ที่มา บางกอกทูเดย์ ปชป.ผวา...ถ้าซ้ำรอย 4-01 ปชป.ก็จบ!! ล่าสุดที่เป็นกรณีให้เกิดการตั้งคำถามไปทั่วทั้งประเทศ ก็คือ กรณีที่ดินเขายายเที่ยง กับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งแม้ว่าวันนี้จะจบไปแล้ว จากการที่ พล.อ.สุรยุทธ์ ยอมคืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปหมด แต่เรื่องเหล่านี้ก็ยังไม่เลือนไปจากความทรงจำของสังคมไทยง่ายๆแน่ เช่นเดียวกับเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นของแสลงสำหรับตระกูลเทือกสุบรรณ เป็นอย่างยิ่ง เทพเทือก – นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้พ่อนั้น โดนพิษกรณีกรรมสิทธิ์ที่ดิน สปก. 4-01 สอยจนร่วงจากตำแหน่งรัฐมนตรี แถมยังพาให้พรรคประชาธิปัตย์หมองไหม้อยู่นานเป็น 10 ปี กว่าจะโชคดีมีคนหนุนหลัง มีทหารอุ้มชู จนเพิ่งกลับมาเป็นรัฐบาลได้ในรอบนี้ ลำพังหากเป็นการเลือกตั้งตรงไปตรงมาตามระบอบประชาธิปไตย ไม่แน่ใจเลยว่าประชาชนจะยังฝังใจจำกรณี สปก.4-01 กันแค่ไหน??? และพรรคประชาธิปัตย์จะได้เป็นรัฐบาลอีกครั้งหรือไม่ ครั้งนี้กรณีที่ดิน เขาแพง ที่กระทบเต็มๆ คือ นายแทน เมือกสุบรรณ ผู้ลูก เพราะเป็นผู้ที่ถูกระบุชื่อว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเจ้าปัญหาผืนนี้ แต่แน่นอนว่า ด้วยสถานะของนายสุเทพผู้พ่อ ซึ่งเป็นทั้งรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถมยังเป็นคนคุม ศอฉ. อีกด้วย จึงหนีไม่พ้นที่จะต้องโดนลากเข้ามาตรวจสอบด้วย แน่นอนทั้งนายแทน และนายสุเทพ ต่งายืนยันว่า เป็นที่ดินซึ่งซื้อมาตามกระบวนการ แต่บังเอิญเอกสารสิทธิ์ โดยเฉพาะ สค.1 ที่ดันทะลึ่งเจาะจงหายเฉพาะที่แปลงนี้ แถมเมื่อมีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้น นายนิพนธ์ พร้อมพันธ์ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการชิงแสดงสปิริตล่วงหน้า ว่าหากที่ดินมีปัญหาก็พร้อมที่จะคืนให้ เท่านั้นเอง สังคมมองนายสุเทพด้วยสายตาแปลกๆทันที เพราะคนหนึ่งพร้อมคืน อีกคนยืนยันว่าสู้ไม่ถอย แบบนี้แน่นอนว่าต้องมีมุมที่ไม่ธรรมดาแน่ ๆ เพราะที่ดิน 2 ผืนนี้อยู่ติดกันเสียด้วย ย่อมเป็นไปไม่ได้ ที่จะมีกรณีที่ว่า แปลงหนึ่งถูก อีกแปลงหนึ่งผิด!!! ที่พอเป็นไปได้คือ หากจะถูกก็ควรจะถูกทั้ง 2 แปลง หากจะผิดกฎหมาย ก็ควรที่จะผิดด้วยกันทั้งคู่ อย่างไรก็ตามอีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะชัดเจนว่า จะมีผลลงเอย ซ้ำรอยที่ดิน สปก.4-01 อีกหรือไม่ เพราะล่าสุด นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หนึ่งในผู้รับผิดชอบสำนวนคดีถอดถอนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กรณีโฉนดที่ดินบนเขาแพง ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวถึงความคืบหน้าในการไต่สวนว่า ขณะนี้มีการเซ็นคำสั่งตั้งคณะทำงานจำนวนกว่า 10 คน เพื่อลงพื้นที่ไปตรวจสอบว่าการออกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ โดยจะไปที่เกาะสมุยภายในเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนจะใช้เวลาตรวจสอบเท่าใด ยังตอบไม่ได้ เพราะต้องไปเปรียบเทียบว่าเอกสารที่เกี่ยวข้องมีความถูกต้องหรือไม่ นายกล้านรงค์กล่าวว่า ส่วนการตรวจสอบทรัพย์สินซึ่งพรรคฝ่ายค้านกล่าวหาว่า นายสุเทพปกปิดบัญชีทรัพย์สิน เพราะใช้ชื่อนายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายถือที่ดินแปลงดังกล่าวไว้แทน ได้มอบหมายให้สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมือง 1 สำนักงาน ป.