WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, December 13, 2007

มติสุดอัปยศ! รุมจวกยับอ้างม.309

สุดอัปยศ! กกต. ประกาศ “ยกคำร้องอุ้ม คมช.พ้นผิดกรณี เอกสารลับอ้างไม่พบการกระทำที่เกิดความเสียหายต่อพรรคพลังประชาชน และไม่มีการขออนุมัติงบประมาณดำเนินการเรื่องดังกล่าว ผลการพิจารณาสร้างความกังขาสุดสุด ระบุการอ้าง ม.309 ในการยกเว้นเอาผิดก็ชี้ชัดว่าการกระทำความผิดเกิดขึ้นแล้ว แถมมีการรับเรื่องไปพิจารณาตามกระบวนการ ต้องชี้ถูก-ผิดเท่านั้น ด้านพปช.ขอดูเอกสารยืนยันการยกเลิกคำสั่ง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและเรียกความเชื่อมั่นคืนมาให้ กกต.


ในที่สุดการชี้ขาดกรณี เอกสารลับ คมช.ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ซื้อเวลามานานก็ได้ข้อสรุปที่เป็นไปตามความกังวลของหลายฝ่ายที่มีมาก่อนหน้านี้ว่า จะเป็นการหาทางออกให้กับคณะมนตรีวามมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดย กกต. ทั้ง 5 คน มีมติยกคำร้องของสมันธ์ประชาธิปไตย ที่ร้องว่า คมช. วางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง อันเนื่องมาจากเนื้อหาในเอกสารลับดังกล่าว มีข้อความระบุถึงการสกัดกั้นพรรคพลังประชาชนอย่างชัดแจ้ง

รวมทั้งมีการกำหนดกิจกรรมเป็นขั้นเป็นตอน มีการระบุถึง การชี้นำแกมบังคับเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจไม่เลือกพรรคการเมืองบางพรรค และตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการ


โดยที่มติของ กกต. ที่มีออกมาในวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมานั้น ได้กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง และนำมาซึ่งความเคลือบแคลงสงสัยในความเที่ยงตรงของ กกต. และกังวลต่อเนื่องไปถึงการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยมี กกต. เป็นผู้ดูแลความเรียบร้อย


ในการประชุมของ กกต.ดังกล่าว ได้ใช้เวลานานประมาณ 1 ชั่วโมง และในที่สุดก็มีมติ 4 ต่อ 1 ให้ยกคำร้อง แต่อย่างไรก็ดีเสียงส่วนน้อยที่เป็นของ นางสดศรี สัตยธรรม นั้น ก็ไม่ใช่เป็นการเห็นตรงกันข้าม เพียงแต่ระบุความเห็นว่า กกต. ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบ คมช. ซึ่งนัยหนึ่งก็คือเป็นการที่ กกต. ทั้ง 5 คนมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ กกต. พ้นจากการรับผิดชอบการวางตัวไม่เป็นกลาง


นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวถึงการออกเสียงของนางสดศรี เป็นการให้ความเห็นว่าว่าา กกต. ไม่มีอำนาจที่จะเข้าไปตรวจสอบการทำงานของ คมช. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 ซึ่งเป็นการกระทำที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย


ส่วนอีก 4 เสียงของคณะกรรมการเห็นว่า กกต. มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบได้ แต่ก็เห็นว่าให้มีการยกคำร้องที่ทางสมาพันธ์ประชาธิปไตยยื่นฟ้องร้องต่อ กกต. เนื่องจากเห็นว่าไม่มีการกระทำใดๆ ของ คมช. ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรคพลังประชาชน และไม่พบการขออนุมัติงบประมาณเพื่อทำการปฏิบัติตามเอกสาร


ทั้งนี้ กกต. จะไม่สอบสวนประเด็นเอกสารจิรง เอกสารปลอม อีกแล้ว และจะไม่ตรวจสอบว่ามีฝ่ายใดผิดหรือไม่ผิด ส่วนในเรื่องของการยกเลิกคำสั่งของ คมช. ไปยังหน่วยงานทหารใต้บังคับบัญชานั้น กกต. ได้ให้ตัวแทน คมช. ลงลายมือชื่อรับรองในบันทึกถ้อยคำที่ได้มาให้คำชี้แจงเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ที่ผ่านมา


