WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, August 14, 2010

"ความตายที่รอคำตอบของฟาบิโอ"

ที่มา มติชน



ภาพถ่ายหน้าศพฟาบิโอ โพเลนกี ในงานฌาปนกิจที่วัดคลองเตยใน, 24 พ.ค. 2553

อิซาเบลลา โพเลนกี

โดย เกษียร เตชะพีระ

รายงานพิเศษของ The Committee to Protect Journalists (CPJ-คณะกรรมการปกป้องนักข่าว-อันเป็นองค์การอิสระที่ไม่แสวงกำไรเพื่อส่งเสริมเสรีภาพหนังสือพิมพ์ทั่วโลกด้วยการปกป้องสิทธิของนักข่าวที่จะรายงานข่าวโดยไม่ต้องกลัวถูกเล่นงานตอบโต้) เรื่อง "In Thailand unrest, journalists under fire" (ในเหตุไม่สงบในประเทศไทย นักข่าวถูกยิงใส่-http://cpj.org/reports/ 2010/07/in-thailand-unrest-journalists-under-fire.php) เขียนโดย Shawn W. Crispin ผู้แทนอาวุโสของ CPJ ประจำเอเชียอาคเนย์และเผยแพร่เมื่อ 29 กรกฎาคม ศกนี้


ได้ระบุถึงกรณีสังหารฟาบิโอ โพเลนกี ว่า: -


ในกรณีการยิงโพเลนกี, การสอบสวนที่อึมครึม


การตายของฟาบิโอ โพเลนกี ช่างภาพชาวอิตาเลียน เป็นศูนย์รวมเรื่องเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฉบับต่างๆ ที่มาประชันขันแข่งกัน โพเลนกีวัย 48 ปีถูกฆ่าด้วยกระสุนปืนเช้าวันที่ 19 พฤษภาคม ศกนี้ระหว่างรายงานข่าวปฏิบัติการทางทหารเพื่อขับไล่ผู้ชุมนุมออกจากบริเวณถนนราชดำริอันเป็นเขตพื้นที่การชุมนุมประท้วงที่ซับซ้อนพิสดารซึ่ง นปช.ได้สร้างขึ้นในย่านการค้าสุดยอดของกรุงเทพฯ


แบรดลี คอกซ์ นักทำหนังสารคดีผู้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เล่าว่า เช้าวันนั้นก่อนเกิดเหตุทหารได้ยิงปืนประปรายจากด้านหลังเครื่องกีดขวางเข้าใส่พื้นที่ห่างออกไป 200 เมตรซึ่งอยู่ใต้การควบคุมของ นปช. คอกซ์บอกว่าทั้งเขากับโพเลนกีได้บันทึกภาพผู้ประท้วงคนหนึ่งถูกยิงที่ขาเวลาประมาณ 10.45 น.


เวลา 10.58 น. เมื่อรู้สึกว่าการยิงสงบลงพักหนึ่ง คอกซ์เล่าว่า เขาก็ออกจากบังเกอร์ที่ นปช.คุมอยู่ไปยังถนนที่เกือบโล่งร้างเพื่อสืบดูว่าความปั่นป่วนวุ่นวายในหมู่ผู้ประท้วงห่างไปราว 30-40 เมตรนั้นมันเรื่องอะไรกัน คอกซ์บอกว่าเขาเชื่อว่าโพเลนกีตามหลังเขาไปห่างกันไม่กี่ก้าว ขณะวิ่งไปตามถนน คอกซ์รู้สึกปวดแปลบด้านข้างของขา ปรากฏว่ากระสุนนัดหนึ่งเฉี่ยวหัวเข่าเขาบาดเจ็บเล็กน้อย เมื่อเขาหันกลับไปมองในทิศทางของกองทหาร เขาก็เห็นโพเลนกีแผ่หราอยู่กับพื้นข้างหลังเขา 2-3 เมตร ตอนนั้นโพเลนกีสวมหมวกกันน็อคสีฟ้าเขียนคำว่า "สื่อสิ่งพิมพ์" ทั้งหน้าหลังและติดปลอกแขนสีเขียวเพื่อบอกว่าเขาเป็นนักข่าวที่ปฏิบัติงานอยู่


