นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงภายหลังการประชุมพิจารณาเรื่องเอกสารลับของ คมช. ว่า ที่ประชุม กกต.มีมติ 4 ต่อ 1 เสียงให้ยกคำร้อง โดย 1 เสียง คือนางสดศรี สัตยธรรม กกต. เห็นว่า กกต.ไม่มีอำนาจเข้าไปวินิจฉัย ตรวจสอบ การทำงานของ คมช. และน่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ส่วนอีก 4 เสียงที่ให้ยกคำร้องก็มีเหตุผลที่แตกต่างกัน โดย 2 เสียงเห็นว่า การกระทำของ คมช.ได้รับการคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2549 และมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งเหมือนกับความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนเสียงข้างน้อย 3 เสียง ที่มีนายสุพล ยุติธาดา เป็นประธาน ส่วนอีก 2 เสียง เห็นว่ายังไม่มีการกระทำที่จะทำให้เกิดความเสียหายกับพรรคการเมืองหรือผู้ใด ผู้สื่อข่าวถามว่า การพิจารณาของ กกต.ให้น้ำหนักอยู่ที่การไม่กระทำ หรือไม่มีอำนาจวินิจฉัย นายอภิชาต กล่าวว่า ไม่ได้มีการกระทำ เพราะแผนปฏิบัติการที่กำหนดออกมายังไม่มีการอนุมัติงบประมาณให้กระทำ จึงไม่มีการสั่งห้ามอะไรทั้งนั้น เพราะจากพยานฝ่ายผู้ถูกร้องเรียนที่มาชี้แจง ยืนยันว่าไม่มีการกระทำใด ๆ เมื่อถามว่า มีการพิสูจน์เรื่องเอกสารจริงหรือเท็จหรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า ไม่มี การตรวจสอบเรื่องดังกล่าวดูตามเอกสารของ คมช.ที่เอามาให้ คงไม่ต้องมีการเตือน และจะไม่มีการสั่งระงับอะไรกับ คมช. ทั้งสิ้น เพราะถือว่าไม่มีการกระทำใด ๆ เกิดขึ้น ซึ่งการบันทึกถ้อยคำพยานในสำนวนเมื่อวานนี้ ตัวแทน คมช.ยืนยันว่าไม่มีการกระทำใด ๆ ที่เป็นการทำลายพรรคการเมือง
"เรามองว่าไม่มีการกระทำใด ๆ ที่ทำให้เสียหายแก่พรรค เรื่องนี้ไม่มีเสียงข้างน้อย มีแต่เสียงที่บอกว่า กกต.ไม่มีอำนาจที่จะไปวินิจฉัย กกต.และ คมช. เราไม่มีอำนาจก้าวล่วง การมาชี้แจงของ คมช.ไม่เป็นการกดดัน กกต. 2 ท่านที่มายืนยัน และเราได้ซักถามในจุดที่เราต้องการจะรู้" นายอภิชาต กล่าว เมื่อถามว่า พรรคพลังประชาชนมีการกล่าวหาว่ามีการระบุชื่อพรรคในการดำเนินการตามเอกสารลับ เหมือนกับเป็นการกลั่นแกล้ง ทาง กกต.ได้พิจารณาประเด็นนี้หรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า เมื่อมีชื่อพรรค ก็ไปกระทบเขา แต่เรามองว่ายังไม่มีการกระทำใด ๆ ที่มีการกระทำไปตามแผนงานนี้ ส่วนพรรคพลังประชาชนจะมีความผิดอะไรหรือไม่ที่นำเอกสารมาเปิดเผย นายอภิชาต กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน จุดที่เราวินิจฉัยมีอยู่แค่นี้ ตอนนี้ยกคำร้องก็จบกัน.
จาก สำนักข่าวไทย