คอลัมน์ : ความจริงวันนี้
รายการความจริงวันนี้ ในคืนวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ยังคงมากไปด้วยสาระน่าสนใจ โดยมีนายวีระ มุสิกพงษ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ และมี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อมด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นแขกรับเชิญเช่นเคย
ประเด็นที่นำมาสนทนามีทั้งเรื่อง ของ 3 รัฐมนตรี และเรื่องของ 9 ป.ป.ช. ที่ล้วนอยู่ในกระแสสนใจทั้งสิ้น
วีระ– เนื่องจากวันนี้เป็นวันมหามงคลคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ข้าพระพุทธเจ้าในนามรายการความจริงวันนี้ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพร ขอจงทรงพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
สวัสดีครับท่านผู้ขม รายการความจริงวันนี้พบกันเช่นเคยนะครับ วันนี้วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม สีเหลือง ความจริงวันนี้ก็อาจจะเป็นความจริงสีเหลือง เรื่องราววันนี้เป็นเรือ่งเด่น 2 เรื่องด้วยกัน คิดว่ามันมีความจำเป็นที่จะต้องมาพิจารณากับตามเวลาที่ได้ เราเริ่มเวลากันตอน 4 ทุ่มครึ่ง ฉะนั้น ความจริงมันก็หดลงไปตามเวลา ไม่ให้เสียเวลาเราก็ต้องเรียนกันคืออย่างงี้ เรือ่งของ 3 รัฐมนตรี ที่ว่าต้องคดีถูกนำไปฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีนักการเมืองนี่นะครับ ว่าด้วยเรื่อง “หวยบนดิน” ทุกท่านคงทราบข่าวตลอดวันนี้มันมีเรื่องวิพากษืวิจารณ์กันตลอดวัน ที่พูดว่า ถ้าศาลฎีกาท่านรับฟ้องคดีนี้ รัฐมนตรีก็อาจต้องพักงาน ปัญหาอยู่ที่ว่าจะพักงานจริงหรือไม่จริงอย่างไร เรามาดูรายละเอียดกันดีกว่า
ตั้งแต่เวลาที่ศาลรับคดีนี้ ท้าวความหน่อยนึงนะครับว่ามาจากคตส. คตส.ทำเรื่องนี้มาโดยตลอด ตามขั้นตอนปกติก็ต้องส่งไปอัยการ ถ้าอัยการเห็นสมควรก็จะส่งไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง แต่ว่าเรื่องนี้พอส่งไปให้อัยการแล้ว ปรากฎว่าอัยการก็ส่งกลับมาบอกให้หาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อให้สำนวนสมบรูณิยิ่งขึ้น แต่คณะกรรมการคตส.รู้สึกคล้ายๆ สำนักงานอัยการสูงสุดจะมีใจโน้มเอียง ไปข้างฝากถูกกล่าหาหรืออย่างไรไม่ทราบได้ ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน และเมื่อเวลามันใกล้ถึงกำหนดจำเป็นที่คตส.จะใช้อำนาจหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้ คือเป็นคนฟ้องคดีเอง เพราะนั้นเรื่องก็เลยมาถึงศาลฎีกาแผนกคดีการเมือง ปรากฎว่าศาลได้ชี้ขาดวว่ารับเรื่องนี้ไว้พิจารณา
การรับเรืองนี้ไว้พิจารณาก็เป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกัน เนือ่งจากว่าคดีนี้มีจำเลย 47 คน 47 คนนั้นพ้นจากอำนาจหน้าที่ไปแล้วส่วนใหญ่ มี 3 คนที่นั่งอยู่ในคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน บังเอิญว่ามาจากพรรค ใครจะให้รายละเอียดดีไหมครับ จตุพรจะให้รายละเอียดไหมครับ ว่ารัฐมนตรี 3 ท่านที่มาจากต่างพรรคเป็นใครบ้าง และท่านจะคิดอย่างประการใดต่อไป
จตุพร - เอ่อ..รัฐมนตรีทั้ง 3 คนก็คือ คุณหมอสุรพงษ์ สืบวงค์ลี ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คนที่สอง คุณ อุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน คนที่ 3 คือคุณ อนุรักษ์ จุรีมาศ คุณอุไรวรรณอยู่พรรคประชาราช คุณอนุรักษ์ อยู่พรรคชาติไทย อันเป็นผลพวงมาจากการฟ้องทั้งหมด 47 คน นำโดยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
วีระ – ผมอยากจะให้คุณจตุพร ช่วยอ่านชื่อผู้ถูกกล่าวหาหน่อยครับ เพราะว่าผู้ถูกกล่าวหาใหญ่ๆทั้งนั้น แต่ไม่จำเป็นต้องอ่านถึง 47 คน เอา 4 – 5 คนเท่านั้นเป็นตัวอย่าง
จตุพร - คนที่ 2 นะครับ พล.อ.เชาวลิต ยงใจยุทธ ตอนนั้นเป็นรองนายกรัฐมนตรี คนที่ 3 คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คุณจาตุรน ฉายแสง ร.ต.อ.ปุรุชัย เปี่ยมสมบรูณ์ คุณวิษณุ เครืองาม
วีระ – อือหือ ... นี่ไม่รู้จะอุทานว่ายังไงแล้ว หมดคำอุทาน
จตุพร – คุณสุดารัรตน์ เกยุราพันธ์ คุณเนวิน ชิดชอบ หลายคนครับ
วีระ – ก็คณะรัฐมนตรีมีอยู่ 35 คนใช่มั้ยครับ โดนถูกกล่าวหาไป 30
จตุพร – คนที่ไม่โดยเพราะวันนั้นไม่ได้เข้าประชุมคณะรัฐมนตรี
วีระ – คือโดดร่มก็โชคดีไป กลายเป็นอย่างนั้น และที่เหลือก็เป้นกรรมการโน่น กรรมการบอร์ดของการสลากน อธิบายความหน่อยซิครับว่า.. เดี๋ยวพี่น้องประชาชนจะลืมไปซะว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง
ณัฐวุฒิ – คือเรื่องมันเกิดขึ้นจากกรณีที่รัฐบาลก่อนการยึดอำนาจ โดยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเนี่ย ก๋เกิดความคิดว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลก็คือล๊อตตาลี่ที่ขายกันอยู่เนี่ย ก็มีคนไปออกเลขท้ายสองตัว สามตัว ซึ่งเค้าเรียกว่าหวยเบอร์ที่เขาซื้อกันอยู่ หวยเบอร์ที่เขาซื้อกันอยู่เนี่ยนอกเหนือจากล๊อตตาลี่ทชาวบ้านเขาก็เรียกติดปากว่าหวยใต้ดิน หวยใต้ดินเนี่ยไม่มีกฎหมายรองรับก็ถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ทีนี้เนี่ย แต่ก่อนร่อนชะไลมาคนขายหวยใต้ดินก็มักจะเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ตามพื้นที่ ตามท้องถิ่นตามอำเถอจังหวัดตำบล ก็แล้วแต่
วีระ – เจ้ามือหวยๆ เป็นผู้ทรงอิทธิพล
ณัฐวุฒิ – ครับ เป็นผู้ทรงอิทธิพล แล้วก็ผุ้ทรงอิทิพลดังกล่าวจะทรงอิทธิพลได้ ก็ต้องแตะมือกับเจ้าหน้าที่รัฐนอกแถวนอกส่วนบางคน เพื่อที่จะสร้างอิทธิพลแล้วทำมาค้าหวยใต้ดิน เนี่ยโดยที่ตัวเองก็อยู่รอดปลอดภัยโดยที่ตัวเองอยู่เหนือกฎหมาย ก็เป็นอย่างงี้ตลอด เพราะฉะนั้นรายได้ผลกำไรของการขายหวยใต้ดิน ก็จะตกอยู่เป็นประโยชน์เพิ่มผลให้กับคนกลุ่มนี้ คือเจ้ามือหวยและก็เจ้าหน้าที่รัฐนอกแถวบางส่วนบางคน ก็กินกันอยู่อย่างนี้
คุณทักษิณมาก็เห็นว่า กรณีอย่างนี้ พูดกันตรงไปตงมานะครับท่านผู้ชมที่เคารพครับ คือจะห้ามคนไทยไม่ให้ซื้อหวยก็เห็นว่าจะเป็นเรื่องยากเต็มที แต่ที่นี่เมื่อห้ามกันไม่ได้ เห็นว่าการซื้อหวยนี่มันเป็นวิถีชีวิตของคนไทยจำนวนหนึ่ง ก็แทนที่จะปล่อยให้มันอยู่ใต้ดินเป็นประโยชน์เก็บกินของคนเพียงไม่กี่คนไม่กี่กลุ่ม
จตุพร – คือรับบาลก่อนหน้า มีหวยใต้ดินที่ผิดกฎหมาย อยู่ทุกรัฐบาล แต่ว่าไม่มีการดำเนินคดีกับรัฐบาลที่มีหวยใต้ดิน
วีระ – แต่รัฐบาลดึงขึ้นมาเอาไว้บนดิน
ณัฐวุฒิ – ก็เอาขึ้นมาไว้บนดิน เพราะหวยนี้มันไม่เหมือนถั่วเขียวนะครับคุณวีระ ที่แช่ไว้เฉยๆแล้วจะขึ้นมาเป็นถั่วงอก มันไม่ใช่ เพราะฉะนั้นมันไปอยุ่ใต้ดินจะกี่สิบกี่ร้อยปีก็ตาม ถ้าไม่มีใครดึงมามันก็ไม่ขึ้น ที่นี้รัฐบาล ชุดนั้นเขาก็ดึงหวยใต้ดินมาไว้บนดิน แล้วก็ขายกันถูกต้องตามกฎหมาย ก้พี่น้องประชาชนห้างร้ายนค้าต่างๆ นานา ตามต่างจังหวัดภุมิภาคทั่วประเทศ ก็เป็นตัวแทนจำหน่ายหัวบนดิน
วีระ - ขายเสร็จแล้ว กำไรเอาไปไหนอ่ะ
ณัฐวุฒิ - ก็ได้กำไรแล้ว ส่วนหนึ่งเปอร์เซ้นต์ก็เอาไปให้กับผู้ที่ขาย แล้วว่วนหนึ่งก้คืนมาให้หลวง กองสลากก็จะเก็บรายได้จากหวยบนดินเนี้ยไว้ เอามาไว้เสร็จแล้วก็จะมีโครงการใหม่ๆของรัฐบาล ที่ส่งไปถึงเนื้อถึงตัวพีน้องประชาชนจากกำไรหวยบนดิน
วีระ – ท่านเล่าให้ผมฟังไม่ใช่เหรอ ว่าเงินนี้ไม่ได้เอามากองรวมกับล๊อตตาลี่
ณัฐวุฒิ – ใช่ครับเงินคนล่ะก้อน
จตุพร – คืออย่างนี้ครับ เงินนี้แยกเป็นสองกอง กองลีอตตาลี่ก้แยกเป็นต่างหาก แต่กองเลขท้าย2ตัว3ตัว นายกฯทักษิณ ชินวัตร ในเวลานั้น ก้มอบหมายให้กับคุณจาตุรน ฉายแสงเป็นคนดูแลโครงการนี้ เงินที่ได้จากหัว 2 ตัว 3 ตัว ปีละหมื่นล้านเนี่ยนะครับ ใช้เพียงแค่ 2 ภารกิจเท่านั้น คือ ภารกิจส่วนใหญ่คือทุนการศึกษาของเด็กนักเรียน ทุนที่สองคือ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ติดตามทำคดีต่างๆ มีคนเพียงแค่สองกลุ่มเท่านั้น ไม่มีนักการเมืองไม่มีนักการเมือง ไม่มีส่วนอื่นใดเกี่ยวข้องกับเงินกองทุนนี้เลย
จะเห็นได้ว่า เงิน 1 ทุน 1 อำเภอ หรือทุนที่ได้จากการเรียงความ รวมกระทั่งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เป็ฯนายกตำรวจที่มีเกียรติไม่รับเงินหวยใต้โต๊ะ ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ นะครับ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการเอาเงินนี้คืนให้กับคนจน จะเห็นได้ชัดว่าเงิน 1 กองทุน 1 อำเภอ ลูกหลานคนไทยที่ได้รับทุน ไปเรียนทั่วโลกไม่ใช่กระจุกกันเฉพาะในบางประเทศ คือมองการไกลไปวันว่า เมื่อเด็กยากจน ยากจนแต่เรียนดี ก็มีความสัมพันธืกันทั่งโลก ในวันข้างหน้าเขาจะเป็นตัวแทนแห่งประเทศ
วีระ – พูดจากันง่าย มีเพื่อนมีฝูง กันอยู่ในทุกประเทศ
จตุพร – ฉะนั้นตอลดระยะเวลาที่ดำเนินการหวยบนดิน พี่น้องประชาชนมีความสุข 1. ลูกหลานเขาได้ทุนการศึกษา 2. รายได้ตกอยู่กับรัฐ ไม่ตกกลับไปอยู่คนมีอิทธิพล มันจะสอดคล้องกับการประกาศสงครามต้านยาเสพติด และเอาหวยกลับไปอยู่บนดิน ทุกอย่างไม่มีปัญหาอะไรเลย พอคตส.ไปตรวจสอบ คนที่ตรวจสอบก็ยืนยันว่าไม่มีการทุจริตคอรัปชั่น
