กรณีปัญหา “เอกสารลับ” ยังคงไม่คลายปม
ทั้งที่ควรจะคลี่คลายไปในทิศทางที่มีความชัดเจนในคำตัดสิน ตั้งแต่กรรมการสืบสวนสอบสวนเอกสารลับ คมช. ที่มี สุพล ยุติธาดา อดีตอธิบดีอัยการและอัยการอาวุโส นั่งแท่นเป็นประธานคุมการสืบสวนสอบสวนด้วยตัวเอง
รายงานจากกรรมการชุดนี้สรุปผลเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน มีมติ 4:3 ระบุส่อเป็นการก้าวล่วงการเลือกตั้ง เข้าข่ายผิดกฎหมายชัดเจน
ด้วยกระบวนการพิจารณาเหลือแค่รอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหญ่ ที่มี อภิชาต สุขัคคานนท์ เป็นประธานตัดสิน ก็จะได้รู้กันเสียที
แต่จนแล้วจนรอด จนถึงนาทีนี้ กกต. ชุดใหญ่ ยังใช้วิธีบิดกระบวนท่า เสมือนจะยื้อเวลาเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในผลของการตัดสิน–เช่นนั้นหรือ?
และที่ปฏิเสธไม่ได้ถึงสิ่งที่ประชาชนมองกลับมาที่การทำงานของ กกต. ที่ดูเหมือนจะเป็นการหยั่งขาหาทางลงให้กับ คมช. เสียเอง จนสถานการณ์พลิกกลับมาซัด “พรรคพลังประชาชน” แทน
หรือ กกต. กำลังพายเรือวนในอ่างน้ำ ที่หลงประเด็นพิสูจน์เพียงแค่เอกสารจริง–เอกสารปลอม จนหลงลืมในส่วนที่เป็นสาระสำคัญจริงๆ
เพราะหากจะมองการทำหน้าที่ของส่วนราชการใดราชการหนึ่ง หากเพียงแค่ระบุเพียง “พรรคการเมืองหนึ่ง” ย่อมถือว่าผิด และเลือกปฏิบัติอย่างแก้ตัวไม่ขึ้น
ไม่น่าเชื่อ กกต. จะหลงประเด็น แต่น่าคิดว่า กกต. กำลังหลอกประชาชน คนที่เฝ้าจับตามองให้หลงประเด็นต่างหาก
ในวันที่ 11 ธันวาคม ที่ผ่านมา กกต. ประกาศออกสื่อโครมๆ เป็นนัยว่า ทุกอย่างจะเกิดความกระจ่างชัด จากที่ปัดเลื่อนการตัดสินมาตั้งแต่ก่อนเดือนพฤศจิกายน จนมาถึงวันที่ 4 ธันวาคม และ 11 ธันวาคม จนมาถึงวันนี้ 12 ธันวาคม
หากจะพิจารณาเหตุแห่งการเลื่อนพิจารณาตัดสินครั้งแล้วครั้งเล่า ดูจะไม่มีเหตุผลสำคัญอะไรเลย นอกเสียจากการรอให้ คมช. นำเอกสารลับที่อ้างว่าเป็น “ตัวจริง” มาให้ดู และชี้แจงอีกครั้ง
เป็นประเด็นที่ กกต. พยายามจะทำให้เกิดความงุนงง สับสน หลงไปอย่างไม่มีทิศมีทาง
และหากเอกสารตัวจริงของ คมช. เหมือนกับสำเนาที่ส่งมาให้พิจารณาก่อนหน้านี้แล้ว ถามว่า จะเกิดประโยชน์เช่นไร
เป็นการยืนยันด้วยความสรุปว่า ของใครจริง ของใครปลอม เช่นนั้นหรือ?