"ตอนนั้นผมรู้สึกว่าเราถูกยิงพร้อมกันเป๊ะเลย บางทีอาจจะโดยกระสุนนัดเดียวกันด้วยซ้ำไป" คอกซ์กล่าว และเสริมว่า เขาไม่ได้ยินเสียงปืนหนึ่งหรือหลายนัดที่ยิงถูกเขาหรือโพเลนกี "ผมไม่รู้ว่าใครยิงผมหรือฟาบิโอ แต่ถ้าทหารกำลังพยายามยิงพวกเสื้อแดงละก็ มันไม่มีใครอยู่รอบตัวพวกเราเลยนี่ครับ ... ทหารกำลังยิงใส่สิ่งของหรือผู้คนแบบไม่เลือก"

ภาพวิดีโอที่คอกซ์ถ่ายเหตุการณ์บรรดานักข่าวและผู้ประท้วงช่วยกันหามร่างโพเลนกีออกจากถนนขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไปยังโรงพยาบาลแถวนั้นดูเหมือนจะแสดงให้เห็นว่ากระสุนเจาะเข้าตัวโพเลนกีทางใต้รักแร้ซ้ายและทะลุออกสีข้าง รายงานข่าวต่างๆ ระบุว่าเขาเสียชีวิตแล้วเมื่อไปถึงโรงพยาบาลในท้องที่ เจ้าหน้าที่ไม่ได้รายงานว่าพบหัวกระสุนใดๆ


ครอบครัวของโพเลนกีได้แสดงความห่วงกังวลที่รัฐบาลสนองตอบต่อการตายของเขาอย่างอึมครึม อิซาเบลลา โพเลนกี น้องสาวของเขาบอก CPJ ว่า ครอบครัวเธอได้ร้องขอรายงานชันสูตรพลิกศพทางการครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ยังไม่ได้รับ เธอกล่าวว่าตำรวจกับกระทรวงยุติธรรมบอกเล่าขัดกันว่าตำแหน่งบาดแผลของพี่ชายเธออยู่ตรงไหนแน่ ซึ่งเธอเองก็ไม่ทันได้เห็นร่างเขาก่อนฌาปณกิจ เธอยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าทรัพย์สินส่วนตัวของโพเลนกีหลายรายการรวมทั้งกล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์หายไป ความขัดแย้งและคลุมเครือทำนองนี้ทำให้เธอยิ่งหวั่นวิตกว่าโพเลนกีอาจถูกหมายหัวในฐานที่เป็นนักข่าวก็เป็นได้


เธอกับเพื่อนร่วมงานของโพเลนกีกลุ่มหนึ่งจึงร่วมกันปะติดปะต่อวิดีโอคลิปต่างๆ ที่บ้างก็ได้จากนักข่าวผู้อยู่บริเวณข้างเคียงกับโพเลนกีและบ้างก็ดาวน์โหลดจากแหล่งไม่ทราบชื่อบนอินเตอร์เน็ตเพื่อพัฒนาขึ้นเป็นลำดับเหตุการณ์การเคลื่อนไหวก่อนและหลังการยิง เท่าที่ทราบไม่มีฟิล์มภาพตัวเหตุการณ์การยิงนั้นเอง วิดีโอคลิปอันหนึ่งแสดงภาพชายสวมหมวกกันน็อคสีเงินที่ไม่รู้ว่าเป็นใครเข้าถึงตัวโพเลนกีหลังถูกยิงเป็นคนแรก ฟิล์มภาพสั้นๆ นั้นแสดงภาพเขาคลำไปรอบอกโพเลนกีและกระแทกเข้ากับกล้องถ่ายรูปของโพเลนกีอยู่ประเดี๋ยวหนึ่ง ขณะที่ชายสวมหมวกกันน็อคสีเหลืองที่ไม่รู้ว่าเป็นใครอีกคนคุกเข่าลงและถ่ายรูปโพเลนกีไว้