วีระ – คุณจาตุรน เขาดุแลรับผิดชอบเรื่องการให้ทุนนักศึกษา เขายืนยันว่าหากมีการทุจริตเรือ่งนี้หล่ะก็เอาไปประหารชีวิตซะก็ได้ เอาไปตัดหัวซะก็ได้ แต่ไม่มี แต่ว่าไม่ทุจริต แต่เขาก็มองว่ามีความผิด เขาที่ว่านี้ก็คือเขาทมี่เขามายึดอำนาจการปกครองเมื่อ 19 กันยายน 2549 เมื่อโค้นล่มรัฐบาลเก่าก็จำเป็นที่จะต้องอยู่เอง ที่จะต้องปราบเสี่ยนหนาม ก็เลยเอาเรื่องนี้มาเป็นเรื่องที่สำคัญ เลยต้องตั้งคตส.มาแล้วก็เอามาตรวจสอบกัน ในทีสุดก็อย่างที่เราได้เห็นในวันนี้ว่า คณะรัฐมนตรี35 คนนั้น ตกเป็นจำเลย 30 ที่เหลือเป็นคณะกรรมการกองสลาก และแต่ละคน ผมดุแล้วก็ขำดี ซึ่งก็บอกว่าขำมาตั้งนานล่ะ ตั้งแต่เขาตั้งข้อกล่าวหาว่าคณะรับมนตรีทั้งคณะต้องมีความผิดเนี่ย โดยเฉพาะ พล.อ.เชาวลิต ยงใจยุทธของผมเนี่ย ผมสนใจมากว่าใครจะไปประกันตัวท่าน และมันต้องมีการประกันตัวกันรึเปล่า ผมต้องไปประกันตัวลูกพี่ของผมหน่อยแล้ว
จตุพร – ในชั้นนี้ยังครับ
วีระ- ในชั้นนี้ยังนะ เอ่าหล่ะ แต่ว่าปัญหาที่ตามมาคือว่าท่านเหล่านั้นไม่เป็นไรเพราะอยู่บ้าน จะเลี้ยงหลานเลี้ยงนกเขาก็สุดแล้วแต่ แต่ว่าคนที่อยู่ในตำแหน่งรับมนตรีในขณะนี้ เขาก็เกิดมีความกังขามีความสงสัยว่า การที่ศาลฎีกาแผนกคดีการเมืองเนี่ย รับฟ้องเนี้ยจะเป็นเหตุให้เขาถูกพักงานตามตัวบทกฎหมายที่เขียนไว้หรือไม่
จตุพร – คดีนี้เนี่ยจะนัดพิจารณาคดีครั้งแรกในวันที่ 26 กันยายน วันนั้นกระบวนการประกันตัวก็ต้องว่าในชั้นนั้น
วีระ – แต่ขั้นนี้เนี่ย พอรับฟ้องแล้วจะพักหรือไม่ เพราะมันเป็นขอ้กำกวมในทางกฎหมาย ที่บัญญัติไว้ คือก็ตีความไปสองทาง คือการที่เขาถูกฟ้องและศาลรับฟ้อง แล้วต้องพักงานนั้น เหตุเพราะกฎหมายไม่ต้องการให้เขาซึ่งนั่งอยู่ตำแหน่งหน้าที่ใหญ่ๆ ไปใช้อิทธิพลต่อสู้คดี หรือสั่งการนู้นนี้ให้มันยุ่งยากวุ่นวาย เพราะฉะนั้นเขาเลยสั่งให้พักงานทันที แต่นั้นต้องหมายความว่าคุณถูกกล่าวหาใรฐานะรับมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แล้วศาลรับฟ้องในขณะรับมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คุณต้องพักงาน ...คุณในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถูกฟ้อง ศาลรับฟ้องในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พักงาน ทางนั้นชัดเจน แต่ปัญหาเรื่องนี้อยู่ที่ว่า ท่านเหล่านี้ เมือ่ครั้งถูกกล่าวหา ท่านเป็นรับมนตรีกระทรวงอะไรกันก็ไม่รู้
จตุพร – คุณหมอสุรพงษ์ กระทรวงไอซีที คุณอนุรักษ์ จุรีมาศ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ คุรอุไรวรรณ กระทรวงวัฒนธรรม
วีระ – แล้วได้เป็นอยู่ 2 ปีมาแล้ว เพราะว่าคณะยึดอำนาจเขามายึดอำนาจซะ 17 เดือน นับมาจนบัดนี้ก็เท่ากับว่าท่านว่างเว้นหน้าที่ มาแล้ว 2 ปี แล้วก็กลับมารับหน้าที่ซึ่งเป็นหน้าที่ใหม่ ของรัฐบาลใหม่ เปรียบเสมือนหนึ่งเกิดใหม่ มาจากการเลือกตั้งของประชาชนครั้งใหม่ ปัญหามีอยุ่ว่ม่านจะต้องพักงานนี้หรือไม่ ก้ชวนให้สงสัยได้ เพราะเรื่องมันขาดตอน ฉะนั้นก็ทั้ง 3 คนปรึกาหารือกัน และก็มีมติกันใน 3 คน ว่าจะทดลองดุให้มันเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายนั่นก็คือการยังไม่พักงาน แต่ว่าจะหารือคณะกรรมการกฤษฎีกาในฐานะที่เป้นที่ปรึกษาทางกฎหมายาของรัฐบาล ในวันพรุ่งนี้ ดูว่ากฤษฎีกาจะแนะนำว่ากระไร แนะนำแล้วท่านก็จะคคิดต่อไปอีกว่าจะตัดสินใจอะไรต่อไป ในขณะนี้เนี่ยก็จะยังไม่มีการพักงาน
ณัฐวุฒิ - คือวันพรุ่งนี้เนี่ย คุรหมอสุรพงษ์ยืนยันว่าจะไปเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี
วีระ – ซึ่บความเห็นส่วนตัวของผมนะ ผมก็คิดว่าน่าจะลองดู เพราะว่ายังไม่เคยใช้กฎหมายนี้มาก่อน ไม่มีใครเคยวางบรรทัดฐานเอาไว้ เมื่อไม่ใครเคยวางเอาไว้ก็ต้องทดสอบดูว่า บรรทัดฐานที่ดีงามที่ถูกต้องนั้นควรจะอยู่ตรงไหน อย่างไร แต่ว่านั่นก็เป็นเหตุผิวเผินนะที่อ้างแบบนี้
จตุพร – คณะกรรมการป.ป.ช.คุณวิชา มหาคุณ และคุณสมลักษณ์ จัดกระบวนพล ก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
วีระ – นักกฎหมายทั้งคู่
จตุพร – นักกฎหมายทังคู่ เป็นคณะกรรมการในป.ป.ช.ทั้งคู่
วีระ – คุณวิชา มหาคุณ บอกว่าไง
จตุพร – บอกว่า ดูตามกฎหมายของป.ป.ช. มาตรา 55 เนี่ย ก็คือว่าต้องเทียบเคียงกัน แต่กรณีคุณสมลักษณ์บอกว่า มาตรา 272 (4) ระบุชัดเจนว่า การถูกกล่าวหาต้องเป็นหน้าที่ตามข้อกล่าวหา ไม่ใช่หน้าที่ขณะที่ป.ป.ช.มีมติ ความเห็นไม่ตรงกันนะครับ