เมื่อถามถึงการนำผลการสอบสวนของคณะกรรมการชุดที่มี นายสุพล ยุติธาดา เป็นประธาน มาประกอบการตัดสินใจหรือไม่น้น นายอภิชาต กล่าวว่ากรรมการชุดนายสุพล เป็นเพียงแต่ช่วยเข้าไปสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงให้ และมีการลงมติเสนอมายัง กกต. เท่านั้น


พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่มีการกดดันจาก คมช. แต่อย่างใด


ขณะที่ทางด้าน คมช. ก็รีบออกมารับลูกยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซงการทำงานของ กกต.


พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการคมช. ระบุว่า ยินดีที่ได้รับทราบผลการวินิจฉัยยกคำร้องกรณีเอกสารลับ โดยยืนยันไม่มีการล็อบบี้ กกต. เรื่องนี้จะต้องให้เกียรติ กกต.ด้วย


ส่วนการฟ้องกลับน้นจะมีการหารือกับสมาชิก คมช.ว่าจะดำเนินการหรือไม่ อย่างไรโดยจะต้องหารือร่วมกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงด้วย ในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งประธาน คมช.ในเวลานั้น


พร้อมทั้งยืนยันว่า จากนี้ไป คมช.จะวางบทบาทตามปกติต่อการเลือกตั้ง และจะไม่มีการใช้แนวทางอื่นอีก


ขณะที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. กล่าวว่ารู้สึกพอใจมติ กกต. พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมา คมช.ทำไปตามอำนาจหน้าที่ ด้วยความตั้งใจดี และไม่เคยมีปัญหากับใคร พร้อมย้ำว่าไม่เคยมีการดำเนินการตามเอกสารดังกล่าว


ส่วนที่ คมช.ยังไม่ฟ้องร้องนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารราชการในขณะนี้ เพราะ คมช. เล็งเห็นแล้วว่า พรรคพลังประชาชนมองคมช.เหมือนศัตรู หากดำเนินการใดๆ ในขณะนี้เกรงจะถูกกล่าวหาว่ากลั่นแกล้ง ซึ่งหลังเลือกตั้งก็ยังไม่สายที่คมช.จะดำเนินการฟ้องร้อง


ขณะที่ทันทีที่ กกต. มีมติออกมาดังกล่าว ก็ได้เกิดเป็นประเด็นวพากษ์วิจารณ์ว่าเหมือนกับ กกต. ไม่ให้เกียรติและไม่ให้ความสำคัญกับมติของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนเลย ทั้งที่มีการดำเนนการเป็นขั้นเป็นตอนครบถ้วย และอาศัยหลักการทางกฎหมายอย่างชัดแจ้ง อีกท้งคณะกรรมการทั้งหมดยังล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสิ้น


ทั้งยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเสมือนเป็นการหลอกใช้คณะผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าว เป็นการฟอกความผิดให้กับ คมช.


นายสุพล ยุติธาดา ประธานคณะกรรมการสอบสวนกรณีเอกสารลับ กล่าวในครั้งแรกที่ได้ทราบผลการพิจารณาของ กกต. เพียงสั้นๆ ว่า ไม่อยากจะพูดเลย


แต่ในโอกาสต่อมานายสุพล ก็ใมห้สัมภาษณ์อีกครั้ง โดยระบุว่า ไม่มีความเห็นใดๆ ต่อข้อสรุปของ กกต. เพราะกรรมการชุดตนนั้นเป็นเพียงคณะกรรมการที่แค่มาช่วยสอบสวนข้อเท็จจริงให้ โดย กกต. เป็นผู้แต่งตั้งขึ้นมา


