลงรับสมัคร ส.ส.ในจังหวัดราชบุรี เพื่อเชื่อมไปยังหัว-ตัวจริง ที่รอจังหวะ-เวลา ที่เป็นฤกษ์งามยามดี
ชื่อ "พล.อ.ชัยสิทธิ์" แม้เคยถูกปฏิเสธจาก "นายหญิง" แต่การกลับมาเปิดตัวรอบใหม่ ภายใต้การสนับสนุนหน้าฉาก ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พ.อ.อภิวันท์ วิริยชัย นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ ทีมภาคกลาง อาทิ ไชยยา สะสมทรัพย์ อาจทำให้คนเบื้องหลัง-จากต่างประเทศเห็นประโยชน์
พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร-ศึกษาข้อมูลพื้นที่ไว้ล่วงหน้า-ประกาศบนเวทีปราศรัยในพื้นที่ราชบุรี ว่า คนในราชบุรีไม่ได้รับการเหลียวแล จากส.ส.ในพื้นที่ ปล่อยให้ชาวบ้านอยู่ตามยถากรรม"ไม่ได้รับการสนับสนุนเกี่ยวกับการทำการเกษตร ทั้งๆที่ราชบุรีมีของดีหลายอย่าง เป็นเมือง เศรษฐีตัวยง ถึงขนาดมีคำกล่าวว่า ของตก ไม่ต้องเก็บ""ส่วนตัว มาคิดว่าบั้นปลายชีวิตจะช่วยเหลือประเทศชาติอย่างไร และเห็นว่า ส.ส. ราชบุรีในอดีตไม่ได้มีวิสัยทัศน์ ที่จะนำความเจริญ มาสู่ท้องถิ่น""วันก่อนผมไปสวนผึ้ง ก็เห็นว่าเป็นสถานที่มีศักยภาพควรพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะบรรยากาศเหมือนปากช่อง อากาศเย็น แต่ตอนนี้มีป้ายขนาดใหญ่ ติดอยู่ทำให้เสียบรรยากาศ นอกจากนั้น หากมีโครงการเปิดด่านแม่สอด, สระแก้ว ถ้าเจาะไปทวาย ใครๆ ก็ต้องผ่านราชบุรี ดังนั้น ต้องเลือกเราเป็นรัฐบาล"ในฐานะคนจากตระกูล "ชินวัตร" ต้องส่งสัญญาณให้ชาวบ้าน และเจ้าของพรรค ได้รับทราบ การลงพื้นที่-ทำหน้าที่ทวงอำนาจคืน "พล.อ.ชัยสิทธิ์" จึงต้องปราศรัยไฟต์บังคับถึง "ทักษิณ""หลวงปู่โต ทำนายว่า สมัยนี้เป็นถิ่นกาขาว เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ใครทำชั่วได้รับการสรรเสริญ ใครทำดี เขาไม่ยกย่องและกลับให้ไปอยู่ต่างประเทศ" พล.อ.ชัยสิทธิ์-อุปมาอุปมัย
ท่ามกลางกระแสการดูด ส.ส. ออกจากพรรคเพื่อไทย การตักปลาจากบ่อเพื่อน ย้ายจากพรรคใหญ่ไปอยู่พรรคใหม่ และอยู่ในขั้วของรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนตัว-เปลี่ยนหัวหน้าพรรค-สลับหัวหน้าก๊ก ปรับโครงสร้างพรรคของเพื่อไทยกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย 1 ใน 13 คน ซึ่งถูกจัดให้เป็น "ทีมซี-แถวสาม" เป็นตัวสำรองเกือบทุกแมตต์ ในการแข่งขัน วิเคราะห์ ว่า "ราคาการย้ายพรรค ช่วงนี้ยังไม่พุ่งติดเพดาน แต่จะพุ่งทะลุเพดาน ช่วงก่อนการเลือกตั้ง"และถ้าใครไม่แคร์กระแส และราคาการต่อรองกับหัวคะแนน และการโหวตในพื้นที่ ก็ไม่ยากที่จะตัดสินใจไปร่วมงานกับภูมิใจไทยการปั่นราคา ซื้อ-ขายตัวของ ส.