คนไทยยังพูดภาษาเดียวกันไม่รู้เรื่อง นับประสาอะไรจะไปเถียงสู้กัมพูชา
โดยมหากาพย์วุ่นๆศึกปราสาทพระวิหาร ที่ดำเนินเรื่องมาถึงฉาก "ซัดปากกันเอง" ในหมู่เครือข่ายฝ่ายถืออำนาจในประเทศไทย ทะเลาะกันระหว่างรัฐบาลประชาธิปัตย์กับม็อบพันธมิตรฯในมุกของกลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ
เรื่องเดียวกันแท้ๆ แต่ข้อเท็จจริงกลับพลิกได้ตามสถานะ
โดยเฉพาะคิวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคนยี่ห้อประชาธิปัตย์ ที่ตอนเป็นฝ่ายค้าน ดาหน้าถล่มรัฐบาลพรรคพลังประชาชนของอดีตนายกฯสมัคร สุนทรเวช และนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ เล่นมุกเดียวกับม็อบพันธมิตรฯ
แต่พอมาเป็นผู้นำรัฐบาลบ้าง กลับโดนแนวร่วมเก่ารุมด่า ฐานไม่ทำตามข้อเสนอให้ยกเลิกเอ็มโอยู เดินหน้าหักดิบกับฝ่ายกัมพูชา
บทพลิกไปพลิกมา จนคนดูจับต้นชนปลายกันไม่ถูก
และยิ่งสับสนกันไปใหญ่ กับวาระ "สอดแทรก" ตามเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของพวก "หูไวตาไว" มองเกมลึกที่ซ่อนอยู่หลังฉากร้อนทวงคืนเขาพระวิหาร
มันคือการทวงคืนพื้นที่ทางการเมือง
ในมุมของเกม "เพาเวอร์เพลย์" การประลองกำลังภายในระหว่างเครือข่ายของฝ่ายถืออำนาจด้วยกัน โดยจังหวะก็พอดีกับคดีม็อบพันธมิตรฯบุกยึดทำเนียบรัฐบาล ที่อัยการเลื่อนสั่งคดีออกไปเป็นรอบที่ไม่รู้เท่าไหร่
ยื้อจนจะลากไม่ไหวแล้ว
อีกด้านก็เป็นคดีม็อบพันธมิตรฯ ยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ตั้งแท่นส่งเรื่องให้อัยการฟ้อง
จ่อออกหมายจับแกนนำ ถ้าเบี้ยวไม่เข้ามอบตัว
แต่พอได้จังหวะรุกบี้กรณีเขาพระวิหาร รัฐบาลประชาธิปัตย์ตกเป็นฝ่ายโดนกดดัน คดีของม็อบพันธมิตรฯ ก็ลดความร้อนแรงลงโดยอัตโนมัติ
ไหนจะเหลี่ยมของการชิงกระแสชิงแต้มทางการเมือง
กับเดิมพันเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขต กทม. (ส.ข.) ที่พรรคการเมืองใหม่ ตัดริบบิ้นปล่อยผู้สมัครลงสนามเลือกตั้งเป็นครั้งแรกของการก่อตั้งพรรค ชิงฐานเสียงที่ทับสัมปทานกับยี่ห้อประชาธิปัตย์
โดยจังหวะเทกแอ็กชั่นคดีเขาพระวิหาร เครือข่ายพันธมิตรฯก็ได้เวที "กระตุ้นเรตติ้ง" ยี่ห้อพรรคการเมืองใหม่ ที่กระแสออกตัวไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่คิด
บทสรุป พันธมิตรฯชิงพื้นที่ทางการเมืองกลับมาได้ระดับหนึ่ง
ตามจังหวะ "ตัดแต้ม" รัฐบาลประชาธิปัตย์ ขยายภาพ 2 มาตรฐาน
ปรากฏการณ์เห็นๆ เครือข่ายพันธมิตรฯ เดินหน้าชุมนุมเย้ย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน บุกถึงหน้าทำเนียบรัฐบาลตามที่ประกาศไว้ล่วงหน้า โดยไม่กลัวเสียงขู่ของ "เสธ.ไก่อู" พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ก่อนจะย้ายมาปักหลักอยู่ที่หน้าค่ายทหาร ค้างคืนหน้ากองทัพภาคที่ 1
โดยไม่มีอะไรถูกเนื้อต้องตัว
เทียบกับฉากที่กลุ่ม "วันอาทิตย์สีแดง" นำโดยสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด นัดสมาชิกผูกริบบิ้นแดงที่ราชประสงค์ รัฐบาลโดยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) สั่งการตำรวจระดมกำลัง หลายร้อยเฝ้า "ป้ายราชประสงค์"
ห้ามพูด ห้ามตะโกน ห้ามแตะต้องป้าย
ลากตัวคนกระทำการฝ่าฝืนไปคุมขัง จับปรับกันที่โรงพักทันทีทันควัน
เช่นเดียวกันกับคิวที่นักเรียนและนักศึกษาในจังหวัดเชียงราย 5 คน รวมตัวถือป้าย "เราเห็นคนตายที่ราชประสงค์" รณรงค์ให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
โดนหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สั่งดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ข้อหาชุมนุมหรือมั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย
ล็อกตัวเข้าสถานพินิจ ส่งหมอตรวจสุขภาพจิต
หรือกับแอ็กชั่นล่าสุด นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ลงทุนทำหนังสือถึงอัยการสูงสุด เพื่อขอให้เร่งพิจารณาสั่งคดีกับแกนนำและแนวร่วม นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ในคดีก่อการร้าย ให้ทันก่อนที่ครบกำหนดฝากขังนัดสุดท้ายของผู้ต้องหาบางรายในวันที่ 11 สิงหาคม
โดยไม่กลัวจะถูกมองเป็นการแทรกแซงการทำงานของอัยการ
ตามเกม เลยคำว่า "มาตรฐาน" ไปแล้ว.
เพื่อไทย
Monday, August 9, 2010
ตัดแต้มสองมาตรฐาน
ที่มา ไทยรัฐ