หลังจากที่คณะกรรมการสอบสวนได้เสนอรายงานสรุปมติเรื่องเอกสารลับยื่นต่อ กกต. แล้ว ถือว่าหมดหน้าที่ และเมื่อเสนอไปแล้ว กกต. ไม่เห็นว่าเป็นไปตามที่เสนอก็ไม่ว่าอะไร พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่น้อยใจที่ กกต. เห็นว่าคณะกรรมการชุดตนไม่มีหน้าที่มาช่วยตัดสิน เพียงมาช่วยทำงานเฉยๆ


ด้านนายกำชัย จงจักรพันธ์ หนึ่งในกรรมการชุดสอบสวนเอกสารลับ กล่าวว่ายังไม่ทราบถ้อยคำวินิจฉัยของ กกต. เป็นลายลักษณ์อักษร เพียงแต่ทราบข่าวจากสื่อมวลชน จึงไม่อาจจะให้ความเห็นใดๆ ในเรื่องนี้ได้ แต่ก็ยังเชื่อว่า กกต. ใช้ดุลยพินิจที่เหมาะสมแล้ว ต้องเคารพคำตัดสินของ กกต. ไม่ว่าทาง กกต. จะใช้เหตุผลใดมาประกอบอ้างให้มีการยกคำร้องกรณีนี้ก็ตาม


ขณะที่ทางด้านพรรคพลังประชาชนที่เนื้อหาในเอกสารลับมีการพาดพิงถึง และยังถูก คมช. จ้องจะเล่นงานกล่าวหาปลอมแปลงเอกสาร ต่างก็ออกมาให้ความเห็นถึงประเด็นดังกล่าว ภายหลัง กกต. มีมติยกคำร้อง ที่มีผู้ร้องเรียน คมช. ดังกล่าว


นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวว่ามติที่อกมาตนเองยอมรับได้ เพราะเขาเป็นผู้มีอำนาจ แต่ต่อไปขอให้การทำหน้าที่อยู่ในกรอบ อย่าให้เกิดความกระทบกระเทือนกับพรรคการเมือง และผลที่ออกมาพรรคพลังประชาชนจะไม่รื้อฟื้น เราพอใจแล้ว พรรคพลังประชาชนกลัวจะตาย กลัวจริงๆ ฝากสื่อไปบอกผู้มีอำนาจได้เลยว่าเรากลัวจริงๆ


ด้านนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ลำพังเพียงเอกสารลับที่มีการส่งไปตามหน่วยงานราชการต่างๆ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า อาจจะมีการวางตัวไม่เป็นกลางของข้าราการ และเป็นคำสั่งที่ก่อให้เกิดการปฎิบัติ อย่างนี้ก็ถือว่ามีการสั่งการแล้ว ซึ่งการสั่งการเช่นนี้ก็ยังมีอยู่จนปัจจุบัน โดยไม่มีหลักฐานใดๆ ที่แสดงว่ามีการออกหนังสือยกเลิกเอกสารเดิม ดังนั้นกกต.มั่นใจได้อย่างไรว่า การกระทำเหล่านี้ไม่เข้าข่ายความผิด


ทั้งนี้หาก กกต.มีหลักฐานที่เป็นเอกสารว่ามีการยกเลิกคำสั่งในเอกสารลับจริง ก็ควรที่จะเปิดเผยให้สาธารณะชนได้รับรู้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความคลางแคลงใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกกต.อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หวังว่ากกต.ซึ่งเป็นผู้กุมบังเหียนการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์จะได้ทำหน้าที่ให้สมกับที่ประชาชนไว้วางใจ และประชาคมโลกเฝ้ามอง


นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชาชน มีความเห็นในทำนองเดียวกันว่าครั้งนี้ก็เห็นแล้วว่าการกระทำในอนาคตไม่ต้องรับผิด นอกจากนี้ กกต.ไม่ได้วินิจฉัยเรื่องนี้ตามรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อเห็นการกระทำใดๆ ไม่เป็นกลาง ทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ กกต.มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่ต้องสั่งระงับ หรือโยกย้ายเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวได้