ส. ถึงจะมีความหวือหวาจากระดับราคา 20 ล้านบาท พุ่งเป็น 50 ล้านบาท แต่การต่อรองนี้จะค่อยๆ หายไปจากกระดานการซื้อ-ขาย เพราะคนในพรรคเพื่อไทย ยังมีความเชื่อว่า "หากไม่ใช่พวกทักษิณ ก็จะสอบตก"ข้อวิเคราะห์ของ คนวงใน-เพื่อไทย บอกว่า "หมัดเด็ดไม้ตาย ของการ ย้ายพรรค จึงไม่ได้อยู่ในจังหวะเวลาขณะนี้ ที่ยังไม่มีการประกาศวันเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเลือกตั้งจากสาเหตุการครบวาระ หรือยุบพรรค-ยุบสภา แต่เงื่อนไขที่น่าสนใจคือ หาก ส.ส. ปัจจุบันและ ว่าที่ผู้สมัคร ในอนาคต ยังแสดงความภักดี เป็นสมาชิกพรรค ภายใต้ร่มเงากลุ่มก๊วนของ ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ในสังกัดเสื้อแดง-นปช.ก็มีโอกาสได้เป็น ส.ส.มากกว่า"สมาชิกพรรคเพื่อไทย จึงประกาศล่วงหน้าว่า หากใครย้ายพรรค ไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม ให้เตรียมพบกับ คีย์เวิร์ดในการหาเสียงจากฝ่ายเพื่อไทยว่า "เป็นพวกทรยศ หักหลัง"การย้ายที่ทำการพรรค-ปรับฮวงจุ้ย ทางหนึ่ง มีกรรมการบริหารพรรค บอกว่าอาจเกี่ยวข้องกับการคดียุบพรรคเพื่อไทยเหตุผล-ความเป็นไปได้ของคนแถวสาม-ทีมซี-ตัวสำรอง ในเพื่อไทย วิเคราะห์ "ยุบเพื่อไทย" ด้วย 2 เหตุผลเหตุที่ 1 ไม่จำเป็นต้องยุบพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น ก่อนหรือหลังเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะเชื่อว่าที่ผ่านมา การยุบแต่ละพรรคที่ผ่านมานั้น มุ่งหวังที่จะเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของบรรดาบุคคลระดับกรรมการบริหารพรรค ให้หมดคุณสมบัติพื้นฐานของการมีสิทธิทางการเมืองอื่นๆ ตามมา ในแง่นี้ จึงไม่ได้อยู่บนสมมุตติฐานว่า การยุบพรรคเป็นไปเพื่อ ต้องการทำลายล้างสถาบันพรรคการเมือง มากเท่ากับการจำกัดบทบาทกลุ่มบุคคล ไม่ให้มีบทบาทหน้าฉาก ทางการเมือง ออกไป 5 ปีเมื่อพิจารณาจากแนวความคิดเช่นนี้ บวกกับข้อเท็จจริง จากรายชื่อของกรรมการบริหารพรรคในปัจจุบัน ซึ่ง ไม่มีใครที่มีบทบาทให้เห็นเด่นชัดพอที่จะถูกกำจัดออกฟไป พรรคเพื่อไทยจึงไม่น่าถูกยุบด้วยเหตุไม่มีเป้าต้องถูกทำลายในระดับกรรมการบริหารพรรคเหตุที่ 2 คือ จังหวะที่พรรคเพื่อไทยจะถูกยุบ มีความเป็นไปได้อีกครั้ง ในช่วงหลังเลือกตั้ง ที่บรรดาผู้สมัครทั้งอดีต ส.ส. และ ผู้สมัครหน้าใหม่ ผ่านด่านได้เข้ามาเป็น ชุบตัวเข้าสภา ได้เป็น ส.ส.เรียบร้อย ปัญหาเรื่องสังกัดพรรคไหน อันเป็นจุดขายในการหาเสียง เริ่มหมดความสำคัญลงไป ความเป็นพรรคเพื่อไทย ก็อาจต้องถูกยุบไป โดยความต้องการสลายความเป็นพรรคการเมืองมากกว่าสลายกลุ่มบุคคลผู้เป็นกรรมการบริหารพรรค"เพราะ หากถึงวันนั้น ภาพของส.ส. ที่แตกกระจาย เป็นผึ้งแตกรัง ย่อมบินไปซบพรรคขนาดกลาง หรือพรรคขนาดใหญ่ฝ่ายตรงข้าม โดย ไม่ต้องแคร์ ข้อครหา ทรยศทักษิณ อีกต่อไป"การปรับฮวงจุ้ย-หนีความอัปมงคล-ดับข่าวการย้ายพรรค ปรับโครงสร้างพรรค เปลี่ยนตัวหัวหน้าก๊ก หาตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ อาจทำให้พรรคเพื่อไทย ได้รับข่าว "มงคล" เพิ่มขึ้นบ้าง