วีระ – เห็นไหมครับ นักกฎหมาย 2 คนอยู่ที่เดียวกัน ยังเห็นไม่ตรงกัน เพราะฉะนั้นจะไปโทษคนอื่นว่าเห็นไม่ตรงกันไม่ได้ ต้องยอมรับความเห็นที่แตกต่างในทางกฎหมาย แต่ผมเนี่ยต้องบอกว่าผมเห็นลึกไปกว่านั้น ผมเห็นลึกไปกว่านั้นก็คตือ ผมเห็นว่า กฎหมายคตส.ออกมาโดยคณะยึดอำนาจ ผมเคยใช้คำว่าพวกนี้คือ “โจรปล้นประชาธิปไตยของประชาชนไป”
ณัฐวุฒิ - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาถือว่าเป็นความผิดฐานกบฎนะครับ
วีระ – อ่า..เป็นโจรกบฎ เมื่อโจรกบฎยึดอำนาจไป แล้วไปตั้งองค์กรต่างๆขึ้น ผมถือเป็ฯองค์กรของโจรด้วยกัน ผมไม่ให้ความเชื่อถือ ผมไม่ให้การรับรอง และผมไม่ปฏิบัติตาม นี่เป้นความเห้ฯส่วนตัวของผมนะ ไม่ผูกมัดกับใคร คือผมอยากให้รัฐมนตรีทั้งสามคน ได้แข็งขอ้อย่างเนี่ย คืออย่าไปปฏิบัติตาม แต่ก็เสียสูตรไปหน่อยนึงว่า ท่านไม่ได้อ้างเหตุผลแบบเดียวกับผม คือท่านไม่ยอมทำตามเพราะท่านไม่ยอมรับกติกาโจร แต่ผมต้องการพุดว่าไม่ยอมรับกติกาโจร ท่านเพียงแต่บอกว่าต้องการให้ดูบบทัดฐานทางกฎหมาย เพราะฉะนั้นถ้าถามผม..ผมอยากให้ไปไกลถึงขั้นนู้นเลย คือมันต้องรื้อโครงสร้าง คือมันต้องรื้อโครงสร้างของประเทศ เสียใหม่ ผมไม่อยากให้ปนกัน
ผมเรียนท่านผู้ชม ที่เคารพอย่างยิ่ง ก่อนนี้บ้านเมืองเราเป็นอธิปไตย ถุกต้องสมบรูณ์ทุกประการไม่มีปัญหาอะไรเลย แล้วก็มายึดอำนาจกันในวันที่ 19 กันยายน 2549 บ้านเมืองกลายเป้นเผด็จการ พอเป็นเผด็จการแล้วก็มาดูแลบ้านเมือง 17 เดือน ใน 17 เดือนนั้น เป็น 17 เดือนในเผด็จการ ซึ่งทั่วโลกไม่มีใครนิยมยกย่องสักคน มีแต่คนเค้าประนามทั้งนั้น ฉะนั้นเวลานี้เรากลับเข้ามาสู่ความเป็นประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่งแล้ว มีการเลือกตั้งแล้ว มีสภาจากการเลือกตั้ง มีรัฐบาล
จากการเลือกตั้ง ผมอยากให้เรามาตั้งต้นประเทศว่าเราไม่รับกติกาโจร เรารับกติกาประชาธิปไตย เราอยากพูดถึงผู้พิพากษาด้วย อัยการด้วย ตำรวจด้วย พูดไปถึงองคืกรอิสระต่างๆ เรามาทำใจกันใหม่ได้ไหม เมื่อบ้านเมืองเราเป็นประชาธิปไตยเช่นนี้แล้ว เราอย่าไปรับกติกาเผด็จการมาใช้ซิครับ เราต้องใช้กติกาของประชาธิปไตย มาใช้ในระบอบประชาธิปไตย อย่าเอากติกาของระบอบเผด็จการมาใช้ในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนเขาสับสน
จตุพร – พวกเราเคยวิพากษ์วิจารณ์กันมาตั้งแต่ที่มาของคตส. แม้ว่าจะเป็นอำนาจ ของหัวหน้ารัฐประหารที่แต่งตั้งก็ตาม แต่ว่าเมื่อเป็นองค์กรที่เรียกว่าไปตรวจาสอบผู้อื่นอย่างงี้เนี่ย ปกติการตั้งคณะกรรมการองค์ใดก็ตาม ต้องมีความชัดเจนในเรือ่งความเป็นกลาง แต่กณณีของคณะกรรมกาคตส. ถามความรู้สึกของคนไทย ว่ คณะรัฐประหารไปเลือกพวกที่เป็นปฏิปักษ์ กับพ.ต.ท.ทักษิณ ผุ้ถูกกล่าวหา ฉะนั้นจะเห็นได้ชัดเจนว่าที่ผ่านมาในห้วงทำนอง การสืบสวนสอบสวนเนี่ยเป้ฯการโฆษณาชวนเชื้อ นำข้อเท็จจริง เห็นปรากฎการณ์การตามอายัดทรัพย์บัญชี ของครอบคัวอดีตนายกรัฐมนตรี ผมเห็นได้ชัดเจนว่าคววามจริงคตส.สามารถข้อข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยมากองรวมกันได้ไว้ทั้งหมด เพราะเป็นทรัพย์สินที่เปิดเผยไม่ได้เป้นความลับ หรือไปซุกแอบทีไหน อยู่ในบัญชีสาระบบธนาคาร แต่ที่คตส.ใช้วิธีทยอยเปิดบัญชีทุกวันจันทร์ ในทำนองให้ความรู้สึกประชาชนว่าตามได้เท่านี้ล่ะนะ ตามมาได้เท่านี้ล่ะ
วีระ – ราวกับว่าไปค้นขุมทรัพย์เขาซ้อนเร้น แหมตามมาด้วยความสามารถเลย เราก็ได้มากองนึง รุ่งขึ้นอีกกองนึง ไอ้คนฟังก็ โอ้โห! เขาเอาไปแอบซ่อนไว้ที่ไหน ความจริงไม่มีอะไรหรอก มันอยู่ในธนาคาร เอามาวันแรกเลยก็ได้
จตุพร – ความจริงของเรา มีเรื่องที่ต้องพูดถึงสตง. ถึงกรรมการผู้ว่าสตง.คนหนึ่งเนี่ย ที่มีความลึกลับซับซ้อน โฆษณาเอาไว้เลยนะครับ
วีระ – แต่ว่าเฉพาะเรื่องนี้เนี่ย เฉพาะหวยใต้ดิน สตง.ตรวจแล้วว่าไม่มีความทุจริต อันนี้เฉพาะอ่ะเราก็ต้องทิ้งไว้
ณัฐวุฒิ – ทีนี้เรื่องในบิ๊กสตง. คนหนึ่งซึ่งเป็นสุภาพสตรี โฆษณาไว้เลยนะครับ มีข้าราชการในสตง.หลายคนเหลือเกินติดต่อเรา มาทางรายการ และเอาข้อมุลมาให้ขอเวลารวบรวมประมวลข้อมูลสักนิดนึง แล้วใครติดตามผู้ยิ่งใหญ่คนหนี่งของสตง.คนหนึ่งที่เป็นสุภาพสตรีตอ้งดูรายการนี้ ทีนี้ผมสนใจเรื่องของคุณ วิชา มหาคุณ เพราวันนนี้ผมก็ได้แถลงประเด็นป.ป.ช.ที่ตั้วข้อสังเกตุเมื่อคืนนี้ คุณวิชาบอกว่า อยากให้นพ.สุรพงษ์ คุณอุไรวรรณ คุณอนุรักษ์ ได้ตัดสินใจที่จะยุติการทำงาน เพราะต้องพิจารณาตามตัวบทกฎหมาย โดยไปอ้าง พระราชบัญญัติประกอบรับธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ก็คือพ.ร.บ.ป.ป.ช.เอามาเทียบเคียงแล้วบอกว่าตัวบทกฎหมายเป็นอย่างนี้