ฟิล์มภาพของคอกซ์ดูจะแสดงภาพชายคู่เดียวกันอยู่ในหมู่คนที่เคลื่อนย้ายร่างของโพเลนกีออกจากถนนไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ที่พาเขาไปโรงพยาบาล ภาพของชายสวมหมวกกันน็อคสีเงินถูกตีพิมพ์ทั้งในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐและมติชน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่รู้ว่าเขากับชายสวมหมวกกันน็อคอีกคนหนึ่งนั้นเป็นใครกันแน่ อิซาเบลลา โพเลนกี กล่าว


นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล ไม่ตอบคำถามจาก CPJ เกี่ยวกับการยิงโพเลนกี รวมทั้งคำกล่าวอ้างที่ว่าตอนนั้นทหารยิงไม่เลือกหน้า หรือรายละเอียดของกรณีการยิงรายอื่นๆ นายเสก วรรณเมธี อัครราชทูตของสถานทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ตอบข้อห่วงใยของ CPJ กว้างๆ ในจดหมายลงวันที่ 14 มิถุนายนว่า "รัฐบาลเสียใจที่เกิดการสูญเสียชีวิตและยึดมั่นที่จะสืบสวนกรณีการตายทั้งหลายอย่างเต็มที่และเที่ยงธรรม....."


ล่าสุด Shawn Crispin ยังได้รายงานความคืบหน้ากรณีนี้ไว้ในเว็บล็อกของ CPJ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ศกนี้ ภายใต้หัวข้อ "In Polenghi case, autopsy shared but more needed" (ในคดีโพเลนกี เผยผลชันสูตรพลิกศพแล้ว แต่ต้องทำมากกว่านี้)http://cpj.org/blog/2010/08/in-polenghi-case-autopsy-shared-but-more-needed.php ว่า: -


.....อย่างไรก็ตาม กว่าสองเดือนต่อมา (หลังการตายของฟาบิโอ) มันก็ไม่ปรากฏชัดว่าทางการไทยกำลังพยายามทำดีที่สุดเพื่อไขคดีนี้ให้กระจ่างและนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม


อิซาเบลลา โพเลนกี น้องสาวของเขา ได้แสดงความห่วงใยดังกล่าวนั้น ณ ที่แถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ (ที่ 30 กรกฎาคม ศกนี้) ณ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทยในกรุงเทพฯ ทาง CPJ เราได้ร่วมขึ้นเวทีเพื่อนำเสนอรายงานพิเศษเรื่อง "ในเหตุไม่สงบในประเทศไทย นักข่าวถูกยิงใส่" ซึ่งสืบสวนกรณีการตายและบาดเจ็บต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้กับนักข่าวในประเทศไทย รวมทั้งการยิงโพเลนกีจนเสียชีวิตด้วย


ในบรรดาข้อเสนอแนะต่างๆ ของเรา CPJ เรียกร้องให้รัฐบาลไทยร่วมมือกับผู้สืบสวนอิสระและเปิดเผยผลการชันสูตรพลิกศพทางการรวมทั้งหลักฐานเชิงนิติเวชอื่นๆ ปรากฏว่ารัฐบาลไม่ได้ตอบสนองผลการสืบสวนของเราอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด แม้ว่าดูเหมือนทางราชการจะรับฟังข้อเสนอแนะของ CPJ ประการหนึ่ง


ในวันพฤหัสบดี (ที่ 29 กรกฎาคม ศกนี้) อันเป็นวันเผยแพร่รายงานของ CPJ ข้างต้น ตำรวจกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้พบกับอิซาเบลลา โพเลนกี เป็นการส่วนตัวและนำผลการชันสูตรพลิกศพคดีพี่ชายของเธออย่างเป็นทางการให้เธอดูเป็นครั้งแรก ตำแหน่งบาดแผลที่แน่ชัดของโพเลนกีจะเป็นร่องรอยให้สืบเสาะได้ว่าเขาถูกยิงโดยทหารจากระดับพื้นถนนหรือโดยผู้ประท้วงที่อยู่บนตึกข้างเคียง


