WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, August 13, 2010

ยกฎีกาเตือนอัยการลุกลี้ลุกลนฟ้องนปช.เสี่ยงผิดกฎหมาย

ที่มา โลกวันนี้


เรื่องจากปก
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2862 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 13 สิงหาคม 2010
โดย -

โฆษกพรรคเพื่อไทยยกคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3509/2549 ขู่อัยการกรณีเร่งรัดส่งฟ้อง 19 แกนนำและแนวร่วม นปช. ต่อศาลอาจเป็นการใช้ดุลยพินิจผิดกฎหมายได้เพราะสั่งฟ้องเร็วผิดปรกติ อาจไม่ได้พิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานโดยครบถ้วน ซึ่งผิดไปจากหลักปฏิบัติที่เคยทำมา ระบุความรวดเร็วทำให้เกิดข้อสงสัยเรื่อง 2 มาตรฐานมากขึ้นเมื่อเทียบกับคดีพันธมิตรฯ โฆษก “มาร์ค” จี้ “ทักษิณ” ยอมรับมติศาลฎีกาไม่รับอุทธรณ์ยึดทรัพย์ ไม่เชื่อจะใช้เวทีโลกกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อีก ชี้ 46,000 ล้านบาทถือว่าส่วนน้อยเพราะเชื่อว่ายังมีทรัพย์สินอยู่อีกมาก

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ไม่เห็นด้วยกับที่อัยการส่งฟ้อง 19 แกนนำและแนวร่วมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดินต่อศาล โดยระบุข้อหาฐานความผิดทั้งก่อการร้าย ฝึกกำลังคน ซ่องสุมอาวุธ ใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชน เพราะเป็นการโยนความผิดกรณีการเสียชีวิตของประชาชนในเหตุการณ์สลายการชุมนุมวันที่ 10 เม.ย.-19 พ.ค. 2553 ให้กลับกลุ่มผู้ต้องหา

ประชดติดคุก 10 ชาติไม่พ้นผิด

“ดูข้อกล่าวหาแล้วติดคุก 10 ชาติก็ใช้ความผิดไม่หมด เพราะเหมารวมทุกเหตุการณ์ว่าเป็นความผิดของกลุ่มผู้ต้องหา ทั้งที่ในข้อเท็จจริงพนักงานสอบสวนก็รู้ว่ายังไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าเป็นการกระทำของใคร เพราะยังจับคนทำจริงๆไม่ได้ ในทางกลับกันหลายเหตุการณ์มีความชัดเจนว่าผู้ชุมนุมเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ มีญาติของผู้เสียชีวิตกว่า 80 คนไปแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ทั้งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือแม้แต่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้เอาผิดกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่คดีความในส่วนนี้ไม่มีความคืบหน้าไปไหนเลยทั้งที่เวลาผ่านมากว่า 3 เดือนแล้ว” นายพร้อมพงศ์กล่าว

เร่งคดี นปช.-ดองคดีฆ่าประชาชน

โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูเหมือนจะเร่งรัดแต่คดีก่อการร้ายของบรรดาแกนนำและแนวร่วม แต่ดองคดีที่ประชาชนเสียชีวิต กระทำในลักษณะมุ่งรับใช้การเมืองมากกว่ารับใช้ประชาชน การที่อัยการส่งฟ้องแกนนำและแนวร่วม 19 คนก็เป็นเรื่องผิดปรกติเพราะใช้เวลาพิจารณาสำนวนเพียงไม่นาน และยังไม่ให้ความเป็นธรรมกับผู้ต้องหาที่ยื่นขอให้สอบพยานเพิ่มเติม

ระวังใช้ดุลยพินิจผิดกฎหมาย

“การเร่งส่งคดีฟ้องศาลสอดคล้องกับที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทำหนังสือร้องขอให้อัยการเร่งรัดสั่งคดี แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอัยการถูกการเมืองกดดัน ไม่ได้ทำงานอย่างอิสระรอบคอบ ผมอยากเตือนว่าแม้กฎหมายจะให้เป็นดุลยพินิจของอัยการว่าจะสั่งฟ้องคดีหรือไม่ แต่หากอัยการใช้ดุลยพินิจโดยบิดเบือนหรือมีวาระแอบแฝง ซ่อนเร้น ถือว่าเป็นการใช้ดุลยพินิจที่ผิดกฎหมายได้ ซึ่งศาลฎีกาได้เคยมีคำพิพากษาเป็นบรรทัดฐานไว้แล้ว ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 3509/2549” โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว

