กาหลิบ
หากเกิดการยุบพรรคในคราวนี้ขึ้นอีก ข่าวที่รายงานไปทั่วโลกโดยสื่อมวลชนมืออาชีพ ที่ไม่ใช่สื่อมวลชนทาส จะปรากฏออกมาอย่างไร ภาพลักษณ์โดยรวมของประเทศไทยหลังจากนั้นจะเป็นเช่นไร
แทนที่การเลือกตั้งครั้งนี้จะพูดถึงนโยบายและตัวบุคคลที่จะนำชัยชนะ หรือความพ่ายแพ้มาสู่พรรคการเมืองต่างๆ กลับกลายเป็นการเลือกตั้งที่พูดเกี่ยวกับการยุบพรรคมากที่สุด
ก็พรรคพลังประชาชนนี่แหละครับ ไม่ได้ไปคิดยุบพรรคอื่นๆเขาหรอก
ความน่าเชื่อถือของการยุบพรรคน่าจะเกิดขึ้นจากประสบการณ์ของพรรคไทยรักไทยที่ถูกยุบมาแล้ว โดยกลไกของการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรของคุณสนธิลิ้ม สื่อมวลชนบางส่วนที่ยืนข้างเผด็จการ นักวิชาการที่สนับสนุนการรัฐประหาร และไปจบที่ตุลาการรัฐธรรมนูญ
จึงทำให้เกิดความเชื่อว่าเขาคงจะยุบได้อีกครั้งหนึ่ง
คำถามว่า เขายุบพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นสิบล้านคนกันได้อย่างไร ก็ไม่ต้องยกขึ้นมาพูดให้เสียเวลา เพราะภาวะเผด็จการมันได้กดทับหลักนิติธรรมและความเป็นนิติรัฐของเมืองไทยไปจนหมดสิ้นแล้ว
ก่อนที่จะเกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เสียด้วยซ้ำไป
สิ่งที่ควรวิสัชนากันให้มากคือ การยุบพรรคเที่ยวสองนี้ ถ้าเกิดขึ้นจริงจะหมายความอย่างไรต่อการเมืองในปัจจุบันและอนาคตของประเทศไทย ซึ่งผมผู้ไม่มีลูกแก้วพยากรณ์อยู่เบื้องหน้าจะได้ลองจินตนาการดู
การยุบพรรคเที่ยวนี้ จะเป็นการแสดงอาการ "เบ่งกล้าม" เพื่อเอาชนะประชาชนอีกครั้งหนึ่งของใครบางคนที่ไม่ใช่ "อำนาจเก่า" หากเป็น "อำนาจเดิม" เพราะเห็นแล้วว่าฐานเสียงของพรรคไทยรักไทยที่ถูกยุบไปแล้วยังคงอุ่นหนาฝาคั่งอยู่ในพรรคใหม่อย่างไม่มีช่องว่างในการโอนย้ายเลย
แอบสำรวจกันกี่ครั้งก็ออกมาว่า คนเดิมที่ถูกโค่นลงไปด้วยอำนาจทหาร จะได้รับเลือกตั้งเข้ามาใหม่ด้วยคะแนนเสียงที่แสดงถึงความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล
ขนาดตรึงเอาไว้ด้วยกฎอัยการศึก และการดำรงอยู่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.
ขนาดวางหัวหน้าคณะรัฐประหารอย่าง พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเป็นประธาน ครส. ซึ่งเป็นคณะกรรมการของฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้องโดยตรงที่สุดกับการเลือกตั้ง ถึงขนาดที่ไปคว้าเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระแท้ๆ มาเป็นเลขานุการของตนเองได้
ตัวเลขาฯลาออกจาก ครส. ไปแล้วละครับ แต่คราบไคลจะยังคงอยู่ต่อไปในประวัติศาสตร์
แต่ทั้งหมดที่ได้กล่าวมายังไม่สำคัญเท่ากับว่า ประชาชนทั้งประเทศที่สนับสนุนพรรคไทยรักไทยมาก่อนหรือไม่สนับสนุนก็ตามที ได้รับรู้หมดแล้วว่าพรรคใดน่าจะคว้าเก้าอี้ ส.ส. ได้มากที่สุดและมีโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลสูงสุด
ถ้าไปยุบพรรคด้วยเหตุมารยาใดๆก็ตามในขณะนี้ จะมีคนเชื่ออย่างแพร่หลายทีเดียวว่ายุบพรรคเขาเพราะเอาชนะเขาไม่ได้
ก็เลยใช้วิชามารกันทื่อๆตรงๆอย่างนั้นแหละ
การกระทำอย่างนั้นจะไม่ต่างอะไรกับการหักด้ามพร้าด้วยเข่า ในที่สุดพร้าอาจจะไม่หัก แต่เข่าอาจจะหักหรือบุบสลายขนาดเลือดอาบขา เพราะประชาชนทั่วไปจะรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมได้อย่างชัดเจนจนสัมผัสได้ในบรรยากาศ และนึกต่อไปว่าคนไทยธรรมดาที่เดินดินกินข้าวแกงจะได้รับความยุติธรรมอย่างไรในประเทศอย่างนี้