ที่นี้ผมอยากตั้งคำถามกลับไปที่คุณวิชา มหาคุณเหมือนกัน เพราะคุณวิชาเรียกร้องให้ 3 รัฐมนตรียึดตามตัวบทกฎมหายในมาตรา 55 ของพ.ร.บ.ประกอบรับธรรมนูญว่าด้วยป.ป.ช.เนี่ย แล้วเวลาเราเรียกร้องให้คุณ วิชา ยึดตัวบทกฎหมาย มาตรา 112 ของพ.ร.บ.ฉบับเดี่ยวกันว่าด้วยการเข้าดำรงตำแหน่ง และปฏิบัตินหน้าที่โดยให้มีการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งโดยองค์พระมหากษัตริย์ คุณวิชากลับไม่ยึดตาม
วีระ – คุณวิชากลับไม่สนใจ แต่ว่าเดี๋ยวหมดเวลาเรามาต่อด้วยเรื่องนี้ได้ไม่มีปัญหา ยเอาล่ะอนุญาติให้ณัฐวุฒิพูดต่อ
ณัฐวุฒิ-พ.ร.บ.ป.ป.ช. ใจคอจะให้บังคับใช้เฉพาะ 3 รัฐมนตรี จาก ป.ป.ช.9 คนที่คนเรียกร้อง ใครต่อใครเรียกร้องว่าให้ดูมาตรา 12 ว่าด้วยที่มาและการเข้าดำรงตำแหน่ง คุณวิชาก็เพิกเฉย
จตุพร -ไม่จำมาตรา 12 จำแต่มาตรา 55
ณัฐวุฒิ -แล้วมาบอกให้ 3 คนนี้มาเคารพมาตรานี้ คุณวิชาอ้างว่าที่ตัวเองไม่ต้องคำนึงถึงบทบัญญัติของ พ.ร.บ.ป.ป.ช. ก็เพราะว่าตัวเองแต่งตั้งโดย รัฐาธิปัตย์ คือ พลเอกสนธิ บุญรัตนกริน ซึ่งพูดอย่างตรงไปตรงมาตามภาษากฏหมายอย่างที่คุณวีระบอกประมวลกฏหมายวิธี หรือเป็นหัวหน้ากบฏ คำถามของผมคือ ถ้าคุณวิชา มหาคุณ ถ้าเอากันอย่างนี้ ความหมายว่า วันนี้ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี คุณอุไรวรรณ เทียนทอง และคุณอนุรักษ์ จุรีมาศ ถ้าได้แต่งตั้งโดยรัฐาธิปัตย์ ก็ไม่ต้องหยุดงานใช่ไหม เพราะว่าคุณวิชาเขามาโดยไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.นี้ แล้วอ้างตามที่รัฐาธิปัตย์ตั้ง
จตุพร-โดยมาตราฐานของคุณวิชา มหาคุณ วันนี้ออกสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ มีกรณีที่นักข่าวไปถามกรณีที่ดีเอสไอไปจับหลานชาย ซึ่งคุณวิชา ก็ยอมรับว่าเป็นหลานชายจริงๆ ว่ามีการหนีภาษี 300 ล้าน คุณวิชาบอกว่าเรื่องนี้เป็นการกลั่นแกล้งกัน คุณวิชาบอกว่าเรื่องนี้ต้องเป็นหน้าทีของศุลาการไม่ใช่หน้าที่ของดีเอสไอ ผมมองโดยมโนสำนึกตัวเองเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะชอบหรือไม่ชอบเราวิจารณ์ไปแล้ว ก็ควรให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการไป ในเมื่อตัวเองเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. นี้ออกมาชี้ตูมเลยว่านี้เป็นการกลั่นแกล้งและเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของตนเอง
ณัฐวุฒิ -ผมอยากจะกลับมาถามคุณวิชาว่า ตกลงอำนาจรัฐาธิปัตย์มันยิ่งใหญ่แค่ไหน ทำอะไรได้ทุกอย่างหรือครับ รัฐาธิปัตย์ตั้งมาแม้ว่าขัดพ.ร.บ.เดียวกันแต่คุณวิชาอกมาปฏิเสธ พร้อมกับยืนยันจะอยู่ในวาระครบ 9 ปี แต่นี้ประชาชนเขาเลือก และได้มีการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง พร้อมดับเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่ขัด พ.ร.บ.นี้คุณวิชาบอกให้เคารพและหยุดตามตัวบทกฏหมายทันที
วีระ -เรื่องรัฐาธิปัตย์มีคนพูดได้ไว้หลากหลาย ความจริงแล้วก็เป็นนักกฏหมายเหมือนกัน ถ้าจะเอาคำว่า รัฐาธิปัตย์มาอ้าง อาจจะอ้างได้ในช่วงที่พลเอกสนธิ บุญรัตนกริน เป็นหัวหน้ายึดอำนาจไว้ในกำมือ ตรงนั้นถ้าจะพอจะอ้างก็สามารถอ้างได้ แต่ ณ วันที่คุณสนธิ ขอพระราชทานการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ตัวเองเป็น หัวหน้าคณะ คปค. นั้นคือฐานะในการเป็น รัฐาธิปัตย์ ของคุรสนธิ บุญรัตนกริน จบสิ้นลงไปแล้ว มีนักกฏหมายบอกว่าถ้านับเรื่องรัฐาธิปัตย์ เพราะฉะนั้นต่อจากนั้นจะเห็นว่า คุณสนธิในฐานะที่เป็นหัวหน้าในการยึดอำนาจจะแต่งตั้งใครตั้งใครต้องขึ้นทูลเกล้า แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีต้องขึ้นทูลเกล้า ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฏหมายหมด
จตุพร - แต่ว่ามาเว้นอยู่ 14 คน มาเป็นรัฐาธิปัตย์มาอยู่ในหัวใจของคุณวิชาและพวก
วีระ -เพราะฉะนั้นเป็นคำถามที่คุณวิชาจะต้องตอบ เพราะว่าเราจะไม่หยุดอยู่แค่ตรงนี้ให้หมดเวลา เพราะว่ามันยังมีเรื่องตกค้างมาจากเมื่อคืนนี้ เรื่องที่ตกค้างมาจากเมื่อคืนและต้องการความกระจ่าง จาก กกต.
