WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, July 31, 2008

จับตา “มาเฟียยาบ้า” หมูไปไก่มาผ่านผู้ไม่หวังดีจ้อง...“ล้มรัฐบาล”

คอลัมน์: ตะแกรงข่าว

ปัญหายาเสพติดในขณะนี้ ต้องยอมรับว่ารุนแรงมากครับ มีการระบาดเข้าไปทุกแห่งหน ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ต้องรับพิษภัย มีเพียงไม่กี่คนที่เสวยสุขบนมหันตภัยของเพื่อนมนุษย์ ทำให้หลายคนคิดถึง “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กล้าประกาศสงครามกับยาเสพติด ปฏิบัติการอย่างเอาจริงเอาจังและต่อเนื่อง

คงจำกันได้ว่า รัฐบาลไทยรักไทยที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ใช้มาตรการ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” กับวายร้ายในขบวนการค้ายาบ้า จนสถานการณ์เบาบางลงไปทันตาเห็น เป็นผลงานที่เห็นเป็นรูปธรรม แม้จะถูกผู้สูญเสียผลประโยชน์ออกมากล่าวหารัฐบาลในขณะนั้นว่า เป็นการจับกุมแบบหว่านแห

ผมจำได้ว่า ตอนนั้นรัฐบาลมีมาตรการแนวทางการปฏิบัติหลายอย่างออกมาเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามผู้ค้าและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับยาบ้าอย่างเฉียบขาด การประสานขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นแหล่งผลิตยาบ้า และเป็นแหล่งที่มีการผลิตสารตั้งต้นในการผลิตยาบ้า เพื่อป้องกันไม่ให้มีการผลิตและขนเข้ามาจำหน่ายในประเทศ นับว่าเป็นที่ถูกอกถูกใจประชาชนทุกระดับชั้น โดยมีฝ่ายปกครองและตำรวจ รับลูกไปดำเนินการอย่างจริงจัง

การกลับมาของยาบ้าในวันนี้น่าเป็นห่วงจริงๆ ครับ เพราะมีปริมาณเพิ่มขึ้นทั้ง “ผู้เสพและผู้ขาย” ทั้งในกรุงเทพฯ ในเมืองใหญ่ๆ และในชุมชนท้องถิ่น มีข่าวการจับกุมมาเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ครั้งละเป็นหมื่นเป็นแสนเม็ด ที่เล็ดลอดไปได้อีกไม่รู้เท่าไร ที่ยังวนเวียนอยู่ในเมืองไทย เพื่อจำหน่ายให้ผู้เสพที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น และแน่นอนว่า ได้สร้างผลประโยชน์ให้กับ “มาเฟียยาบ้า” อย่างมหาศาล และสามารถเชิดหน้าอยู่ในสังคม ในสภาพฉากหน้าของคนที่เป็นผู้ใจบุญบริจาคเงินครั้งละมากๆ

เงินที่ได้จากการค้ายาบ้านี่แหละ ที่วายร้ายเหล่านี้สามารถซื้อทุกอย่าง จนความเป็นธรรมต้องยุติลง เพื่อไม่ให้ภัยมาถึงตัว ไม่แปลกอะไรที่จะยอมทุ่มเงินจำนวนมากมายมหาศาล เพื่อเข้าร่วมอยู่ในขบวนการที่ประกาศตัวว่า เป็นคนรักชาติ ต้องการกู้ชาติกู้บ้านเมืองให้พ้นจากหายนะ

ที่น่าห่วงคือ มีเด็กและเยาวชนเข้าไปเป็น “ทาสยาบ้า” มากขึ้น ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะในยามที่มีปัญหาทางด้านค่าครองชีพที่สูงขึ้น ต้องอยู่กันอย่างปากกัดตีนถีบ ต้องเอาชีวิตให้รอดไปวันๆ ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่บอบช้ำจากรัฐบาลที่แล้ว

สิ่งที่อุบัติขึ้นในสังคม เป็นปรอทวัดสถานการณ์ที่เกี่ยวกับยาบ้ายานรก คือมีเด็กผู้หญิงเดินมาสู่เส้นทางวิบัตินี้เป็นจำนวนมาก ทั้งอยากลองเองเพราะความอยากรู้ อยากสัมผัส หรือการเห็นดีเห็นงามตามที่ถูกเพื่อนชักจูงก็ตาม ด้วยการใช้ยาบ้า มาทำให้มีความกล้าที่จะเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้เงินมาซื้อยาบ้า หรือสิ่งที่เป็นความต้องการอื่นๆ

เราจึงเห็นเด็กที่เป็นทาสยาบ้ายานรก มาขายตัวกันมากขึ้น พบแม้กระทั่งแม่เล้าอายุน้อยๆ ที่รวบรวมเด็กอายุ 13-14 ปี มาอยู่ในสังกัด ออกเร่ขายบริการทางเพศเกิดขึ้นในสังคมนี้

