นายกฯชี้หากเสียงของประชาชนส่วนใหญ่เลือกพรรพปช.มาเป็นรัฐบาลก็พร้อมยอมรับ ติงควรดูผลคะแนนหลังวันที่23ธ.ค.นี้ก่อนตัดสินใจ ยันพรบ.มั่นคงฯยังจำเป็นกับประเทศ
วันนี้(13 ธ.ค.)พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงพ.ร.บ.ความมั่นคงฯนั้น ยังเป็นเรื่องที่รัฐบาลเสนอเข้าไปสู่การพิจารณาแล้วและถือว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลเห็นว่ามีความจำเป็นต่อประเทศ
อย่างไรก็ตามจากกรณีที่มีกลุ่มเอ็นจีโอ ออกมาคัดค้าน จนถึงขั้นบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภานั้น ตนคิดว่า สามารถทำความเข้าใจได้ ซึ่งได้ปรึกษากับกรรมาธิการที่พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวว่าขอให้ทำความเข้าใจ และทำคำชี้แจงให้กับทุกฝ่ายได้ทราบ ไม่ว่าจะเป็นข้อห่วงใยเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน การจะยกเว้นการตรวจสอบกฎหมายต่างๆ ซึ่ง สนช.ได้พิจารณาข้อกังวลเหล่านั้นและได้แก้ไขในส่วนสำคัญแล้ว เชื่อว่าถ้าไม่ได้ยึดความคิดของตัวเองมากเกินไปก็จะสามารถรับฟังคำชี้แจงจากกรรมาธิการได้
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่รวบรวมข่าวสารและข้อมูลต่างๆ รวมทั้งได้สอบถามจาก ผบ.ตร. โดยได้ความว่า กำลังรวบรวมข้อมูลและจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไปกับผู้ที่กระทำความผิดบุกรุกรัฐสภาเมื่อวานนี้
ทั้งนี้มีหลายสำนักทำโพลล์สำรวจประชาชนแล้วออกมาว่าพรรคพลังประชาชน (พปช.)จะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้นั้น ซึ่งเคยพูดไว้นานแล้วว่าตนเคารพการตัดสินใจของประชาชนชาวไทยไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ส่วนผลสำรวจขณะนี้ก็เป็นเพียง ผลสำรวจเท่านั้น ซึ่งจะต้องรอผลการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค. ซึ่งมีความปรารถนาเพียงอย่างเดียวคือต้องการให้ประชาชนคนไทยออกมาใช้สิทธิ์ให้มาก และตั้งความหวังไว้ว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ประมาณ 70 % แต่ถ้ามีผู้มาใช้สิทธิ์มากกว่านั้นก็จะเป็นสิ่งที่ดี
และหลังการเลือกตั้งเหตุการณ์บ้านเมืองจะสงบลงหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ที่คนไทยทุกคน แต่ก็ไม่ขอมองในแง่ร้าย เพราะคิดว่าถ้าพวกเราช่วยกันแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองก็จะผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤติไปได้ แต่ถ้าเรามองในแง่ร้ายและไม่คิดที่จะร่วมมือร่วมใจกันแก้ ปัญหาก็จะเกิดขึ้นตลอดเวลาและก็จะเป็นข้อเสียสำหรับบ้านเมืองที่เกิดความไม่สามัคคีและแตกแยก
“ผมขอยืนยันว่าหลังการเลือกตั้งวันที่23ธ.ค.ปลายปีนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์อะไรที่รุนแรงหรือวุ่นวายอย่างแน่นอน”นายกฯ กล่าว
วันนี้(13 ธ.ค.)พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงพ.ร.บ.ความมั่นคงฯนั้น ยังเป็นเรื่องที่รัฐบาลเสนอเข้าไปสู่การพิจารณาแล้วและถือว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลเห็นว่ามีความจำเป็นต่อประเทศ
อย่างไรก็ตามจากกรณีที่มีกลุ่มเอ็นจีโอ ออกมาคัดค้าน จนถึงขั้นบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภานั้น ตนคิดว่า สามารถทำความเข้าใจได้ ซึ่งได้ปรึกษากับกรรมาธิการที่พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวว่าขอให้ทำความเข้าใจ และทำคำชี้แจงให้กับทุกฝ่ายได้ทราบ ไม่ว่าจะเป็นข้อห่วงใยเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน การจะยกเว้นการตรวจสอบกฎหมายต่างๆ ซึ่ง สนช.ได้พิจารณาข้อกังวลเหล่านั้นและได้แก้ไขในส่วนสำคัญแล้ว เชื่อว่าถ้าไม่ได้ยึดความคิดของตัวเองมากเกินไปก็จะสามารถรับฟังคำชี้แจงจากกรรมาธิการได้
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่รวบรวมข่าวสารและข้อมูลต่างๆ รวมทั้งได้สอบถามจาก ผบ.ตร. โดยได้ความว่า กำลังรวบรวมข้อมูลและจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไปกับผู้ที่กระทำความผิดบุกรุกรัฐสภาเมื่อวานนี้
ทั้งนี้มีหลายสำนักทำโพลล์สำรวจประชาชนแล้วออกมาว่าพรรคพลังประชาชน (พปช.)จะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้นั้น ซึ่งเคยพูดไว้นานแล้วว่าตนเคารพการตัดสินใจของประชาชนชาวไทยไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ส่วนผลสำรวจขณะนี้ก็เป็นเพียง ผลสำรวจเท่านั้น ซึ่งจะต้องรอผลการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค. ซึ่งมีความปรารถนาเพียงอย่างเดียวคือต้องการให้ประชาชนคนไทยออกมาใช้สิทธิ์ให้มาก และตั้งความหวังไว้ว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ประมาณ 70 % แต่ถ้ามีผู้มาใช้สิทธิ์มากกว่านั้นก็จะเป็นสิ่งที่ดี
และหลังการเลือกตั้งเหตุการณ์บ้านเมืองจะสงบลงหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ที่คนไทยทุกคน แต่ก็ไม่ขอมองในแง่ร้าย เพราะคิดว่าถ้าพวกเราช่วยกันแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองก็จะผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤติไปได้ แต่ถ้าเรามองในแง่ร้ายและไม่คิดที่จะร่วมมือร่วมใจกันแก้ ปัญหาก็จะเกิดขึ้นตลอดเวลาและก็จะเป็นข้อเสียสำหรับบ้านเมืองที่เกิดความไม่สามัคคีและแตกแยก
“ผมขอยืนยันว่าหลังการเลือกตั้งวันที่23ธ.ค.ปลายปีนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์อะไรที่รุนแรงหรือวุ่นวายอย่างแน่นอน”นายกฯ กล่าว
พีทีวี นิวส์
13 ธันวาคม 2550 เวลา 15:24 น.