จากกรณีเกิดการปะทะกันของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มคนรักอุดร ที่เป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่องได้มีการตั้งข้อสังเกตและมีการตั้งข้อสงสัยกันอย่างกว้างขวาง ว่ากลุ่มใดเป็นผู้ก่อเหตุและลงมือยั่วยุกันแน่ เนื่องจากมีรายงานอ้างว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ได้มีการจัดคนไปในจังหวัดต่างๆ ที่มีคนต่อต้านพันธมิตรฯ โดยมีเจตนาให้เกิดการปะทะ เกิดความรุนแรง เพื่อเป็นชนวนในการโจมตีขับไล่รัฐบาล ซึ่งสอดคล้องกับการที่พบว่าผู้บาดเจ็บที่เป็นฝ่ายพันธมิตรฯ มีทั้งคน จ.นนทบุรี คน จ.ตรัง ไม่ใช่คนในพื้นที่เหมือนอย่างกลุ่มที่ออกมาต่อต้านและระบุว่าไม่ต้องการเห็นคนที่อื่นมาสร้างความแตกแยก
ขณะเดียวกันในกรณีที่มีคนพยายามเชื่อมโยงถึงรัฐบาล อันเนื่องมาจาก นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร นักจัดรายการชื่อดัง มีตำแหน่งเป็นข้าราชการการเมืองกินเงินเดือน 27,000 บาท นั้น นายขวัญขัยได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยระบุว่าไม่อยากให้เกิดผลกระทบกับรัฐบาล เพราะการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาเป็นไปในนามส่วนตัว และจากนี้ก็จะขอทำบทบาทในการต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ต่อไป
ส่วนทางด้าน นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำสมาพันธ์ประชาธิปไตย ที่ตกเป็นข่าวว่าเข้าไปเกี่ยวข้อง ดังที่ปรากฏบนเว็บไซต์หนังสือพิมพ์มติชนเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาสัมภาษณ์ นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทย์สภา ระบุว่า นพ.เหวง โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีชื่นชมกับชมรมคนรักอุดร และอาจจะต้องมีการนำเรื่องเข้าคณะอนุกรรมการจริยธรรมเพื่อพิจารณาว่ามีความผิดหรือไม่ เนื่องจากเกรงว่าจะขัดต่อจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์นั้น
นพ.เหวง ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่เคยโทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับชมรมคนรักอุดรเลย และไม่ได้มีความคิดสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรงในการกระทำต่อฝ่ายที่มีความคิดเห็นต่างกัน ไม่ได้มีการสนับสนุนให้มีการตีกันหรือปะทะกันด้วยกำลังอาวุธโดยเด็ดขาด
“ผมขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการต่อผู้ที่กระทำผิดไปตามกฎหมายบ้านเมืองอย่างเข้มงวดเท่าเทียมและเป็นธรรม เพราะบ้านเมืองต้องมีขื่อมีแป กฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์ ตลอดชีวิตในการต่อสู้เผด็จการเพื่อประชาธิปไตยตั้งแต่ประมาณปี 2511 ผมก็ยึดหลักการต่อสู้ด้วยสันติวิธีมาโดยตลอด”
อย่างไรก็ตาม นพ.เหวง กล่าวยินดีที่จะเข้าไปชี้แจงกรณีดังกล่าวทุกประการ หากทางแพทยสภาต้องการให้เข้าไปรับฟังการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการจริยธรรม
ในขณะที่ม็อบพันธมิตรฯ ก็กำลังเร่งปลุกระดมผู้คนอย่างหนัก สอดรับกับกระแสข่าวว่าจะเผด็จศึกรัฐบาลให้ได้ในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ โดยจะมีการระดมคนจากจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะในภาคใต้ ที่มีคนของพรรคการเมืองบางพรรคเป็นผู้รับหน้าเสื่อเกณฑ์คนเข้ากรุงเทพฯ โดยบางจังหวัดที่มี ส.ส.เป็นนักธุรกิจใหญ่ มีการรับปากว่าจะมีคนเดินทางมาร่วมการชุมนุมถึง 24 คันรถบัส เช่นเดียวกับกลุ่มพันธมิตรฯ นครศรีธรรมราช ที่มีการนัดหมายเดินทางกันแล้วประมาณ 100 คน
พร้อมกันนี้บนเวทีปราศรัยก็ยังมีการปลุกระดมความรู้สึกบรรดาสาวกอย่างหนัก โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำ ที่อยู่ระหว่างการประกันตัวในคดีหมิ่นเบื้องสูง ได้เปิดฉากปราศรัยอย่างบ้าคลั่ง มีการปลุกระดม ด่าทอด้วยถ้อยคำและเนื้อหาที่รุนแรง
รวมทั้งปลุกกระแสคลั่งชาติประเด็นเขาพระวิหาร ชี้ชวนให้ทหารนำเครื่องเอฟ-16 ออกมาบินกดดันกัมพูชา เพิ่มทหารตามแนวชายแดน และนำเอาเรือรบไปปิดอ่าว ซึ่งประเด็นต่างๆ เหล่านี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าจะเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และจะเป็นการทำลายบรรยากาศการเจรจาของ 2 ประเทศ ที่กำลังดำเนินไปด้วยดี
ท้งนี้ มีรายงานข่าวด้วยว่าอาจจะมีกลุ่มคนที่ไม่พอใจการแสดงบทบาทที่หมิ่นเหม่ของนายสนธิ บนเวทีพันธมิตรฯ จะยื่นหนังสือร้องเรียนต่อบ.ชน. ให้มีการถอนการประกันตัวนายสนธิ ในคดีหมิ่นเบื้องสูง ด้วย
เพื่อไทย
Wednesday, July 30, 2008
‘สนธิ’ท่าจะเพี้ยนประกาศสงครามชิงเขาพระวิหาร
“ขวัญชัย ไพรพนา” ไขก๊อกพ้นตำแหน่งข้าราชการการเมือง ระบุไม่อยากตกเป็นเครื่องมือพาดพิงสร้างความเสียหายให้รัฐบาล พร้อมประกาศเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ได้อย่างเต็มที่ ตั้งข้อสงสัยทำไมม็อบพันธมิตรฯ มีแต่คนต่างถิ่น สอดรับกับข่าวจงใจส่งคนไปป่วนในพื้นที่ที่มีคนไม่ต้อนรับ ด้าน “สนธิ” หนักข้อขึ้นทุกวัน ออกมาประกาศสงครามท้ารบกัมพูชาทวงคืนเขาพระวิหาร ทำลายบรรยากาศการเจรจาที่กำลังดำเนินไปด้วยดี