จตุพร -ผมอ่านประเด็นให้ฟังเลยนะครับคาดว่าท่านจะติดตามรายการของเราอยู่ และตอบมาตามสิ่งที่เราถามเลยแต่คำตอบจะตรงคำถามหรือเปล่าต้องฟังกัน
ณัฐวุฒิ -เลขาธิการ กกต. คุณสุทธิพล ทวีชัยการ มาพูดเรื่องการสอบสวนสืบสวนบัตรเลือกตั้ง ในกรณีที่มีผู้ร้องเรียนมาที่ประธาน กกต.พ.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย ไปร้อง เลขา กกต.ได้กล่าวว่าตนได้รับรายงานจากอนุกรรมการสอบสวนทั้ง 4 ชุด สรุปสำนวนข้อเท็จจริงมาที่คณะอนุกรรมการ และขณะนี้คณะอนุกรรมการกำลังสรุปสำนวนเพื่อเสนอให้ทาง กกต. เชื่อว่าจะนำเสนอให้ทาง กกต.ได้โดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้การสอบสวนของอนุกรรมการทั้ง 4 ชุดได้สอบสวน คณะกรรมการ กกต. โรงพิมพ์ เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเอาเท่านี้ก่อน ผมจะถามคุณ สุทธิพล ทวีชัยการ ว่าพ.ต.ต.เสวก ไปถาม กกต.ทั้ง 5 คนรวมถึงคุณสิทธิพลที่เป็นเลขาฯ ด้วยพิมพ์เลือกตั้งมาเกินทำไมตั้ง 20 % รวมกันทั้งแบบแบ่งเขตและแบบเลือกตั้งรวมกันประมาณ 50กว่าล้านใบ แล้วก็น่าจะตอบได้เลยไปตั้งกรรมการสอบใคร คือเราถามห้าท่านนั้นบวกหนึ่งคือคุณสิทธิพล และก็ต้องตอบได้เลย เพราะพนักงานโรงพิมพ์ พนักงาน กกต. เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เขาทำตามโยบายของ 5 ท่านนี้ แล้วก็การดำเนินการของคุณสิทธิพล พอเราไปถามตรงๆ ก็บอกว่าต้องตั้งอนุกรรมการขึ้นมา 4 ชุด แล้วก็มีอนุกรรมการชุดใหญ่ชุดหนึ่งคอยรับเรื่องจาก 4 ชุดนี้ มันจะไม่อารมณ์ขันไปหน่อยหรือครับ
วีระ -หนึ่งไม่ตอบเรื่องว่าเพราะเหตุใด ว่าทำไมถึงได้พิมพ์บัตรเลือกตั้งมากมายอย่างนั้น คำถามที่สองและเป็นคำท้าทายด้วย ถามว่าบัตรที่เหลืออยู่ที่ไหน ขอไปดูกัน พิสูจน์กัน เอาผู้สื่อข่าวทุกสาขาที่ให้ความสนใจรายการเราก็จะไปด้วยขอไปดูว่าบัตรที่เหลืออยู่ที่ไหน
ณัฐวุฒิ -ถ้าเอาบัตรที่เหลือมาดูไม่ได้ กกต.ก็เหลือบัตรเดียว ก็คือบัตรเสีย
จตุพร -แต่ว่ามีประเด็นเพิ่มเติม อย่างแรกมีเจ้าหน้าที่ กกต.ได้ทำหนังสือไปยัง พ.ต.ต. เสวก มาให้ปากคำ และหลีกเลี่ยงการที่จะมาให้ชื่อ โดยใช้วิธีการป็มลายมือแทน เพื่อที่จะแสดงตน แต่ประเด็นที่เพิ่มเติมมาก็คือว่า มีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งแบบสัดส่วนมีจำนวนเกินกว่าที่จะใช้จริง มีการระบุว่าผู้ควบคุมการพิมพ์ของบริษัท ที.เค.เอส. แมเนจเมนท์ ซึ่งทำการพิมพ์บัตรแบบสัดส่วนได้ทำการแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ กกต.ที่ควบคุมการพิมพ์ว่า มีการพิมพ์บัตรเกินรันนิ่งนัมเบอร์ผิดไปเป็นจำนวนกว่า 1 ล้านฉบับ และเกินกว่า 55 ล้าน นี้เป็นล้านที่ 56 บัตรนี้อยู่ที่ไหน
วีระ -ท่านผู้ชมอาจจะตั้งข้อสังเกตหรือถามพวกผมทั้งสามคนก็ได้ว่าพวกนี้สนใจอะไร เรื่องบัตรเกิน มานั่งพูดอยู่ได้ ผมก็จะอธิบายเลยครับ เพื่อที่ท่านจะได้คลายความสงสัย ว่าคุณเสวก ปิ่นสินชัย ตั้งข้อสังเกตว่าที่พิมพ์บัตรเกิน เอาบัตรนี้ไปหมุนเวียนที่คนลงเสียง วันที่ได้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า ไปเลือกตั้งและไดมีการใส่หีบจริง เสร็จแล้วก็เอาหีบนั้นทิ้งไป แล้วก็เอาบัตรที่เกินนี้ล่ะครับมาใช้กากัน ตามความประสงค์ที่อยากจะให้พรรคไหนชนะก็กาพรรคนั้น เสร็จแล้วเอาหีบใบนี้ไปแทนที่ นี่คือความสงสัยของคุณเสวก ปิ่นสินชัย และต้องการรอการพิสูจน์ เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่าในกรุงเทพมหานครว่าทำไมผลเอ็กซิกโพลมันถึงได้มีการผิดพลาดมาก มันเป็นไปไม่ได้เพราะเราเห็นว่าผลเอ็กซิกโพลทำมากี่รอบก็เฉียดฉิว
ณัฐวุฒิ -เราจะเห็นว่าการเลือกตั้งล่วงหน้ากับการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 มันสวนทางกัน ผมได้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ กกต.ว่ามันมีบางเขตในกรุงเทพฯ กรรมการนับคะแนนแยก เอาหีบล่วงหน้านับต่างหาก ผลปรากฏว่าผลคะแนนในหีบเลือกตั้งล่วงหน้าผู้สมัครพรรคจากประชาธิปัตย์ได้ 21,000 คะแนน ผู้สมัครพรรคพลังประชาชนได้คะแนนประมาณ 800 คะแนนเศษ แต่ปรากฏว่าผลคะแนนในวันเลือกตั้งจริงมีความสู่สีใกล้เคียงกันอย่างยิ่ง นั้นหมายความว่าคนที่เลือกตั้งล่วงหน้าเลือกพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ แล้วที่หลังค่อยนึกได้ในวันเลือกตั้งจริงกลับมาเลือกพรรคพลังประชาชน
วีระ -นี้ก็เป็นประเด็นปัญหา และก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่จะพูดให้ชัดกันไปเลย ว่าที่เขามีการตั้งข้อหาว่ามีการฮั้วกันเพื่อพิมพ์บัตร ระหว่าง 2-3 บริษัท ทางกกต.ได้มีการประชุมกันหลายครั้งบรรดากรรมการทั้ง 5 คน แต่ผิดปกติอยู่ว่า กรรมการท่านหนึ่งซึ่งค่อนข้างที่จะตรงฉินท่านไม่เข้าประชุม
ณัฐวุฒิ -ผมเรียนอย่างนี้ครับว่าเรื่องการพิมพ์บัตรลงคะแนนได้มีความไม่ชอบมาตั้งแต่การพิมพ์บัตรรับ-ไม่รับร่าง รธน.