ใครที่คาดว่าถูกกระทำแล้วประชาชนจะอยู่นิ่งๆ เพราะกลัวบารมีของเขาเหลือที่จะกล่าว อาจจะต้องคิดใหม่
คนไทยมีความสุภาพอ่อนน้อม แต่สู้ตายนะครับหากรู้สึกว่าถูกต้อนเข้ามุม
มิหนำซ้ำ หากเกิดการยุบพรรคในคราวนี้ขึ้นอีก ข่าวที่รายงานไปทั่วโลกโดยสื่อมวลชนมืออาชีพที่ไม่ใช่สื่อมวลชนทาส จะปรากฏออกมาอย่างไร ภาพลักษณ์โดยรวมของประเทศไทยหลังจากนั้นจะเป็นเช่นไร
อย่าลืมว่านักลงทุน นักธุรกิจ และเพื่อนพ้องไทยทั่วโลกนั้นมีอยู่มาก และประเทศไทยก็ยังเสน่ห์แรงอยู่ในหลายด้าน แต่หากเขารู้สึกเลยเถิดไปว่าการเมืองไทย โดยเฉพาะการเมืองเบื้องหลัง ใช้อำนาจกันเพลิดเพลินจนหาความยุติธรรมไม่ได้เลยเช่นนี้ วันหนึ่งก็คงกระทบต่อตัวเขา เหมือนที่จู่ๆยึดอำนาจเข้ามาแล้วส่งสัญญาณว่าเราจะหันหลังให้กับนโยบายทุนนิยมนั่นละครับ
ไม่ว่าจะอ้างคดีกรรมคดีเวรที่ไหน หรือจะอ้างกฎระเบียบศักดิ์สิทธิ์ หรือโหลยโท่ยอย่างไรมาเป็นเหตุ เชื่อเถอะครับว่าผลกระทบก็จะออกมาเหมือนกับที่ว่ามาแล้วนั่นแหละ
จะให้โง่สนองรับทุกครั้งมันก็เกินไป.--จบ-
หากเกิดการยุบพรรคในคราวนี้ขึ้นอีก ข่าวที่รายงานไปทั่วโลกโดยสื่อมวลชนมืออาชีพ ที่ไม่ใช่สื่อมวลชนทาส จะปรากฏออกมาอย่างไร ภาพลักษณ์โดยรวมของประเทศไทยหลังจากนั้นจะเป็นเช่นไร
แทนที่การเลือกตั้งครั้งนี้จะพูดถึงนโยบายและตัวบุคคลที่จะนำชัยชนะ หรือความพ่ายแพ้มาสู่พรรคการเมืองต่างๆ กลับกลายเป็นการเลือกตั้งที่พูดเกี่ยวกับการยุบพรรคมากที่สุด
ก็พรรคพลังประชาชนนี่แหละครับ ไม่ได้ไปคิดยุบพรรคอื่นๆเขาหรอก
ความน่าเชื่อถือของการยุบพรรคน่าจะเกิดขึ้นจากประสบการณ์ของพรรคไทยรักไทยที่ถูกยุบมาแล้ว โดยกลไกของการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรของคุณสนธิลิ้ม สื่อมวลชนบางส่วนที่ยืนข้างเผด็จการ นักวิชาการที่สนับสนุนการรัฐประหาร และไปจบที่ตุลาการรัฐธรรมนูญ
จึงทำให้เกิดความเชื่อว่าเขาคงจะยุบได้อีกครั้งหนึ่ง
คำถามว่า เขายุบพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นสิบล้านคนกันได้อย่างไร ก็ไม่ต้องยกขึ้นมาพูดให้เสียเวลา เพราะภาวะเผด็จการมันได้กดทับหลักนิติธรรมและความเป็นนิติรัฐของเมืองไทยไปจนหมดสิ้นแล้ว
ก่อนที่จะเกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เสียด้วยซ้ำไป
สิ่งที่ควรวิสัชนากันให้มากคือ การยุบพรรคเที่ยวสองนี้ ถ้าเกิดขึ้นจริงจะหมายความอย่างไรต่อการเมืองในปัจจุบันและอนาคตของประเทศไทย ซึ่งผมผู้ไม่มีลูกแก้วพยากรณ์อยู่เบื้องหน้าจะได้ลองจินตนาการดู
การยุบพรรคเที่ยวนี้ จะเป็นการแสดงอาการ "เบ่งกล้าม" เพื่อเอาชนะประชาชนอีกครั้งหนึ่งของใครบางคนที่ไม่ใช่ "อำนาจเก่า" หากเป็น "อำนาจเดิม" เพราะเห็นแล้วว่าฐานเสียงของพรรคไทยรักไทยที่ถูกยุบไปแล้วยังคงอุ่นหนาฝาคั่งอยู่ในพรรคใหม่อย่างไม่มีช่องว่างในการโอนย้ายเลย
แอบสำรวจกันกี่ครั้งก็ออกมาว่า คนเดิมที่ถูกโค่นลงไปด้วยอำนาจทหาร จะได้รับเลือกตั้งเข้ามาใหม่ด้วยคะแนนเสียงที่แสดงถึงความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล
ขนาดตรึงเอาไว้ด้วยกฎอัยการศึก และการดำรงอยู่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.
