พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์
พรรคเพื่อไทย เตรียมขนญาติเหยื่อสลายม็อบ บุกดีเอสไอ ทวงถามความคืบหน้าการดำเนินคดีในวันที่ 16 ส.ค.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่ามีความคิดจะยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน ในจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็น จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย แต่หลังจากปรากฎข่าวกลับมีเหตุระเบิดตรงข้ามรพ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ก่อนหน้านี้นายถวิล เปลี่ยนสี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ระบุว่าช่วงหยุดยาวอาจมีการสร้างสถานการณ์ป่วนเมืองนั้น และก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงเป็นเหมือนกับหน่วยงานในรัฐบาลตั้งธงไว้และเป็นการเล่นบทตีสองหน้าหรือไม่
โดยนายกฯให้สัมภาษณ์ว่าอยากยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินบางจังหวัดพร้อมทั้งเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมครม.ในวันที่17ส.ค. แต่ขณะเดียวกันก็มีกระบวนการอยากให้คงพ.ร.ก.ไว้ทั้ง 10จังหวัด โดยเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล พวกนอกแถวที่เป็นกลุ่มบิ๊กสีเขียวกับบิ๊กสีกากีบางคนในพื้นที่ภาคเหนือ ได้ร่วมมือดำเนินการสร้างสถานการณ์ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างให้รัฐบาลคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป เพื่อให้มีเครื่องมือเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจัดการพรรคคู่แข่งทางการเมือง
อีกทั้ง จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย เป็นฐานเสียงทางการเมืองของพรรค เป็นฐานคนเสื้อแดงอย่างหนาแน่น แต่ยังมีการก่อเหตุรายวัน และตั้งแต่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมากว่า 4เดือน ถือว่าทำร้ายประเทศ กำจัดสิทธิเสรีภาพประชาชน มีผลกระทบมากกมาย ถ้านายอภิสิทธิ์ มีวุฒิภาวะ มีสถานการณ์ก่อเหตุรายวัน ลองเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตนอยากรู้ว่าจะมีเหตุอย่างนี้หรือไม่
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย เป็นจังหวัดท่องเที่ยว เราได้รับการร้องเรียนว่าถ้ารัฐบาลยังไม่ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินทั้ง10จังหวัด นักท่องเที่ยวจะไม่เดินทางเข้าประเทศ และขณะนี้ผู้ประกอบการโรงแรมบางที่เริ่มปลดคนงานบ้างแล้ว แม้กระทั่งจังหวัดฝั่งอันดามัน ผู้ประกอบการทัวร์ต่างได้รับความเดือดร้อนนักท่องเที่ยวทยอยยกเลิกทัวร์ เพราะหวั่นวิตกในความปลอกภัย และยังโยกย้ายนักท่องเที่ยวไปเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งทั้งหมดเป็นผลกระทบจากการยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า หลังจากผ่านเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่เวลาผ่านมากว่า3เดือน คดีต่างๆกลับไม่มีความคืบหน้า ในวันเดียวกันบรรดาญาติผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตได้ยื่นต่อพรรคเพื่อไทยขอให้ช่วยเร่งรัดคดี ตั้งแต่วันที่10เม.ย.-19พ.ค. ผู้ชุมนุมที่บาดเจ็บและญาติ ติดตามคดีแต่ไม่มีความคืบหน้า แม้ได้ร้องต่อ สตช. ป.ป.ช. และดีเอสไอ โดยเฉพาะดีเอสไอ กับเร่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องแกนนำทั้ง 19คนอย่างมีเงื่อนงำ เมื่อญาติไปทวงถามก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม เหมือนดองคดีช่วยเหลือผู้สั่งการ ทั้งที่ผู้ร้องมีทั้งพยานหลักฐานว่าเป็นผลมาจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ดีเอสไอเหมารวมว่าเป็นฝีมือของผู้ชุมนุม คณะญาติดังกล่าวจึงได้มาร้องที่พรรคเพื่อไทย ขอให้นำคดีคนเสื้อแดงเป็นคดีพิเศษ
นอกจากนี้ตามหลักกฎหมาย หากการตายจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องไต่สวนตามป.วิอาญา มาตรา150เสียก่อน เมื่อยังไม่ดำเนินการการสอบสวนแต่ได้มอบให้ดีเอสไอ ไปสอบสวนจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เหมือนกับเล่นละครตบตาประชาชนเพื่อโยนความผิดให้ผู้ชุมนุม ตั้งแต่เกิดเหตุ คดีไม่คืบหน้า ไม่ได้เอาคนผิดมาลงโทษ สะท้อนให้เห็นการบังคับใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน เลือกดำเนินการปฏิบัติ หน่วยงานรัฐกำลังรับใช้นักการเมือง แทนที่จะรับใช้ประชาชน ถามว่าความปรองดอง ความสามัคคีที่นายกฯต้องการเห็น เป็นเหมือนการสร้างภาพตบตาเท่านั้นเอง นอกจากนี้วันที่16ส.ค.ตนพร้อมญาติผู้เสียชีวิต จะเดินทางยื่นหนังสือไปติดตามความคืบหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจากนั้นญาติผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จากเหตุการณ์ 10เม.ย.และ19พ.ค. กว่า30คน ได้ยื่นหนังสือต่อนายพร้อมพงศ์ ขอให้เร่งรัดสอบถามไปยังหน่วยงานรัฐเกี่ยวกับคดีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุชุมนุมทางการเมืองโดยนายกลิ่น เทียนยิ้ม พี่เขยนายวสันต์ ภู่ทอง ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณร.ร.สตรีวิทยา เมื่อวันที่10เม.ย. กล่าวว่าญาติถูกฆ่าตายเมื่อ10เม.ย. ที่ผ่านมาคดียังไม่มีความคืบหน้า แต่มีการออกคลิปมาใส่ร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมและเสียชีวิตอีก เหมือนฆ่าแล้วกระทืบซ้ำ ตนเลยมาขอความช่วยเหลือที่พรรคเพื่อไทยขอให้พรรคเรียกร้องความเป็นธรรมต่อญาติตนและผู้ชุมนุมด้วย เชื่อว่าพวกที่เสียชีวิตจะต้องได้รับความเป็นธรรม
นางพะเยาว์ อัคคะฮาด มารดา นส.กมนเกด แพทย์อาสาที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในวัดปทุมวนาราม กล่าวว่า ตนได้พยายามเรียกร้อง แต่รัฐบาลก็พยายามบิดเบือนว่าสาเหตุการเสียชีวิตไม่ได้มาจากฝ่ายเจ้าหน้าที่แต่เรื่องนี้ตนมีหลักฐานชัดเจนที่รัฐบาลไม่สามารถปฏิเสธได้ ก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ เคยโทรศัพท์มาถึงตนเพื่อรับปากว่าจะดำเนินการหาคนผิดมาลงโทษให้เร็วที่สุด จึงขอทวงถามนายอภิสิทธิ์ว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามจะปรึกษาผู้ใหญ่ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปเพื่อให้ทุกศพที่เสียชีวิตได้รับความเป็นธรรม