ทั้งนี้ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม และอดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ออกมากล่าวภายหลัง พล.ต.ต.มณเฑียร ประทีปวณิช ผบก.ประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าแจ้งความต่อกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีอาญา มาตรา 116 ข้อหายุยงให้ทหารออกมาปฏิวัติ ว่า คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด หรือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากที่ผ่านมามีนักข่าวมาถามเรื่องทหาร ตนก็ตอบไปว่า เป็นไปไม่ได้ที่ทหารจะทำปฏิวัติ
“เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากความเข้าใจผิด หรือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะไม่ได้มีความต้องการให้เกิดการปฏิวัติแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการถูกแจ้งความดำเนินคดี และคงต้องทำไปตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป พล.อสมเจตน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีที่ พล.ต.ต.มณเฑียร เข้าแจ้งความต่อกองปราบปรามนั้น ได้ให้การว่า
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ได้อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง พบคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.สมเจตน์ โดยมีใจความว่า ต้องการให้ทหารปฏิวัติ ซึ่งจากคำสัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการแสดงความเห็นที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ที่ระบุว่า
ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต
(1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย
(2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ
(3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี
ทั้งนี้ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไว้เป็นหลักฐาน พร้อมรับสำเนาหนังสือพิมพ์ที่ลงคำสัมภาษณ์ พล.อ. สมเจตน์ไว้ตรวจสอบ จากนั้นจะได้เสนอเรื่องถึงผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการต่อไป