ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ่ายวานนี้ (14 ธ.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) ไปยื่นหนังสือถึงพรรคพลังประชาชนเพื่อเชิญนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค ไปร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ ที่ห้องประชุมบ้านมนังคศิลา จากนั้นเดินทางไปที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อยื่นหนังสือเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ไปร่วมดีเบตในเวทีดังกล่าว นายสมชัยกล่าวว่า อยากเรียกร้องให้พรรคพลังประชาชนเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชน โดยการให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไปร่วมแสดงวิสัยทัศน์ หากนายสมัครไม่ไปร่วมดีเบต ตนจะนำลูกชมพู่ใส่พานไปตั้งบนเวทีแทน สำหรับการเลือกตั้งล่วงหน้านั้น ส่วนตัวมีความเป็นห่วงในหลายจุด เช่น เรื่องการขนคนไปลงคะแนนเลือกตั้ง เพราะทราบมาว่าขณะนี้มีพรรคการเมืองต่างๆจ่ายเงินค่าจ้างให้กับวินรถตู้และรถประจำทาง เพื่อให้ประชาชนเดินทางไปลงคะแนน พปช.ส่งมวยแทนขึ้นชกแทน ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชนแถลงว่า พรรคให้ความสำคัญกับการแสดงวิสัยทัศน์ ยืนยันว่าจะส่งตัวแทนไปร่วมกับพีเน็ต เบื้องต้นจะส่งนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจเป็นตัวแทนพูดนโยบายด้านเศรษฐกิจ และผู้บริหารพรรคจะหารือกันว่าจะส่งใครเป็นตัวแทนนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค ซึ่งมีภารกิจมากในช่วงโค้งสุดท้าย โดยอาจจะให้นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรค หรือ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 6 ไปแทน “เฉลิม” ขายไอเดียตั้งเพิ่ม 3 ศาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่า หากพรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาลจะเสนอแนวทางแก้ไขปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมด้วยการจัดตั้งศาลเพิ่มขึ้น 3 ศาลคือ 1. ศาลจราจรในพื้นที่ กทม. และจังหวัดใหญ่ เพราะที่ผ่านมาตำรวจสามารถเปรียบเทียบปรับได้เอง ทำให้เกิดความขัดแย้งกับประชาชนมาโดยตลอด หากตั้งศาลจราจรขึ้น ตำรวจจะทำหน้าที่เพียงเขียนใบสั่ง และยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลจราจรเท่านั้น 2. ศาลกลางคืน เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น. เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ไม่มีเวลาไปศาลในช่วงเวลาปกติ แต่จะให้บริการเฉพาะคดีเล็กน้อยเท่านั้น 3. ศาลเคลื่อนที่ ให้บริการประชาชนในคดีเล็กน้อย เคลื่อนที่ไปให้บริการตามจุดต่างๆ ตอกกลับ ปชป.เด็กเลี้ยงแกะ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคพลังประชาชนแถลงว่า พรรคพลังประชาชนเป็นห่วงการเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 15-16 ธ.ค. ที่มียอดผู้ลงทะเบียนถึง 2 ล้านคน แม้เราเชื่อในความ เป็นกลางของ กกต.ทั้ง 5 คน แต่ไม่มั่นใจความเป็นกลางของ กกต.จังหวัด อาจจะมีจุดโหว่อะไรเกิดขึ้น จึงอยากขอให้เปิดโอกาสให้มีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าไปดูแลการเปิด-ปิดหีบ นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้หน่วยงานรัฐ เร่งตรวจสอบกรณีการขนเงินเข้าประเทศมากผิดปกติว่า กรณีดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบอยู่แล้วว่านำเงินมาทำอะไร พรรคประชาธิปัตย์อย่าพยายามพูดคลุมเครือเพื่อหวังผลการเลือกตั้งด้วยการดิสเครดิต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เหมือนที่ก่อนหน้านี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ามีการขนเงินหมื่นล้านบาทเข้ามาทุ่มการเลือกตั้ง ขอยืนยันอีกครั้งว่าเรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณเลย ในช่วงโค้งสุดท้ายอยากให้ยุติการสาดโคลนและสร้างเรื่องแบบเด็กเลี้ยงแกะ ขอให้เอานโยบายมาเสนอแข่งกันดีกว่า “ยงยุทธ” เจอทหาร-ตร.