ป.ช. ที่มีนายวรวิทย์ สุขบุญ เป็นผู้อำนวยการ เข้าไปตรวจสอบ บัญชีทรัพย์สินของนายสุเทพว่ามีอยู่จริงหรือไม่ หรือให้ใครถือครองไว้แทนหรือไม่?? อย่างไรก็ตามไม่จำเป็นต้องทำหนังสือสั่งการออกไป เพราะระหว่างการประชุม ตัวแทนสำนักตรวจสอบทรัพย์สินฯ 1 ก็อยู่ในที่ประชุมด้วย ทั้งนี้มีรายงานจาก ป.ป.ช. ระบุว่า นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบโฉนดที่ดินเขาแพง ระหว่างการประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยรายชื่อคณะทำงานส่วนใหญ่เป็นบุคคลในสำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและเคยทำคดีด้านที่ดินมาหลายคดีแล้ว อาทิ ที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ นำโดยนายโกศล ขำศิริ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักปราบปรามการทุจริตภาครัฐ สำนักงาน ป.ป.ช. อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.หลายคน อยู่ระหว่างการเร่งปิดคดีที่ดินอัลไพน์ กว่าจะตรวจสอบที่ดินเขาแพงได้ น่าจะหลังจากวันที่ 20 สิงหาคม ซึ่งนายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาสรุปผลการพิจารณาศึกษาตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีการถือครองที่ดินของนายแทน กล่าวว่า ขณะนี้อนุ กมธ.ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิที่ดินเขาแพงครบถ้วนหมดแล้ว พบว่าที่ดินบางส่วนมาจาก ส.ค.บิน ตำแหน่งไม่ถูกต้อง และอยู่ในพื้นที่ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายกำหนด โดยวันที่ 17 สิงหาคมนี้ จะประชุมอนุ กมธ.เพื่อสรุปประเด็นครั้งสุดท้าย โดยเชิญ นายสามารถ เรืองศรี หรือโกเข็ก เข้าชี้แจง แต่นายสามารถ บอกกับอนุ กมธ.ว่าพร้อมจะให้ข้อมูล แต่ต้องเป็นการไปนั่งกินรับประทานอาหารส่วนตัว และพร้อมจะเล่าอะไรบางอย่างให้ฟัง แต่ไม่ใช่เวทีอนุ กมธ. ซึ่งทางอนุ กมธ.จะพิจารณาว่าทำได้หรือไม่ นอกจากนี้จะเชิญนักวิชาการด้านที่ดิน อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ดินจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมถึงอดีตอธิบดีกรมที่ดิน มาให้ความเห็นด้วยเพื่อความรอบคอบรัดกุม “เมื่อสรุปได้แล้วอนุ กมธ.จะเสนอต่อ กมธ.กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นชุดใหญ่เพื่อพิจารณาก่อนยื่นต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการกับอธิบดีกรมที่ดินและพวกที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการออกเอกสารสิทธิทั้งหมด มั่นใจว่าน่าจะได้ข้อสรุปที่ไม่พลาด และใกล้จบแล้ว เพราะเรื่องต้นน้ำลำธาร เราต้องรักษาปณิธานของเบื้องบน ในการรักษาต้นน้ำลำธารเอาไว้ ไม่ใช่คนรวยบุกรุกได้ แต่คนจนทำแล้วถูกจับ”นายประเกียรติกล่าว งานนี้จบสวยหรือไม่สวย คนที่ต้องลุ้นหนักก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ เพราะเมื่อครั้งที่ดิน สปก.4-01 ก็ทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคตกฮวบ จนต้องกลายเป็นพรรคฝ่ายค้านอยู่นานหลายปี แล้วครั้งนี้ “เขาแพง” หากเกิดซ้ำรอยขึ้นมาอีก ... แบบนี้ไม่รู้ว่าจะกระทบกี่ปีกันแน่??
กรรมสิทธิ์ที่ดิน บนเกาะ บนภูเขา และผืนป่า สำหรับในเมืองไทยดูเหมือนว่า จะเป็นของแสลง สำหรับใครก็ตามที่ความอยากได้อยู่เหนือความถูกต้อง