วีระ -ผมเรียนให้ประชาชนได้เข้าใจอย่างชัดเจนว่าการลงมติรับ-ไม่รับการร่าง รธน.นั้นคือการซ่อมการเลือกตั้งครั้งแรกอย่างเป็นทางการ แต่เรื่องนั้นไม่มีโจทย์ เพราะว่าเป็นเรื่องของประชามติ แต่ที่จริงแล้วเขาซ้อมก่อนที่จะมาถึงในวันข้างหน้าก็คือวันที่ 23 ธันวาคม
จ-ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งบอกว่าคนมาเลือกตั้งไม่เกิน 80 ฉะนั้นพิมพ์บัตรก้ไม่น่าจะเกิน 90-95 % ยกเว้นถิ่นทุรกันดารเอาบัตรไปสำรองไว้ 100% แต่ว่าเวลาที่จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พิมพ์เกินมา 22 %
ณัฐวุฒิ -ปรากฎว่าผลการประกวดราคา การจัดซื้อจัดจ้างทั้งการพิมพ์ประชามติ และบัตรการเลือกตั้งได้แค่สองบริษัทคือ บริษัทจันวานิชซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง จำกัด และบริษัท ที.เค.เอส. สยามเพรส แมเนจเม้นท์ ก็ได้มีการประชุม กกต.และก็พูดเรื่องนี้เป็นระยะๆ ปรากฏว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เมื่อทางเจ้าหน้าที่ทางกกต.คนหนึ่งส่งข้อมูลมาให้เราเป็นรายงานการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีทั้งหมด 5 ท่าน ส่งข้อมูลมาให้ ปรากฏว่าน่าแปลกมาก ในแต่ละวันที่ได้มีการคุยกันเรื่องการพิมพ์บัตรในการลงคะแนนไม่ว่าจะเป็นบัตรประชามติ หรือบัตรการเลือกตั้ง มีคณะกรรมการกาเลือกตั้งคนหนึ่ง มักจะลาประชุมและไม่อยู่ในที่ประชุม คณะกรรมการท่านนั้นปรากฏหลักฐานว่าไม่อยู่ในที่ประชุมทุกวันก็คือคุณสดศรี สัตยะธรรม ที่ท่านไม่เอาประชุมอย่างนั้นเพราะว่า
วีระ -จะเป็นเพราะว่าท่านไม่อยากจะร่วมมือกับคนที่คิดการณ์ไม่ดี
ณัฐวุฒิ -ผมเข้าใจว่าคุณสดศรีคงไปเห็นข้อพิรุทบางประการ การประชุมเพื่อการพิมพ์บัตรประชามติของกกต. มีวันที่ดังต่อไปนี้14 มีนาคม 2550คุณสดศรีลา 4พฤษภาคม 2550คุณสดศรีลา คุณสดศรีมาเข้าประชุมครั้งแรกและครั้งเดียวในการพิจารณาเรื่องนี้คือวันที่ 18 กรกฎาคม เข้าปุ๊บได้เรื่อง เพราะว่าคุณสดศรีได้ตั้งเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประชุมกันอยู่ก่อน 3 ประเด็นดังนี้1.บริษัททั้งสองที่ได้รับการประกวดราคา เป็นบริษัทเดิมที่ได้รับการประกวดราคาให้พิมพ์ในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา จากสำนักกรรมการการเลือกตั้งด้วยวิธีพิเศษ โดยไม่มีการประกวดราคาแต่อย่างใด ซึ่งแสดงว่าทั้งสองบริษัทนี้มีความเกี่ยวพันกับทาง กตต.มาก่อนอย่างยาวนาน 2.บริษัททั้งสองมีเรื่องร้องเรียนว่ามีผู้มีอิทธิพลในคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดเดิมมีหุ้นส่วน แต่ถ้าดูแล้วว่ามัผู้มีอิทธิพลจากกรรมการชุดเดิมก็ไม่น่าจะมีอิทธิพลต่อชุดนี้ นี้แสดงว่ามีอิทธิพลต่อเนื่อง 3.สำนักงานกรรมการการเลือกตั้ง มีการอนุมัติการจัดจ้างครั้งนี้ในช่วงเวลากระชั้นชิด คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่มีเวลาเพียงพอในการพิจารณารายละเอียดประกอบกับผลการตรวจสอบทางเทคนิคของโรงพิมพ์ที่เสนอราคาผ่านการพิจารณาเพียง 3 รายเท่านั้น ซึ่งสองบริษัทเดิมก็เข้าอยู่แล้ว นี้คุณสดศรีเข้าครั้งเดียวแล้วก็ทีกท้วงเลย ปรากฎว่าหลังจากนั้นวันที่ 23 กรกฎาคม 2550คุณสดศรีลาประชุม แต่คุณประพันธ์ นัยโกวิทย์ ซึ่งอยู่ในที่ประชุมได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบหลังจากที่คุณสดศรีประท้วง บอกว่าการเสนอเรื่องการพิมพ์บัตรลงประชามติต่อคณะกรรมการที่ประชุมการเลือกตั้งในวันที่ 18 กรกฎาคม 2550ไม่ทราบเรื่องและรายละเอียดมาก่อน ทั้งที่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นการเสนอเรื่องการบริหารจัดการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้เสนอผ่านตามสายงานและไม่ได้แจ้งให้ทราบมาก่อน ประกอบกับการเสนอเรื่องดังกล่าวไม่ได้บรรจุเป็นวาระการประชุมอย่างเป็นทางการ ซึ่งไม่ได้มีส่วนในการพิจารณาหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ขอให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบบันทึกข้อชี้แจ้งให้ทราบต่อไปคือ 1.เหตุใดจึงต้องพิมพ์บัตรเกินกว่าจำนวนที่มีผู้ออกเสียงเป็นจำนวนมาก
จตุพร -นี้แสดงว่ามีปัญหาตั้งแต่เรื่องบัตรการลงประชามติแล้ว
