คอลัมน์ : มารศาสนา
แทบไม่อยากเชื่อว่า สันติอโศก จะตั้ง “กองทัพธรรม” ขึ้นมาเป็นกองกำลังนักรบมือเปล่า ถูกวางตัวลงให้ทำงานเป็นแนวหน้าหัวหอกชุมนุมประท้วง ประกาศขับไล่รัฐบาล ทั้งๆ ที่รัฐบาลเพิ่งจะเข้ามาบริหารประเทศได้ไม่กี่เดือน
สันติอโศกได้ตั้งข้อกล่าวหานายกรัฐมนตรี ฯพณฯ นายสมัคร สุนทรเวช ว่าเป็น “นอมินี” ของอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร โดยมีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นคอหอยกับลูกกระเดือก ร่วมกัน “ประท้วง” จะเอาให้ออกจากการเป็นรัฐบาลให้ได้
มันเป็นการขับไล่โดยที่รัฐบาลยังไม่เคยทำอะไรผิด
สันติอโศก กับ พันธมิตรฯ ไม่สนใจว่าผิดหรือไม่ผิด เขาสนอยู่เพียงอย่างเดียวว่า ต้องขับไล่ให้สำเร็จให้ได้ ถ้าขับไล่ยังไม่สำเร็จ ก็ต้องชุมนุมประท้วงขับไล่ต่อไป
เรื่องราวแบบนี้ได้ก่อความเสียหายให้เกิดกับประเทศไทยของเราอย่างไม่มีทางเลี่ยง ผมเชื่อว่าผู้คนในโลกคงจะแปลกใจพิลึกว่า ประเทศไทยที่ได้ชื่อว่ามีทุกอย่าง เช่น มีสิทธิเสรีภาพ มีอาหารการกินมากมายก่ายกอง ประชาชนร้อยละ 95 อยู่ดีกินดี
แล้วเหตุไฉนบ้านเมืองกลับเต็มไปด้วยความเลวร้าย?
คนต่างชาติเขาสงสัยประเทศไทย แต่เขาไม่มีวันรู้ดอกว่า ภายในประเทศไทยของเรานั้น มีคนชั่วอยู่กี่กลุ่ม กี่คณะ คนไทยเราเองสิครับรู้ดี รู้ว่า “พันธมิตร” ชั่วเพียงไหน สันติอโศกเลวเพียงไร แต่ก็อีกนั่นแหละ ขณะที่คนฝ่ายหนึ่งกล่าวหาว่าพันธมิตรฯ ชั่ว กล่าวหาต่อไปว่า สันติอโศกเลว...แต่ญาติธรรมของพวกเขา (พันธมิตรฯ และสันติอโศก) กลับพากันยกย่องสรรเสริญ!
ในเวลาเดียวกัน สื่อในประเทศไทยของเราเองก็พากันยกย่องเยินยอ จึงทำให้ทั้งพันธมิตรฯ และสันติอโศก พากันได้ใจ อยากจะทำอะไรกับรัฐบาลก็ทำทันที โดยไม่มีความเกรงใจประชาชนว่า ผู้คนส่วนใหญ่ที่เขาเป็นฝ่ายเสียงข้างมาก จะมีความรู้สึกอย่างไร
ความจริง ใครจะขับไล่รัฐบาลอย่างไรคงไม่มีใครห้ามได้
แต่ขอให้ใช้ “รัฐสภา” เป็นเวทีในการขับไล่ หรือหากจะขับไล่บนถนนก็ต้องถือเอาเรื่องไม่ดีมาอ้างอย่างสมเหตุสมผล มีข้อกล่าวหารัฐบาลมีความผิดมหันต์ แล้วลงมติเอาเองว่า ไม่อาจปล่อยให้บริหารประเทศชาติต่อไปได้ จำเป็นต้องประท้วงขับไล่บนถนน อย่างนี้เป็นต้น
บนความเป็นจริง...รัฐบาล 6 พรรค โดยมี นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ปรากฏแม้แต่นิดว่ามีความผิด แต่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ต้องเผชิญกับเส้นทางวิบาก ถูกชุมนุมขับไล่คล้ายกับว่ามีความผิดมหันต์