เทียบกับคดีพันธมิตรฯผิดกันมาก

นายพร้อมพงศ์ตั้งข้อสังเกตว่า การส่งฟ้องคดีของอัยการครั้งนี้เป็นไปอย่างลุกลี้ลุกลน ไม่พิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานโดยครบถ้วน และน่าจะถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง ทำให้ประชาชนเพิ่มความสงสัยในความ 2 มาตรฐานของระบบยุติธรรมไทยมากขึ้น เพราะการปฏิบัติของอัยการในครั้งนี้ผิดไปจากหลักปฏิบัติที่เคยทำมา ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับคดีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายเหมือนกันในคดียึดสนามบิน ซึ่งมีหลักฐานชัดแจ้งแต่กลับไม่มีความคืบหน้าของการสอบสวนและการสั่งฟ้องคดี ถือเป็นเรื่องน่าอัปยศที่กระบวนการยุติธรรมถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อกำจัดคู่แข่งทางการเมืองหรือคนที่ต่อต้านรัฐบาล ซึ่งไม่เคยมียุคใดสมัยใดที่ฝ่ายการเมืองจะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมมากขนาดนี้

จี้ “ทักษิณ” รับมติศาลฎีกา

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมรับมติของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาที่ไม่รับอุทธรณ์คดียึดทรัพย์เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรบอกว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง

ไม่มีใครกดดันกระบวนการยุติธรรม

“พ.ต.ท.ทักษิณและบริวารกำลังเอากระบวนการยุติธรรมมาเชื่อมโยงกับเรื่องการเมือง เพื่อเรียกร้องความสนใจให้ประชาชนเห็นว่าฝ่ายตัวเองถูกกลั่นแกล้ง” นายเทพไทกล่าวและว่า คดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวตามกฎหมายไทยถือว่าสิ้นสุดแล้ว การที่ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศว่าจะดิ้นรนหาความเป็นธรรมจากเวทีอื่นนั้น คิดว่าไม่มีช่องทางใดที่จะมากดดันกระบวนการยุติธรรมไทยได้ พ.ต.ท.ทักษิณจึงควรยอมรับกติกาและเชื่อในกฎแห่งกรรมว่า กรรมใดใครก่อคนนั้นก็ต้องได้รับผลของกรรม

ยังมีเงินเหลือใช้ทางการเมืองอีกมาก

ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. ออกมาระบุว่าคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่กระทบต่อขวัญและกำลังใจของคนเสื้อแดงนั้น นายเทพไทกล่าวว่า นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ยึดมาได้เท่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณยังมีเงินและทรัพย์สินอีกมากที่จะใช้บริหารจัดการทางการเมือง และการที่ พ.ต.ท.ทักษิณคุยอวดว่ามีธุรกิจในต่างประเทศจำนวนมากยิ่งทำให้คนเสื้อแดงยังมีความหวัง

จับโกหกไม่ได้เป็นท่อน้ำเลี้ยงเสื้อแดง

“46,000 ล้านที่ยึดมาได้ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมดของ พ.ต.ท.ทักษิณ การที่นายจตุพรอ้างว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ใช้เงินของ พ.ต.ท.ทักษิณในการเคลื่อนไหว แต่ใช้ทุนจากการบริจาคและขายของที่ระลึกนั้น อยากให้ประชาชนคิดดูว่าการชุมนุมที่ต้องใช้เงินวันละกว่า 10 ล้านบาทนั้น ลำพังเพียงเงินบริจาคและเงินจากการขายของที่ระลึกจะเพียงพอหรือไม่ หากไม่มีท่อน้ำเลี้ยงจากนายใหญ่และเครือข่ายส่งให้” โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว