การดำเนินการเรื่องเอกสารลับ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. มีการ พูดจาสร้างกระแส ในลักษณะที่ว่า ปฏิบัติการมีการยกเลิก
ตามระเบียบราชการ การสั่งการมีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร มีแผนการดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน แต่บอกว่ามีการ ยกเลิกด้วยวาจา ปฏิบัติการจึงยังไม่มีผลอะไรในทางปฏิบัติ
ใครจะเชื่อก็เชื่อกันไป
คนไทยจำพวกหนึ่งช่วยกันประโคมข่าวตามที่ฝ่าย คมช. ได้บอกกล่าว โดย ไม่เคยสำรวจตรวจสอบว่ามีแผนปฏิบัติการอย่างไร
ประชาทรรศน์ได้ทุ่มเทตรวจสอบเรื่องนี้ จนกระทั่งเราเจอเอกสาร ประชาธิปไตยสีขาว ซึ่งสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการของ คมช. เปี๊ยบ เป็นเอกสารที่แสดงไว้ใน วันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2550 หลังจากมีพระราชกฤษฎีกาประกาศวันเลือกตั้ง และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้แล้ว
ในโครงการประชาธิปไตยสีขาว มีการนำคำแถลงของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย มาเผยแพร่ และเป็นองค์บรรยาย
ในโครงการประชาธิปไตยสีขาว มีการนำ ดร.
ล่าสุด พล.อ.
มีการพยายามทำลายสถาบันที่ทุกคนเคารพรัก
การเลือกตั้งครั้งนี้มีการซื้อเสียงมากที่สุด
ซึ่งการบรรยายนี้ตรงกับที่ เอกสารลับฉบับที่ 3 เป็นการไปกล่าวลากำลังพล เนื้อหาใกล้เคียงกันมาก
เหตุการณ์ทั้งหมดล้วนสอดประสานงาน
แล้วจะบอกว่าปฏิบัติการตามเอกสารลับนี้ได้ยุติลง โดยการสั่งการด้วยวาจา
คนใน ภาคเหนือ และ ภาคอีสาน เขาเห็นกันทั่ว ก่อนจะมีพระราชกฤษฎีกา และหลังจากมีพระราชกฤษฎีกา มีคนแต่งกายเหมือนทหาร ลงพื้นที่ตามหมู่บ้านต่างๆ เหมือนตอนช่วงที่มีการชักจูงให้คนไปลง ประชามติ “รับ” ร่างรัฐธรรมนูญ
หาก กกต. ปฏิบัติตนบนความเที่ยงธรรม
คำถามจึงเกิดขึ้นมาว่า เอกสารที่ทหารนำมาแล้วบอกว่าของจริง เหมือนฉบับสำเนาที่ส่งมาให้ก่อนหน้านี้ ซึ่งมันก็สมควรจะเป็นแบบนั้น ดังนั้นเนื้อหาของการสอบสวนไม่มีอะไรแตกต่างจากชุดที่อนุกรรมการได้เคยสอบสวนมา เพราะไม่มีเนื้อหาอะไรใหม่เลย
มติที่ออกมา จะต้องไม่แตกต่างจากคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน ชุดที่มี นาย
เอกสารฉบับจริงที่ คมช. นำมาแสดง และ กกต. บางท่านบอกว่าไม่ต้องส่งไปกองพิสูจน์หลักฐาน
ที่จริงควรจะส่งไปสหรัฐอเมริกา เพื่อตรวจสอบในระยะเวลาของเอกสาร ว่าเพิ่งทำขึ้นมาหลังจากมีข่าวสารใช่หรือไม่
เพราะวันแรกๆ ข่าวสารที่ คมช. นำออกมาตอบโต้นั้นดูเหมือนว่าไม่ตรงกับสิ่งที่นำมาโชว์กันในวันนี้แม้แต่น้อย หากจะจำกันได้ เขาพยายามเบี่ยงเบนประเด็น กล่าวหาเป็น เอกสารปลอมบ้าง เป็น เอกสารที่คนในกองทัพนำมาขายบ้าง
เวลา นักการเมืองคนหนึ่งแฉว่าถูกเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ ระหว่างถูกเอาตัวไปขังเดี่ยว กลับ รีบๆ ลนๆ นำเอกสารซึ่งเป็นเมนูข้าว มาโชว์เป็น หลักฐานในวันรุ่งขึ้น
มันหลายมาตรฐาน จนคนเขารู้ว่า เริ่มมีความไม่ชอบมาพากล
หากปล่อยให้ อำนาจรัฐที่ได้มาจากกระบอกปืน ทำอะไรก็ได้
เราอย่าหวังจะเกิดการ ปฏิรูปการเมืองในผืนแผ่นดินไทย นี้เลย ไม่มีประโยชน์โพดผลใดๆ ที่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ โดยนำประชาธิปไตยมากล่าวอ้าง
สามัญสำนึกของคนปกติธรรมดา ย่อมมีคำตอบได้อยู่แล้ว
วันนี้ กกต. ตัดสินใจอย่างไรออกมา
ในเมื่อเราเกิดบนผืนแผ่นดินไทย จะให้ประชาชนที่ไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำของคนถืออำนาจรัฐ สมรู้ร่วมคิดกันกับนายทหาร
เขาเห็นว่าประชาชนเป็นลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด กระนั้นหรือ
ปรัชญาที่ว่า ของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน มันไม่แท้จริงแล้วกระนั้นหรือ
แล้วมันกลายเป็น ของใคร โดยใคร เพื่อใคร
นี่...เราเดินมาสุดทางหรือยัง เรายังจะไปไหนมาไหนได้อีกไหม มันมีทางเลือกให้เราเดินมากกว่านี้ไหม
ประชาชนพร้อมจะตัดสินใจใน วันที่ 23 ธันวาคม 2550
แต่...มันอาจจะเป็น การตัดสินใจ ที่พร้อมจะถูกขัดขวางจาก ขุนทหารโฉดชั่ว ขุนนางสุดเลว สื่อชั่วบางสำนัก นักการเมืองเก่าแก่แล้วยังกลับกลอก และ นักเคลื่อนไหวไร้จุดยืน
ตลอด 6 ปีมานี้ บ้านนี้เมืองนี้ มีเรื่องพิลึกเข้าไปทุกวัน ทุกวัน