พวกที่ชุมนุมขับไล่ไม่ได้มีความสงสารประเทศของตัวเองเลย มุ่งแต่จะเอาชนะสถานเดียว โดยเฉพาะ “สันติอโศก” ซึ่งประกาศนักประกาศหนาว่า เป็นผู้มีศีล-มีธรรม กลับประพฤติตนเยี่ยง “มหาโจร” จะปล้นดิบทุกคนที่ตัวเองอยากปล้น
สันติอโศกจึงไม่แตกต่างจากโจรก่อการร้ายในเมือง ที่กล้าแม้จะบ่อนทำลายชาติของตน และเรื่องนี้เกิดการโยงยึดกับตัว พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อย่างไม่มีทางเลี่ยง ซึ่งบางคนเรียกคนผู้นี้ว่า “ไอ้จำลอง” ผู้มีใจสกปรกโสมม นึกไม่ถึงว่าคนเคยเป็นผู้ว่าฯ กทม. เคยเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ เคยเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ จะมีหัวใจ “กระด้าง” ยิ่งกว่าหัวใจโจรป่า
แต่มันก็ได้เป็นไปแล้ว
เรื่องนี้นะครับ กระผม “นายสอาด จันทร์ดี” ต้องขออภัยท่านผู้อ่าน ขอเป็นคนเขียนหนังสือในภาษาและถ้อยคำที่ดุเดือด แดกดัน เพราะว่าถ้าไม่เขียนเช่นนี้ จะไม่มีวันเข้าถึงเลือดชั่วของคนชื่อ จำลอง ศรีเมือง
แน่ล่ะ...คำว่า เลือดชั่ว...ผมมีสิทธิ์ตกเป็นจำเลย
เพราะฉะนั้น...ผมขอขมวดเอาไว้ให้ชัดว่า เลือดชั่วที่ว่านี้ เกิดจากเลือดในสติปัญญาของคนชื่อ จำลอง ศรีเมือง ไม่ใช้พิจารณาญาณที่ถูกต้อง ไม่ใช้หลักนิติศาสตร์ในการชุมนุมประท้วง นั่นก็คือพวกสันติอโศกประกาศชุมนุมประท้วงขับไล่ นายสมัคร สุนทรเวช นอกรัฐสภา ว่าไม่ชนะไม่เลิก
การประกาศแบบนี้ ถือได้ว่าเป็นเลือดชั่ว
ถ้าจะพากันชุมนุมแบบเลือดไม่ชั่ว ได้แก่ตัว นายสมัคร สุนทรเวช มีความผิดอย่างร้ายแรงจนไม่อาจปล่อยให้บริหารประเทศชาติต่อไปได้ สันติอโศกจึงยกกำลังออกมาชุมนุมประท้วงขับไล่ ถ้าเป็นเช่นนั้น คงไม่มีใครคัดค้าน
แต่บนข้อเท็จจริงของวันเวลาที่พันธมิตรฯ กับสันติอโศกพากันชุมนุมประท้วง
นายสมัคร สุนทรเวช ยังไม่มีความผิดในตำแหน่งหน้าที่อะไรเลย
เมื่อผมเขียนอย่างนี้ ผมขอขยายความต่อไปว่า คณะสันติอโศกมีพฤติกรรมที่ไม่ดีมาโดยตลอด เช่น บวชเป็นพระ ก็ประกาศไม่ขึ้นกับคณะสงฆ์ เมื่อถูกบังคับให้สละสมณเพศ (ถูกจับสึก) ก็ยังคงทำตัวเป็นพระ...ออกบิณฑบาตเหมือนพระภิกษุสงฆ์ทั่วไป
วันนี้ สันติอโศกกำแหงหาญ ขนเอาสมาชิกบริวารมาตั้งเป็นกองทัพธรรม ยึดถนนราชดำเนินเป็นกองบัญชาการใหญ่...ดังนั้นผมจึงเขียนเอาไว้ว่า “กองทัพธรรมไม่แตกต่างจากโจรก่อการร้าย” เห็นไหมครับ เขาขัดขวางรัฐบาลทุกวิถีทาง
โดยไม่นึกถึงเลยว่าจะเกิดปัญหาอะไรกับประเทศชาติ
ผมจบเอาไว้เพียงเท่านี้ก่อน...ต่อไปยังมีเรื่องถลกหนังอีกเยอะ..!!
สอาด จันทร์ดี