เผย‘บิ๊กแอ้ด’เรียกหน่วยงานด้านความมั่นคงประเทศถกเตรียมรับมือ สถานการณ์ไม่สงบ จนกว่าจะได้นายกฯคนใหม่ ย้ำไม่ให้ใช้‘อัยการศึก’เด็ดขาด แต่หากมีสภาวะฉุกเฉินให้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแทน
วันนี้(13 ธ.ค.) นายไชยา ยิ้มวิไล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าสำนักข่าวกรองแห่งชาติและสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้รายงานและประเมินสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เกิดความกังวล และได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและรักษาความสงบ
โดยพล.อ.สุรยุทธ์ ได้เป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) กองทัพภาคที่ 1 และกรุงเทพมหานคร เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนงานปฏิบัติการป้องกันและรักษาความสงบในเขตเมือง
นายไชยา กล่าวว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะพยายามสร้างความสามัคคีในกลุ่มต่างๆ ของปัญหา แต่ก็ยังมีการเผยแพร่และชี้นำทาง ความคิด ข้อมูลข่าวสารเพื่อหวังผลในการโฆษณาชวนเชื่อ รวมทั้งมีสงครามจิตวิทยาในทางการเมือง นอกจากนั้นยังมีรูปแบบการก่อความไม่สงบเพิ่มขึ้น จะมีการยั่วยุ การชุมนุม ก่อกวน การสร้างความไม่สะดวกในการสัญจร การก่อวินาศกรรม
ดังนั้นในช่วงเวลานี้จนถึงมีรัฐบาลใหม่จึงได้มีการกำหนดแผนป้องกันและรักษาความสงบในเขตเมือง ซึ่งจะใช้แผนนี้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หรือมีรัฐบาลใหม่
แผนดังกล่าวแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.นโยบายอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ย้ำในที่ประชุมว่าห้ามไม่ให้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกเด็ดขาด แต่หากมีสภาวะฉุกเฉินให้ใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสภาวการณ์ฉุกเฉิน
ทั้งนี้ทาง สมช.จะต้องขออนุมัติจากนายกรัฐมนตรี เพื่อประชุม สมช.ในการแก้ไขปัญหา แต่ถ้าเป็นสถานการณ์การก่อการร้ายสากล จะต้องนำเข้าหารือในคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขการก่อการร้ายสากล ที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และส่วนที่
2.การป้องกันและป้องปรามการก่อความไม่สงบซึ่งจะดำเนินการภายใต้กลไกงานข่าวกรอง โดย สตช. กองทัพ และ กทม. จะเป็นหน่วย ปฏิบัติงาน
"การประชุมครั้งนี้ไม่ใช่เพราะว่ามีข่าวจะเกิดเหตุการณ์หรือเกิดการก่อความไม่สงบขึ้น แต่เป็นการเตรียมการและกำหนดแผนปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่กรุงเทพฯ" นายไชยา กล่าว
วันนี้(13 ธ.ค.) นายไชยา ยิ้มวิไล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าสำนักข่าวกรองแห่งชาติและสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้รายงานและประเมินสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เกิดความกังวล และได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและรักษาความสงบ
โดยพล.อ.สุรยุทธ์ ได้เป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) กองทัพภาคที่ 1 และกรุงเทพมหานคร เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนงานปฏิบัติการป้องกันและรักษาความสงบในเขตเมือง
นายไชยา กล่าวว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะพยายามสร้างความสามัคคีในกลุ่มต่างๆ ของปัญหา แต่ก็ยังมีการเผยแพร่และชี้นำทาง ความคิด ข้อมูลข่าวสารเพื่อหวังผลในการโฆษณาชวนเชื่อ รวมทั้งมีสงครามจิตวิทยาในทางการเมือง นอกจากนั้นยังมีรูปแบบการก่อความไม่สงบเพิ่มขึ้น จะมีการยั่วยุ การชุมนุม ก่อกวน การสร้างความไม่สะดวกในการสัญจร การก่อวินาศกรรม
ดังนั้นในช่วงเวลานี้จนถึงมีรัฐบาลใหม่จึงได้มีการกำหนดแผนป้องกันและรักษาความสงบในเขตเมือง ซึ่งจะใช้แผนนี้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หรือมีรัฐบาลใหม่
แผนดังกล่าวแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.นโยบายอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ย้ำในที่ประชุมว่าห้ามไม่ให้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกเด็ดขาด แต่หากมีสภาวะฉุกเฉินให้ใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสภาวการณ์ฉุกเฉิน
ทั้งนี้ทาง สมช.จะต้องขออนุมัติจากนายกรัฐมนตรี เพื่อประชุม สมช.ในการแก้ไขปัญหา แต่ถ้าเป็นสถานการณ์การก่อการร้ายสากล จะต้องนำเข้าหารือในคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขการก่อการร้ายสากล ที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และส่วนที่
2.การป้องกันและป้องปรามการก่อความไม่สงบซึ่งจะดำเนินการภายใต้กลไกงานข่าวกรอง โดย สตช. กองทัพ และ กทม. จะเป็นหน่วย ปฏิบัติงาน
"การประชุมครั้งนี้ไม่ใช่เพราะว่ามีข่าวจะเกิดเหตุการณ์หรือเกิดการก่อความไม่สงบขึ้น แต่เป็นการเตรียมการและกำหนดแผนปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่กรุงเทพฯ" นายไชยา กล่าว
พีทีวี นิวส์
13 ธันวาคม 2550 เวลา 17:50 น.