ขนาดวางหัวหน้าคณะรัฐประหารอย่าง พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเป็นประธาน ครส. ซึ่งเป็นคณะกรรมการของฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้องโดยตรงที่สุดกับการเลือกตั้ง ถึงขนาดที่ไปคว้าเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระแท้ๆ มาเป็นเลขานุการของตนเองได้
ตัวเลขาฯลาออกจาก ครส. ไปแล้วละครับ แต่คราบไคลจะยังคงอยู่ต่อไปในประวัติศาสตร์
แต่ทั้งหมดที่ได้กล่าวมายังไม่สำคัญเท่ากับว่า ประชาชนทั้งประเทศที่สนับสนุนพรรคไทยรักไทยมาก่อนหรือไม่สนับสนุนก็ตามที ได้รับรู้หมดแล้วว่าพรรคใดน่าจะคว้าเก้าอี้ ส.ส. ได้มากที่สุดและมีโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลสูงสุด
ถ้าไปยุบพรรคด้วยเหตุมารยาใดๆก็ตามในขณะนี้ จะมีคนเชื่ออย่างแพร่หลายทีเดียวว่ายุบพรรคเขาเพราะเอาชนะเขาไม่ได้
ก็เลยใช้วิชามารกันทื่อๆตรงๆอย่างนั้นแหละ
การกระทำอย่างนั้นจะไม่ต่างอะไรกับการหักด้ามพร้าด้วยเข่า ในที่สุดพร้าอาจจะไม่หัก แต่เข่าอาจจะหักหรือบุบสลายขนาดเลือดอาบขา เพราะประชาชนทั่วไปจะรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมได้อย่างชัดเจนจนสัมผัสได้ในบรรยากาศ และนึกต่อไปว่าคนไทยธรรมดาที่เดินดินกินข้าวแกงจะได้รับความยุติธรรมอย่างไรในประเทศอย่างนี้
ใครที่คาดว่าถูกกระทำแล้วประชาชนจะอยู่นิ่งๆ เพราะกลัวบารมีของเขาเหลือที่จะกล่าว อาจจะต้องคิดใหม่
คนไทยมีความสุภาพอ่อนน้อม แต่สู้ตายนะครับหากรู้สึกว่าถูกต้อนเข้ามุม
มิหนำซ้ำ หากเกิดการยุบพรรคในคราวนี้ขึ้นอีก ข่าวที่รายงานไปทั่วโลกโดยสื่อมวลชนมืออาชีพที่ไม่ใช่สื่อมวลชนทาส จะปรากฏออกมาอย่างไร ภาพลักษณ์โดยรวมของประเทศไทยหลังจากนั้นจะเป็นเช่นไร
อย่าลืมว่านักลงทุน นักธุรกิจ และเพื่อนพ้องไทยทั่วโลกนั้นมีอยู่มาก และประเทศไทยก็ยังเสน่ห์แรงอยู่ในหลายด้าน แต่หากเขารู้สึกเลยเถิดไปว่าการเมืองไทย โดยเฉพาะการเมืองเบื้องหลัง ใช้อำนาจกันเพลิดเพลินจนหาความยุติธรรมไม่ได้เลยเช่นนี้ วันหนึ่งก็คงกระทบต่อตัวเขา เหมือนที่จู่ๆยึดอำนาจเข้ามาแล้วส่งสัญญาณว่าเราจะหันหลังให้กับนโยบายทุนนิยมนั่นละครับ
ไม่ว่าจะอ้างคดีกรรมคดีเวรที่ไหน หรือจะอ้างกฎระเบียบศักดิ์สิทธิ์ หรือโหลยโท่ยอย่างไรมาเป็นเหตุ เชื่อเถอะครับว่าผลกระทบก็จะออกมาเหมือนกับที่ว่ามาแล้วนั่นแหละ
จะให้โง่สนองรับทุกครั้งมันก็เกินไป.--จบ-
/////////////////////////////////
คอลัมน์: เลือกคบ ไม่เลือกข้าง...จากหนังสือพิมพ์โลกวันนี้