คอลัมน์: ละครชีวิต
ในวงสนทนามีคนแนะนำกันว่า ถ้าอยากให้ประเทศชาติสงบสุข บ้านเมืองไม่วุ่นวายแบบนี้ ก็ขอเอาใจช่วยพรรคประชาธิปัตย์ถล่มพรรคพลังประชาชน และถ้ามีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ก็เลือกพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเป็นรัฐบาล
คนที่อยู่ในวงสนทนาอีกหลายคนดูท่าจะหงุดหงิดอยู่ไม่มากก็น้อย บางคนจินตนาการไปไกลถึงในช่วงพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมี นายชวน เชื่องช้า เป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัย
บางคนบอกว่า แค่คิดก็ “สยอง” แล้ว เพราะไม่รู้ว่าบ้านเมืองเราจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในยามที่เศรษฐกิจเลวร้ายแบบนี้
อันที่จริงผมมองว่า “ข้อดี” ของพรรคประชาธิปัตย์ก็มีดีอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะบุคลากรของพรรคนี้มีคนขยันขันแข็งมากกว่าพรรคพลังประชาชนหลายเท่าตัว
ในฐานะของคนทำสื่อเอง ยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความตื่นตัวในทุกๆ วัน โดยเฉพาะ นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ หรือบรรดาทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์
เพราะทุกๆ วันจะต้องมีข่าวออกมารับลูกกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่กำลังถล่มรัฐบาลอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์
เรียกได้ว่าขยันตอบโต้ กระทั่งวันหยุดราชการก็คิดประดิดประดอยถ้อยคำออกมาสาดใส่รัฐบาลอย่างถึงลูกถึงคน
แม้จะมีบุคลากรที่ขยันแบบนี้ แต่ประชาชนก็ไม่ได้ไว้วางใจเลือกพรรคประชาธิปัตย์มากยิ่งขึ้น ผมไม่กล้าพอที่จะบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์มีคนประเภทโง่แต่ขยันเยอะ
เพียงแต่อยากบอกว่า มันคือ “จุดด้อย” ของประชาธิปัตย์ เพราะภาพลักษณ์มันดูเลวร้ายมากยิ่งขึ้นทุกวัน
ที่ผมต้องเขียนถึงพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง เพราะบังเอิญไปเจอเรื่องราวในวงสนทนาดังกล่าว และอ่านบทสัมภาษณ์ของ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ "คุณปลื้ม" ที่ประกาศลงชิงชัยในสนามเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ บอกว่า “บางคนเบื่อหน่ายที่ประชาธิปัตย์สอดคล้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเชื่อว่ามีฐานเสียงของประชาธิปัตย์ที่ไม่ happy กับสไตล์ของพรรคที่เน้นตรวจสอบลูกเดียว เหมือนสนับสนุนเอ็นจีโอ และถ้าฐานเสียงประชาธิปัตย์ happy ตัวผม ผมก็น้อมรับ แต่ถ้านั่งเชียร์ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ต้องมาเลือกผม และผมไม่ชอบมีหนี้ คือทำอะไรจะไม่ไปกู้ธนาคารมาทำธุรกิจ ผมไม่ติดหนี้บุญคุณใครเพื่อเป็นผู้ว่าฯ กทม.”
นี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากของผู้ประกาศตัวจะลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งถือเป็นการประกาศจุดยืนที่แน่วแน่มั่นคง ไม่หลงไปตามกระแสใคร
แม้ปัจจุบันพรรคประชาธิปัตย์มีสโลแกนว่า “ประชาชนต้องมาก่อน” เป็นคำที่สวยหรู แต่ก็พิสูจน์ไปแล้วว่า ไม่เคยทำได้แม้แต่สักนิดเดียว ยามบ้านเมืองถูกป่วนด้วย “อันธพาลข้างถนน” พรรคนี้ก็ยังยอมตัวเข้าเป็นทาสรับใช้สุดๆ
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้รับความนิยม แม้กระทั่งการเลือกตั้งในกรุงเทพฯ ครั้งที่ผ่านมาก็มีคนครหาว่าได้ ส.ส. มาเพราะอำนาจเถื่อน
แต่แม้จะใช้อำนาจเถื่อนอย่างไร ก็ยังไม่สามารถเข้ามาเป็นรัฐบาลได้ และยังหลงใหลคว้าเงาอยู่ตลอดเวลา
จากการออกมาโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่องของพรรคประชาธิปัตย์ จึงได้เห็นวิสัยทัศน์ของคนในพรรคได้อย่างชัดเจน
ดังนั้น นิยาม "เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น" จึงคงทนกับพรรคประชาธิปัตย์ตลอดไปตราบนานเท่านาน!
ลวดหนาม