การที่จะทำสำเนาปลอมขึ้นมา 1 ชุด ก็ต้องทำต้นขั้วปลอมขึ้นมาก่อน 1 ชุด แล้วเช่นนั้นหรือ? คือสาระสำคัญที่ กกต. จะนำมาตัดสินชี้ถูกชี้ผิด
ทั้งที่สาระสำคัญคือ ประเด็นของการแทรกแซงการเลือกตั้ง ได้เกิดขึ้นจริงจากฝ่ายทหารเผด็จการที่เข้ายึดอำนาจ
นั่นต่างหากล่ะ ที่คนในสังคมกำลังเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด ว่ามันได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่องค์กรที่ประกาศวางตัวเป็นกลางทางการเมือง
ยิ่งได้เห็น พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหมและเลขาธิการ คมช. และ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. หอบเอกสารต้นขั้วเพื่อยืนยันความเป็นเอกสารตัวจริง ให้ กกต. ได้ประจักษ์แก่สายตา เพียงไม่กี่นาที ก็ยิ่งดูไม่มีสาระสำคัญ
ยิ่งได้เห็นถ้อยคำของ อภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ที่ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อภายหลังว่า
“เท่าที่ดูด้วยตา ผมได้เปรียบเทียบเอกสารลับต้นฉบับของ คมช. กับสำเนาที่ปรากฏตามสื่อที่ระบุว่า เป็นเอกสารของ คมช. ก็ตรงกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังไม่ได้เปรียบเทียบกับเอกสารของพรรคพลังประชาชน”
ขณะที่เอกสารยกเลิกคำสั่งในเอกสารลับนั้น กลับยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องดูของจริง
ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการทำงานของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน ที่ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 7 คน เริ่มกระบวนการสืบสวนสอบสวนจากผู้เสียหาย ผู้ร้องเรียน สื่อมวลชน ทั้งยังเปิดโอกาสให้ คมช. ชี้แจงและแสดงเอกสารจากทุกฝ่าย
มีการประมวลข้อมูล โดยใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้ง จนที่สุดมีมติออกไปแล้วนั้น
ถามว่า กกต. จะให้น้ำหนักกับ 2 กระบวนการนี้ที่เกิดขึ้น โดยคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน หรือตัวเอง มากน้อยแค่ไหน
การเข้าพบเพื่อชี้แจง ของ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล และ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม มีประเด็นใดที่จะนำมาหักล้างจากที่คณะกรรมการมีมติไปก่อนหน้านั้นหรือไม่? ความผิดถูกเกิดขึ้นตรงไหน? อย่างไร?
นั่นคือสิ่งที่ กกต. ต้องย้อนคิดให้จงหนัก และมีคำอธิบายในรายละเอียดที่ชัดเจน เพื่อตอบให้สังคมได้รับรู้ในสิ่งที่คลุมเครือมานานสักที
ให้สมกับที่ กกต. เป็นองค์กรอิสระที่ “สุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม” ด้วยการทำความชัดเจนอย่างตรงไปตรงมาให้มากที่สุด
อย่าให้ประชาชนต้องรู้สึกเคลือบแคลง หวาดระแวง สงสัยเช่นนี้อีกเลย
ยิ่งในช่วงที่บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ กำลังจะมีการเลือกตั้งที่เป็นความหวังสุดท้ายของอำนาจแห่งอธิปไตยอย่างแท้จริง
หากความน่าเชื่อถือของ กกต. ถูกลดทอนจากประชาชนด้วยกรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นเช่นนี้แล้ว จะยังคงให้เกิดความศรัทธาต่อองค์กรนี้ต่อไปได้อย่างไร
เพราะนั่นอาจส่งผลกระทบไปถึง มติของ กกต. ที่จะดาหน้าออกมาภายหลังการเลือกตั้งที่ได้เกิดขึ้นแล้ว แต่จะไม่สามารถทำให้ประชาชนยอมรับได้ว่า มันจะเกิดจากความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ภายใต้ชื่อการตัดสินของ กกต. อีกต่อไป