วีระ -ทางคณะกรรมการ กกต.ก็ยังตั้งข้อสังเกตแบบเดียวกับเราอย่างไม่ได้นัดหมาย
ณัฐวุฒิ -2.เหตุใดต้องพิมพ์บัตรตัวอย่างเป็นจำนวนมาก และราคาพิมพ์บัตรดังกล่าวเป็นราคาที่สมควรหรือไม่ คือคุณประพันธ์ ก็มีข้อสงสัยหลังจากที่คุณสดศรีได้มีการทักท้วง แล้วก็ได้พูดไว้ให้เป็นบันทึกในการประชุมซึ่งผมไม่แน่ใจว่าหากมีการดำเนินคดีใดๆ คุณประพันธ์อาจจะใช้เป็นหลักฐานว่าตัวเองนั้นได้ทักท้วง ประเด็นที่น่าสนใจก็คือว่าหากมีการพิมพ์บัตรลงประชามติมากเกินผู้ที่มีสิทธิ์อย่างที่คุณประพันธ์ว่า
วีระ -ที่นี้การลงประชามติทำอย่างเดียวกันกับการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 คือลอกแบบกันออกมาเลย
ณัฐวุฒิ -คือการประชุม กกต.ในการพิจารณาบัตรเลือกตั้งวันที่ 9 ตุลาคม 13 พฤศจิกายน 20 พฤศจิกายน คุณสดศรีไม่เข้า 27 พฤศจิกายน เธอเข้าแต่ก็ไม่ได้มีมติอะไรสำคัญในการประชุมวันนั้น แล้วหลังจากนั้นในวันที่ 23 ธันวาคม คุณสดศรีก็ไม่ได้เข้าประชุมเช่นเดียวกัน อันนี้ผมพูดกันแบบบ้านๆ ว่าหากเรื่องนี้มีการฟ้องร้องคดีในชั้นศาล ซึ่งในขั้นตอนการสอบสวนก็ต้องมีการเดินหน้า ตามที่ พ.ต.ต.เสวกฟ้องร้องอยู่ คุณสดศรีอาจจะถูกกั้นไว้เป็นพยานหรือเปล่า
จตุพร -คือวันนี้ในส่วนของโรงพิมพ์ทั้งสองแห่งทางดีเอสไอ ก็แถลงเตรียมออกหมายจับ โดย พันตำรวจเอกสุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ส่วนคดีที่มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษว่า กกต.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หลังได้รับการแจ้งข้อมูลภายหลังการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินจำนวนผู้มีสิทธิ์ในการเลือกตั้งล่วงหน้า ดีเอสไอก็ได้แจ้งสำนวนส่งให้ทาง ป.ป.ช.ไปแล้ว
วีระ -ส่งไปทาง ป.ป.ช.ก็ส่งหายสิครับ
จตุพร -คือว่าเรื่อง ที่เป็นสาระหลักส่งไปที่ทาง ป.ป.ช.ส่วนเรื่องที่ดีเอสไอสามารถดำเนินการได้เองและเตรียมออกหมายจับก็คือ 2 โรงพิมพ์ กรณีฮั้วการประมูลในการพิมพ์บัตรการเลือกตั้ง
ณัฐวุฒิ -กรณีฮั้วอยู่ในอำนาจของดีเอสไอสามารถตรวจสอบได้
จตุพร -จะมีการเชิญคณะกรรมการเลขาธิการการเลือกตั้งมาให้ข้อมูลในประเด็นโต้แย้งในการสอบสวนของดีเอสไอ แต่ว่าตัวดีเอสไออย่างไรก็แล้วแต่ในการฮั้วการประมูลสามารถสอบสวนเองได้
ณัฐวุฒิ -ส่วนประเด็นที่เหลือของทาง กกต.ส่งไปให้ ป.ป.ช. เอาลูกรัฐาธิปัตย์มาตรวจสอบกันเองจะได้ผลหรือครับ
จตุพร -ประเด็นคือว่าถ้าทาง กกต.โต้แย้งในประเด็นฮั้วการประมูล ก็อาจจะมีปัญหาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นวันที่ 31 หลังจากที่ได้มีการโต้แย้งกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ว่าถ้าทางดีเอสไอดูข้อมูลแสดงว่าเป็นมีหลักฐานครบถ้วนที่จะดำเนินคดี
วีระ -สรุปคือว่าท่านทั้งหลายที่เป็น กกต.ท่านไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ พวกผมถือว่าไม่มีอำนาจในการเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ต้น และไม่มีสิทธิ์ที่จะรับเงินเดือนค่าตอบแทนตามพระราชบัญญัติเงินเดือน อันนี้ขอยืนยันคำกล่าวของเราตั้งแต่ต้นประเด็นต่อมาก็คือ ผลงานที่ท่านที่เราได้เรียบเรียงให้ฟังในแต่ละเรื่องไม่น่าไว้วางใจ ไม่มีความโปร่งใสและดูท่าที่ไม่พร้อมที่จะให้คนอื่นตรวจสอบ ไม่มีศักดิ์ศรีที่จะทำหน้าที่ผดุงความยุติธรรม ท่านไม่ได้ตอบคำถามในสังคมให้คนได้เห็นอย่างตรงประเด็น อ้อมไปอ้อมมา ท้ายที่สุดความในที่คุยกันมันรั่วไหลอกมาข้างนอกได้อย่างไร เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ยังไม่จบ
ณัฐวุฒิ -ท่านกกต.ทั้งหลายครับคุณวีระถามเชิงท้านะครับว่า บัตรเลือกตั้ง ที่เหลือเกือบ 50 ล้านใบอยู่ที่ไหน
วีระ -แม้แต่บัตรเลือกตั้งที่ใช้ไปแล้วที่ยังไม่ได้ทำลาย และต้องขอดูด้วยเหมือนกัน
จตุพร -คือเรื่องประชาธิปไตย เรื่องความโปร่งใส ควรจะได้รับการพิสูจน์ว่าโปร่งใสอยู่
เราเห็นคนทั้ง 14 คนเข้าดำรงตำแหน่งโดยไม่ได้รับการแต่งตั้ง
ณัฐวุฒิ -ยกเว้นคนทั้ง 14 คนที่มีความภาคภูมิใจเหลือเกินในการเป็นมรดกเผด็จการก็เห็นแล้ว เห็นผลการดำเนินการของคน 14 คนต่อบ้านเมืองโดยเฉพาะเรื่องบัตรการเลือกตั้ง อยู่ที่ไหนครับทางกกต. เราจะไปดูเพื่อมาถ่ายทำและมาดูกัน