ที่มา ข่าวสด
อภิสิทธิ์ กษิต สุวิทย์ หรือ ฮุนเซน ฮอร์นัมฮง ซกอาน มาแล้วก็ไป
แต่ไทยกับเขมรต้องประเทศติดกันต่อไปจนกว่าโลกจะแตก!
แล้วจะมาฮึ่มแฮ่แยกเขี้ยวใส่กันให้มันร้อนรุ่มวุ่นวายทำไม?
จริงอยู่ทุกประเทศต่างก็ต้องการรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง
ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนจาก "กัด" มา "กอด" ไม่ดีกว่าหรือ
โดยเอา "เขาพระวิหาร" นี่แหละ เป็นสื่อรัก!
ไม่ว่าเขมร ฮุนเซนจะมาไม้ไหน
ไทยในฐานะประเทศใหญ่กว่า คนเยอะกว่า รวยกว่า
ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ใจดี มีเมตตา ตอบกลับด้วยน้ำใจ ไมตรี และรอยยิ้ม
10 พระวิหาร 100 พระวิหาร ก็สำเร็จ เสร็จเรา!!
ขอให้มียุทธศาสตร์ที่ดี ยุทธวิธีที่ฉลาด ใช้คนให้เป็น ใช้ทีมงานให้ถูก
อย่าว่าแต่ 10 ฮุนเซน 100 ฮุนเซน ต่อให้เป็นเหล็ก เป็นหินก็ละลาย
ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร ทว่าทางขึ้นอยู่ฝั่งไทย
จับมือ กอดคอบริหารจัดการร่วมกัน 2 ประเทศ
มีแต่ได้กับได้ แถมได้มากเสียด้วย
ดีกว่าเย้วๆ เต้นแร้งเต้นกา คลุ้มคลั่งไปวันๆ เป็นไหนๆ
คิดได้ คิดเป็น คิดออก บ้างไหม?
โดยเฉพาะไทยมีศักยภาพด้านอื่นๆ เอื้ออำนวยมากมายหลายหลาก
สามารถแตกหน่อ ต่อยอด ดึงนักลงทุน ดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาได้อีกมหาศาล
ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้ขยาย
นี่ไม่แก้แล้วขยายปัญหาไม่พอ
ยังฉลาดน้อย!
นั่งออกทีวีน้ำลายท่วมจอสามสี่ชั่วโมง โชว์ มหกรรมตลกผสมลิเกให้เขมรหัวร่องอหาย
ขณะที่อภิสิทธิ์ยังถกเถียงกับหางเครื่องไม่รู้เรื่อง
ฮุนเซนไปโน่นแล้ว ฟ้องยูเอ็น อ้อนชาวโลก
สอนเชิง "หมูสยาม" ทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น!
บทเรียนปราสาทพระวิหาร สอนให้รู้ว่า
เขมรไม่เพียงเหนือกว่าทั้งยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี
ยังมีพวก มีเพื่อนมากกว่า?
ประชุมเมื่อไหร่ ชี้ขาดตอนไหน เป็นต่อตลอด
ไทยแลนด์ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ รวมทั้งบรรดาหัวหน้าแก๊ง และหางเครื่อง
เสร็จจากเถียงกันแล้ว รีบหากระจกมาส่อง
โดยเฉพาะพระเอกประจำคณะที่พูดตลอดเป็นร้อยๆพันๆ ครั้ง
"ผมจะไม่เจรจากับผู้ก่อการร้าย"
ไฉนไปแลกน้ำลายอยู่ได้ตั้งหลายชั่วโมง
ส่องกระจกไม่พอ ต้องล้างปากด้วย!?
เพื่อไทย
Thursday, August 12, 2010
พระเอ๊กพระเอก
คอลัมน์ เหล็กใน