ในที่แถลงข่าว อิซาเบลลา โพเลนกี ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลการชันสูตรพลิกศพและเน้นว่าเป้าหมายของการพบปะกับทางเจ้าหน้าที่ซึ่งสถานทูตอิตาลีช่วยจัดให้นั้นก็เพื่อ "ร่วมด้วยช่วยกัน" และหาทางประกันให้มั่นใจว่าการสืบสวนของของทางการ "กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง" โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่สืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษถือการค้นหากล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์ของโพเลนกีที่หายไปคืนมาเป็นเรื่องสำคัญก่อนอื่นทั้งด้วยเหตุผลทางนิติเวชศาสตร์และทางอารมณ์ความรู้สึก


อิซาเบลลา โพเลนกี กล่าวว่า เธอเข้าใจว่าการสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ "อาจนานหลายปี" แต่ก็บอกว่าถ้าหากไม่มี "ความรุดหน้า" ใดๆ ในสองเดือนข้างหน้าแล้วเธอก็คงจะกลับมาเมืองไทยอีกเพื่อกดดันในเรื่องที่เธอห่วงใย


พรรคพวกเพื่อนฝูงของฟาบิโอซึ่งหลายคนเป็นนักข่าวชาวต่างชาติผู้มาหลงรักเมืองไทย อาศัยอยู่เป็นเหย้าและตั้งใจจะเอาเป็นเรือนตายเหมือนกัน ได้เล่าให้ฟังว่าพวกเขาพิศวงงงงันมากว่าเพราะเหตุใดก็ไม่รู้หน่วยราชการต่างๆ ไม่ว่าอำอวด, อีเอสไอ, หรืออ๋ออออ๋อ ต่างพากันยัวะเป็นฟืนเป็นไฟที่พวกเขาพยายามร่วมด้วยช่วยกันหาความกระจ่างเกี่ยวกับสภาพการณ์การตายของฟาบิโอ โดยเฉพาะเรื่องที่ว่าใครเป็นคนเอาการ์ดบันทึกข้อมูล (memory card) และกล้องถ่ายรูปของฟาบิโอไป รวมทั้งช่วยกันจัดแถลงข่าวให้อิซาเบลลา น้องสาวของฟาบิโอ


แล้วจู่ๆ เพื่อนชาวอเมริกันที่นำภาพวิดีโอที่เขาถ่ายไว้ตอนฟาบิโอตายมาเปิดเผยก็ถูกดำเนินการขับไล่ออกจากประเทศและข้างภรรยาที่เป็นคนไทยของเพื่อนคนนั้นก็ถูกคุมตัวด้วยอำนาจพิเศษ, โทรศัพท์บางเบอร์ที่เพื่อนๆ ของฟาบิโอใช้ติดต่อประสานงานกันก็ชักมีอาการรบกวนแปลกๆ, เวลาพวกเขาไปไหนมาไหนก็มีคนหน้าตาบ้องแบ๊วคอยติดตามยังกับนิยายสืบสวนสอบสวน.....


นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, รัฐมนตรีองอาจ คล้ามไพบูลย์, อธิบดีธาริต เพ็งดิษฐ์, โฆษกปณิธาน วัฒนายากร, ผู้การสรรเสริญ แก้วกำเนิด-ไม่แปลกหรือครับที่หน่วยงานราชการซึ่งทำหน้าที่รับผิดชอบสืบสวนสอบสวนหาความจริงทุกกรณีการตายที่เกิดขึ้นช่วงเหตุการณ์เมษา-พฤษภาอำมหิตที่ผ่านมา-ทั้งการตายของฟาบิโอและคนไทยกับชาวต่างชาติอื่นๆ อีก 90 คน-ดูเหมือนจะพยายามนานัปการที่จะไม่ให้คนอื่นเขาทำความจริงให้ปรากฏต่อสาธารณะ?


พวกคุณกลัวอะไรหรือครับ?