ตั้งด่านสกัด ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงรายว่า ช่วงสายวันเดียว กันนี้ ระหว่างที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช และ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เดินทางไปตามถนนสายแม่จัน-เชียงแสน เพื่อช่วยผู้สมัครส.ส.เชียงราย เขต 3 ปราศรัยหาเสียงที่สนามกีฬาโรงเรียนบ้านจันจว้าวิทยาคม ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย ได้พบกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารพราน และ ตชด.กว่า 20 นาย ถืออาวุธสงครามยืนเรียงรายสองฟากถนน ตั้งจุดตรวจสกัดบนถนนหน้าร้านวีดิโอจันจว้า ใกล้กับโรงเรียนบ้านจันจว้า ปิดสกัดไม่ให้ขบวนรถผ่านไป นายยงยุทธจึงลงจากรถเดินเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนอยู่ โดย พ.ต.อ.เอกพงษ์ อมรมุณีพงศ์ ผกก.สภ.แม่จัน ชี้แจงว่าทำงานตาม คำสั่งของผู้บังคับบัญชาระดับสูง หลังจากเจรจากันด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียดนานกว่า 30 นาที ตำรวจและทหาร จึงยอมเปิดทางให้ขบวนของนายยงยุทธผ่านไปที่เวทีปราศรัย โวยจ้องเตะตัดขา นายยงยุทธกล่าวว่า ก่อนการปราศรัยครั้งนี้ได้ ประสานไปยังผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทหารและตำรวจไปแล้ว แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่านโยบายกับวิธีปฏิบัติที่สวนทางกัน การให้ทหารและตำรวจถือปืนจำนวนมากตั้งด่านตรวจอยู่ตามท้องถนนถือว่าไม่เหมาะสม ชาวบ้านและเด็กๆผ่านไปผ่านมาจะว่าอย่างไร นอกจากนี้ยังเอากำลังไปปิดถนนบริเวณหน้าเทศบาลจันจว้า คล้ายกับมีวัตถุประสงค์ต้องการสกัดไม่ให้ประชาชนไปฟังการปราศรัย ประเทศประชาธิปไตยไม่ทำกันอย่างนี้ ทีภาคใต้มีปัญหาความไม่สงบ ทำไมไม่ส่งกำลังลงไปดูแลให้เรียบร้อย ส่วนตัวไม่โทษเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติ แต่ขอฝากให้แจ้งผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้ยุติการปฏิบัติดังกล่าว “อภิสิทธิ์” ตามจิกท้า “สมัคร” ดีเบต ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่พีเน็ตเชิญหัวหน้าพรรคการเมืองไปดีเบตในวันที่ 20 ธ.ค.ว่า ขอยืนยันว่าพร้อมที่จะไปขึ้นเวทีกับนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เพราะผู้ที่อาสาเป็นผู้นำประเทศ ต้องพร้อมที่จะเผชิญหน้าทางความคิด วิธีนี้เท่านั้นจะทำให้เป็นประชาธิปไตย แต่ทราบว่านายสมัครไม่อยากขึ้นเวที เพราะไม่ต้องการพูดถึงสาระเกี่ยวกับอนาคตของประเทศชาติ และต้องการเบี่ยงเบนให้เป็นประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง ทั้งนี้ ประเด็นที่ผู้อาสาตัวเป็นผู้นำประเทศจะต้องพูดแลกเปลี่ยนความเห็นกันมีดังนี้ 1. ต้องพร้อมให้ตรวจสอบประวัติการ ทำงาน ความซื่อสัตย์สุจริต 2. จะสามารถนำพาบ้านเมืองในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจได้หรือไม่ 3. ต้องพิสูจน์ว่าใครเป็นผู้นำประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะนายสมัครและพรรคพลังประชาชนโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ว่าไปสมรู้ ร่วมคิดหรือได้ประโยชน์จากการปฏิวัติ ดังนั้น อยากให้นายสมัครมาเผชิญหน้าว่า ที่ผ่านมาระหว่างเรา 2 คน ใครบ้างเคยได้ดิบได้ดีจากเผด็จการ 4. ต้องพิสูจน์ว่าใครจะสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในบ้านเมืองได้ ทั้งหมดนี้เป็นสาระของการเลือกตั้งที่อยากให้ประชาชนพิสูจน์ว่าตนกับนายสมัครใครพร้อมจะที่ตอบโจทย์เหล่านี้ แขวะเจ็บมวยรุ่นใหญ่กลัวมวยรุ่นเล็ก ต่อข้อถามว่าหวังจะให้การดีเบตครั้งนี้เป็นไม้ตายสุดท้ายในการหาเสียงใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า คงไม่ไปหวังเรื่องคะแนนเสียง เพราะไม่มีใครบังคับนายสมัครได้ แต่เชื่อว่าประชาชนจะตัดสินใจบนคำถาม 4 ประเด็นดังกล่าว เมื่อถามว่านายสมัครเปรียบตัวเองเป็นมวยรุ่นเฮฟวีเวท แต่นายอภิสิทธิ์เป็นมวยรุ่นไลต์เวท นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ผมเพิ่งเคยเห็นว่ามวยรุ่นเฮฟวีเวทกลัวมวยรุ่นไลต์เวท” |