คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์
กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นำโดย สมยศ พฤกษาเกษมสุข ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าจะต้องเคลื่อนไหวกดดันให้ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ที่มีที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย และส่อเข้าช่ายละเมิดพระราชอำนาจ ออกจากการทำหน้าที่ให้ได้
โดยในเบื้องต้นจะมีการนัดหมายทำกิจกรรมกันทุกวันอังคาร และจะเพิ่มความถี่ ความเข้มข้นมากขึ้นเป็นลำดับ ตามความ “หนา” ของผู้ถูกประท้วง
อย่างเมื่อวันอังคารที่ผ่านมากลุ่มต่อต้าน ป.ป.ช. ก็พากันเดินทางไปหน้าที่ทำการ พร้อมกับสื่อด้วยการทุบกระเบื้องอย่างหนา 9 แผ่น และจุดประทัดไล่ 2 พันดอก ที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เดินทางไปกดดัน
ซึ่งยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องเพิ่มจำนวนประทัดเป็นกี่พัน หรือกี่หมื่นดอก
เพราะเท่าที่ดูท่าทีแล้ว ป.ป.ช. ทั้ง 9 คน ยังไม่มีทีท่าว่าจะแสดงสปิริตลาออกง่ายๆ ยังคงเกาะเก้าอี้แน่น และทำท่าว่าจะดึงดันทำงานไปจนครบวาระ 9 ปี
แต่ในขณะที่ตัวเองไม่เคารพกติกา ไม่ยอมออกจากตำแหน่ง และยังใช้ความเป็นนักกฎหมายบิดเบือนให้ตัวเองและพวกพ้องได้รับประโยชน์อยู่นั้น
กลับออกมาจี้ให้ 3 รัฐมนตรีร่วมรัฐบาล ทั้ง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายอนุรักษ์ จุรีมาศ นางอุไรวรรณ เทียนทอง หยุดการปฏิบัติหน้าที่
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วสถานภาพของ 9 ป.ป.ช. กับ 3 รัฐมนตรี มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เริ่มตั้งแต่ที่มา กระบวนการของรัฐมนตรีทั้ง 3 คนนั้น ผ่านระบบการเลือกตั้ง ผ่านกระบวนการทางสภา มาจนถึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง โดยมีเสียงของประชาชนทั่วทั้งประเทศที่ไปใช้สิทธิใช้เสียง รับประกันอยู่อีกชั้นหนึ่ง
เรียกได้ว่ามีที่มาถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ
และเราเรียกกติกาต่างๆ เหล่านี้ว่าระบอบ “ประชาธิปไตย”
ในขณะที่ 9 ป.ป.ช. เกิดขึ้นในสมัยการปฏิวัติรัฐประหาร ที่ชาวบ้านเขาเรียกว่ามาด้วยอำนาจ “เผด็จการ”
มิหนำซ้ำการอ้าง “รัฐาธิปัตย์” ยังส่อว่าจะเป็นการละเมิดพระราชอำนาจ เพราะการปฏิวัตินั้น เป็นเพียงการยึดอำนาจการบริหารประเทศ เป็นการยึดอำนาจจากรัฐบาลเท่านั้น
แต่พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ไม่ได้ถูกยึดไปด้วย หรือพูดแบบชาวบ้านก็คือในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครที่จะสามารถทดแทนองค์พระมหากษัตริย์ได้ ไม่ว่าในเรื่องใดๆ หรือด้วยเหตุผลใดก็ตาม
ซึ่งแม้แต่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่ 9 ป.ป.ช. อ้างว่าเป็นองค์รัฐาธิปัตย์ ก็ยังตระหนักดีในประเด็นดังกล่าว เพราะแม้แต่ตำแหน่งประธาน คมช. ก็ยังต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ
แล้ว ป.ป.ช. เองจะปฏิเสธ เงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญที่บัญญัติให้ ป.ป.ช. เริ่มปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ได้อย่างไร
อีกประการ ตัวหนังสือไทย ภาษาไทยเขียนไว้อย่างไรก็ย่อมแปลตามตัวได้อย่างนั้น เมื่อรัฐธรรมนูญระบุว่าจะต้องมีการโปรดเกล้าฯ ก็ย่อมหมายถึงเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น
เชื่อว่าหากนำเรื่องนี้ย้อนไปถาม พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ว่าได้ทำหน้าที่ตรงนั้นแทนองค์พระมหากษัตริย์ไปแล้วอย่างนั้นหรือเปล่า พล.อ.สนธิ ก็คงต้องรีบตอบปฏิเสธ
เพราะประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ต่างก็รู้กันดีว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันสูงสุด อยู่ในที่ที่คนไทยทั้งประเทศเคารพเทิดทูน ไม่มีใครกล้าคิดอาจเอื้อม
จึงน่าแปลกอยู่ว่าในเมื่อ ป.ป.ช.เองก็เป็นคนไทย ทำไมจึงกล้าออกมาเอ่ยอ้างอย่างนั้นได้
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ก่อนที่จะมารับตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. ทั้ง 9 คน ก็มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีเชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูลกันมาตามสมควร
ทำไมวันนี้จึงละทิ้งหลักการ ไม่เคารพกติกา และยอมที่จะให้ชื่อเสียงที่สั่งสมมานานมาเสียหายเอาตอนแก่
มันคุ้มค่าหรือไม่ที่จะนั่งให้ผู้คนก่นด่า ให้ผู้คนประณามว่าห่วงผลประโยชน์มากกว่านิยมความถูกต้อง
และคุ้มหรือไม่ที่ต้องให้ผู้คนมาขับไล่พ้นตำแหน่งทุกวี่ทุกวัน
เหมือนอย่างเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา การประท้วงด้วยกระเบื้องอย่างหนา เป็นการสื่อตรงๆ ที่ทำให้คนฟังมองเห็นภาพและคล้อยตามได้ง่ายๆ
ในสัปดาห์หน้า ถ้า 9 ป.ป.ช. ยังไม่ยอมออกไป ก็อาจจะมีพิธีปล่อยเหี้ย หรือตัวเงินตัวทอง 9 ตัว ที่ตอนนี้มีคนตระเตรียมไว้ให้เป็นที่เรียบร้อย
ส่วนจะเป็นการปล่อยเอาฤกษ์เอาชัย หรือเพื่อสื่อความหมายอย่างไร...
คงต้องติดตามเรื่องราวของเหี้ย 9 ตัว กันต่อไป...!!
บิ๊กโบ๊ต