หลังจากชักเข้าชักออกจนยืดเยื้อมาเป็นเดือน วันนี้ (11ธ.ค.) คณะกรรมการกกต.ชุดใหญ่ก็จะได้ฤกษ์ตัดสินกรณีเอกสารลับคมช. ตามแผนสกัดพรรคพลังประชาชน
เป็นเผือกร้อนๆที่ กกต.ต้องรับเอาไว้ เต็มเปา
บทสรุปของเรื่องนี้ก็มีทางออก 4 ประตู
1, เห็นชอบตามผลสรุปของอนุกรรมการสอบสวน ที่ชี้ว่า คมช.วางตัวไม่เป็นกลาง ทางการเมือง
2, เห็นชอบตามผลสรุปของอนุกรรมการสอบสวน แต่ คมช.ไม่มีความผิด เนื่องจาก มีบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญให้การคุ้มครอง
3, ไม่เห็นชอบตามผลสรุปของอนุกรรมการสอบสวน เพราะเป็นอำนาจโดยตรงของ คมช. ที่จะดำเนินการใดๆเพื่อรักษาความมั่นคง ของชาติโดยรวม
4, ยื่นเรื่องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กกต.มีอำนาจสอบสวนเอกสารลับ ของ คมช.หรือไม่? เพื่อให้เกิดความชัดเจน
ส่วนปัญหาเอกสารจริง หรือเอกสาร ปลอมไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
เพราะ กกต.มีเอกสารลับที่ส่งจากพรรค พลังประชาชน และเอกสารลับฉบับที่ส่งจาก คมช. อยู่แล้วในมือ ซึ่งเอกสารทั้ง 2 ฝ่ายก็มีเนื้อหาส่วนใหญ่เหมือนกัน
แต่คณะอนุกรรมการสอบสวน “ให้นํ้าหนักเอกสารของ คมช.” มากกว่าเอกสารของ พรรคพลังประชาชน
พูดให้ชัดๆคือ มติเอกฉันท์ที่เห็นว่า คมช.วางตัวไม่เป็นกลาง ก็ยึดตามเอกสารของ คมช.นั่นเองเป็นหลักในการพิจารณา
“แม่ลูกจันทร์” คาดว่าที่ประชุม กกต. ชุดใหญ่จะเลือกทางออกประตูที่ 2 เพื่อไม่ให้ ปัญหาบานปลาย
เพราะถึงแม้เอกสารลับจะชี้ว่า คมช. ไม่เป็นกลาง แต่มีบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 ให้การคุ้มครอง
คือถึงจะผิดก็ไม่ต้องรับผิดในทุกกรณี
ข้อสำคัญ พระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง มีผลบังคับเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม แต่คำสั่ง คมช. ตามเอกสารลับฉบับนี้ลงวันที่ 14 กันยายน
ก่อนพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งเกือบหนึ่งเดือน
แถม คมช.แจ้งว่า ได้ยกเลิกคำสั่งตามเอกสารลับฉบับนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อไป
หมายฟามว่า แผนปฏิบัติการลับเพื่อสกัดกั้นพรรคพลังประชาชนได้ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการ
ก็เท่ากับกรณีเอกสารลับยุติลง
ฝ่ายพรรคพลังประชาชนในฐานะผู้ เสียหาย ก็ได้คะแนนสงสารเป็นกำไร
สรุปว่าทั้งสองฝ่ายเจ๊ากันไป
แต่ถ้าที่ประชุมใหญ่ กกต.จะเลือกทางออกประตู 3 คือ ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐ-ธรรมนูญตีความว่า กกต.มีอำนาจตรวจสอบ คมช.หรือไม่
ถ้า กกต.เลือกประตูนี้ ก็จะเสียรังวัดเอง!!
เพราะในเมื่อ กกต.ยังไม่รู้ว่าตัวเอง มีอำนาจตรวจสอบ คมช.หรือไม่ แล้ว กกต. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ได้อย่างไร??
หรือถ้า กกต.จะเอาประเด็นเอกสารปลอมย้อนศรเล่นงานพรรคพลังประชาชน
กกต.ก็อาจโดนศรย้อนมาเข้าตัวเอง??
เพราะกรณีเอกสารลับของ คมช. พรรคพลังประชาชนมีสถานะเป็น “ผู้ร้องเรียน”
ร้องขอความเป็นธรรมให้ กกต. ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลการเลือกตั้ง ตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่อย่างไร
เมื่อคณะอนุกรรมการของ กกต.ได้ ตรวจสอบแล้วสรุปว่าเป็นเรื่องจริง กกต.จะไปเล่นงานผู้ร้องเรียนซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ อย่างไร??
นี่ถ้าเกลือไม่เป็นหนอน ไม่มีคน ใน คมช.ปล่อยเอกสารลับออกมา
มันก็ไม่ยุ่งเป็นฝอยขัดหม้ออย่างนี้ หรอกโยม.
“แม่ลูกจันทร์”
คอลัมน์:สำนักข่าวหัวเขียว