ที่อ้างว่าได้มีการระงับการกระทำดังกล่าวไปแล้วนั้น เรามีข้อสังเกตว่าแผนปฏิบัติการในเอกสารลับเริ่มตั้งแต่ 14 กันยายน ก่อนมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งในวันที่ 25 ตุลาคม จึงสงสัยว่า ระหว่างนี้มีการกระทำแล้วหรือยัง กกต.พิสูจน์ได้อย่างไร บางคำสั่งไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณ คำสั่งระงับอย่างเป็นทางการก็ยังไม่เห็น สิ่งที่ กกต.ชี้ขาดไปน่าจะวิจารณ์ได้ว่าบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่


ด้าน พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ คมช.ขู่ว่าจะฟ้องกลับเรื่องเอกสารลับว่า เรื่องเอกสารลับนั้นเมื่อมติ กกต.ออกมาเสียงส่วนใหญ่บอกวางตัวไม่เป็นกลาง นายสมัครก็ไม่ได้ติดใจอะไร ทางพรรคก็ไม่ได้ติดใจที่จะดำเนินคดีอะไร ส่วนตัวขอเรียกร้องให้ยุติการต่อความยาวสาวความยืดดีกว่า แต่ถ้าจะมีการฟ้องร้องกัน ก็ขอนำคดีสู่ศาลโลก เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ภายใต้การปฏิวัติ เอาไปสู่ศาลโลกไปเลย จะได้หมดเรื่องหมดราว


ส่วนนายแพทย์เหวง โตจิราการ กรรมการสมาพันธ์ประชาธิปไตย ในฐานะผู้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวต่อ กกต. กล่าวว่า อย่างไรก็ตามก็เคารพในมติของ กกต. แต่หากมองในฐานะประชาชนทั่วไปและในฐานะคนไทยคนหนึ่งว่าเพียงแค่มีเอกสารแสดงเจตนาก็น่าจะมีความชัดเจนแล้ว รวมทั้งการอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 309 ที่เป็นการยกเว้นการเอาผิด ก็หมายถึงว่าได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวก็ไม่น่าจะถูกต้องและน่าจะมีความผิด


ทางด้านนายจรัญ ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะเมื่อ กกต.รับเรื่องร้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเอกสารลับฉบับดังกล่าวแล้ว แสดงว่าคำร้องนั้นมันมีมูลแล้ว แล้วจะมายกคำร้องง่ายๆได้อย่างไร


การที่ กกต. สั่งยกคำร้องเช่นนี้ ย่อมเกิดผลลัพท์ที่ดีกับคมช. โดยทางคมช. จะไม่ต้องรับผิด หรือรับโทษอะไรเลย เมื่อถามว่า กกต. มีเจตนาช่วย คมช. หรือไม่นั้น คงต้องพิจารณาที่เจตนาให้ละเอียดอีกทีหนึ่ง และตนเองจะจับตาเรื่องนี้ต่อไป


อนึ่ง มีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่าเมื่อมีการนำเรื่องเอกสารลับเข้าสู่กระบวนการพิจารณาไปแล้ว จึงพ้นจากขั้นตอนการยกคำร้อง ขั้นตอนจะต้องเป็นการชี้ว่ามีความผิดอย่างไร หรือไม่เท่านั้น


ทั้งยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยว่าการพิจารณาของ กกต.ชุดใหญ่ ที่ไม่ได้อาศัยข้อมูลของกรรมการสืบสวนสอบสวน ใช้หลักฐานหรือข้อมูลในการพิจารณาน้อยมาก และตัดสินจากคำบอกเล่าและคำยืนยันเพียงวาจาของ คมช. เท่านั้น ไม่มีการตรวจสอบเรื่องที่น่าสงสัยอีกหลายประเด็น อย่างเช่น โครงการประชาธิปไตยสีขาว ของ คมช. ที่มีสาระสำคัญสอดคล้องกับเนื้อหาในเอกสารลับ ก็ไม่มีการนำมาพิจารณา


(ประชาทรรศน์รายสัปดาห์)






จาก http://www.prachatouch.com/