คงต้องเคลียร์ปัญหาคาใจกันพอสมควร เพราะการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีในพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาไม่ราบรื่นเหมือนพรรคอื่น
ถึงขนาดลูกพรรคเตรียมยื่นหนังสือขับไล่นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรค ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า ไม่ใคร่ดูแลลูกพรรคเท่าที่ควร
อันที่จริงพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เป็นการผนึกกำลังของ 2 แกนนำ คือนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ จากนั้นก็ไปเชิญ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร มาเป็น หัวหน้าพรรค
แต่ในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาได้เก้าอี้รัฐมนตรีแค่ 2 ตำแหน่ง
นายสุวัจน์มี ส.ส. ในสังกัดมากที่สุด จึงมีความชอบธรรมที่จะคว้าเก้าอี้รัฐมนตรีไปนั่งก่อนเป็นคนแรก
ขณะที่นายประดิษฐ์ เป็น ส.ส.สอบตก และมี ส.ส.ในสังกัด 2 คน จึงทำให้มีน้ำหนักก้ำกึ่งกับ พล.อ.เชษฐา ที่เป็นหัวหน้าพรรคและเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ
หากนายประดิษฐ์ เอาเก้าอี้รัฐมนตรีไปนั่ง ก็หมายความว่า พล.อ.เชษฐา จะเป็นหัวหน้าพรรคที่ไม่มีตำแหน่งใน ครม.
และมีแนวโน้มว่า นายประดิษฐ์ จะเป็นผู้คว้าเก้าอี้รัฐมนตรีที่เหลืออยู่ 1 ตำแหน่งไปนั่งเสียเอง ปล่อยให้ พล.อ.เชษฐา ต้องไปเดิน โต๋เต๋อยู่แถวใต้ถุนสภา
แม้ว่าก่อนหน้านี้ พล.อ.เชษฐา ได้แสดงความเป็นผู้ใหญ่ ประกาศไม่รับตำแหน่งเพื่อหลีกทางให้กับนายประดิษฐ์ไปแล้ว
แต่บรรดากองเชียร์อาจจะไม่พอใจ เพราะถ้า พล.อ.เชษฐา ไม่ได้ตำแหน่ง กองเชียร์เหล่านี้ก็จะไม่ได้ตำแหน่งตามไปด้วย
จึงมีความเป็นไปได้ที่ว่า ปัญหาการช่วงชิงเก้าอี้รัฐมนตรี เป็นแรงจูงใจกระตุ้นให้ลูกพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาออกมาเคลื่อนไหวขับไล่นายประดิษฐ์
ถ้าถูกเบี้ยวเงินเลือกตั้งตั้งแต่แรก ก็น่าจะมีการโวยวายตอนที่ประกาศผลออกมา ใหม่ ๆ แต่นี่มาทวงถามตอนที่เกิดปัญหาการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีไม่ ลงตัว
ปัญหาโลกกว้างทางแคบที่เกิดขึ้น ประกอบกับแรงยุของกองเชียร์ อาจจะทำให้เลขาธิการพรรคกับหัวหน้าพรรคเกิดความบาดหมางจริง ๆ จนส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพที่เปราะบางของรัฐบาลพรรคพลังประชาชนในที่สุด.