มีการศึกษาพบว่า การใช้ยาบ้าในปริมาณเล็กน้อยในระยะแรก ทำให้ร่างกายเกิดความรู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ทำงานมากกว่าปกติ มีอารมณ์คึกคะนอง อยากลอง

ผลเหล่านี้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ยาบ้าช่วยเพิ่มพลังทางเพศ

ถ้าใช้ติดต่อกันนานเข้า ผู้เสพต้องเพิ่มปริมาณ เพื่อให้ได้ผลใกล้เคียงกับเมื่อเริ่มเสพในครั้งแรก ผลที่ได้รับคือ มีอาการทางประสาทและทางจิตตามมา

พิษภัยของยาบ้ามีการโยงใยไปถึงเพศสัมพันธ์ เนื่องจากผู้เสพกล้าพบปะกับผู้คนมากขึ้น ทำให้กล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ หรือคิดว่าไม่ควรทำ รวมทั้งทำให้ความกังวลน้อยลงในการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เมื่อมีครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2-3-4-5 ก็ตามมา จนมองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่หารู้ไม่ว่า วันเวลาที่ผ่านไปได้สะสมพิษภัยให้กับตัวเอง และได้สร้างปัญหาให้กับสังคม

เด็กผู้ชายก็ไม่ต่างไปจากนี้หรอกครับ ที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อได้เงินจากผู้ชายที่ชอบไม้ป่าเดียวกัน ทั้งคนไทยและต่างประเทศ มาใช้จ่าย มาซื้อยาบ้ายานรกนี้เสพ

ที่ตอกย้ำว่าสังคมขณะนี้ฟอนเฟะมีปัญหาจริงๆ คือ การจับกุมแม่ที่ค้ายาบ้า อ้างว่าหาเงินส่งเสียให้ลูกเรียนครับ
นี่เป็นสัญญาณอันตรายของประเทศ เยาวชนที่จะมาเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต้องตกเป็นทาสยาเสพติด โอกาสที่จะเล่าเรียนเป็นอันปิดประตูไป เมื่อติดยาบ้า ก็ต้องหาทางให้ได้มาเสพจนได้ กล้าทำในสิ่งที่รู้ว่าผิดกฎหมาย

นี่ถือเป็นมหันตภัยของสังคม ที่จะต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายในการแก้ปัญหานี้ให้ได้

ย้อนกลับไปดูการปราบปรามยาบ้าในปี 2546 “สวนดุสิตโพล” ทำการสำรวจในรอบ 3 เดือน ระหว่างวันที่ 25 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2546 มีผลออกมาดังนี้

1.พอใจ 56.1% เพราะเป็นวิธีการที่เด็ดขาดฉับไว มีผลปราบปรามที่ทันใจ ปราบปรามได้ดีไม่เว้นผู้มีอิทธิพล 2.ค่อนข้างพอใจ 38.04% เพราะมีผลงานอย่างต่อเนื่อง มีการจับกุมผู้เสพผู้ค้าได้จำนวนมาก 3.เฉยๆ 3.18% เพราะควรทำมานานแล้ว เป็นสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขอยู่แล้ว 4.ไม่พอใจ 2.57% เพราะเจ้าหน้าที่บางคนจับกุมผู้บริสุทธิ์ไปเป็นผู้ต้องหา ทำไปเพื่อสร้างผลงานให้ตัวเอง

เมื่อถามว่า ประชาชนคิดว่าความสำเร็จในการปราบปรามยาบ้า ควรยกให้กับบุคคลใด
1.นายกรัฐมนตรี 37.22% 2.ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง 18.61% 3.ประชาชนทุกคน 17.98% 4.ตำรวจ 15.11% 5.คณะรัฐบาล 11.08%

มาถึงคำถามการปราบปรามยาบ้าให้สิ้นซาก

1.ทำต่อไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรทำๆ หยุดๆ 30.20% 2.มีบทลงโทษที่รุนแรงเด็ดขาดกว่านี้ 21.96% 3.ต้องพยายามสืบให้ถึงต้นตอ/ตัวการใหญ่/ปราบผู้มีอิทธิพล ผู้ค้ารายใหญ่ด้วย 20.06% 4.ประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการต่อต้านยาเสพติดทุกชนิด 15.21% 5.ควรปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีเรื่องยาเสพติด ให้ความรู้ถึงคุณและโทษของยาเสพติดอย่างจริงจัง 6.89% 6.อื่นๆ เช่น ผู้เสพควรได้รับการบำบัดอย่างจริงจัง รักษาผู้เสพให้หายขาด 5.68%

จึงไม่แปลกที่จะมีคนคิดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะยอมรับในผลงาน และต้องการคนมาสานต่อ เพื่อให้การแพร่ระบาดของยาบ้าลดลง

ขอฝากไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ ได้โปรดรับเรื่องนี้ไปทำให้จริงจังเสียทีเถอะครับ อย่าเอาอย่างใครบางคนที่รู้ทางข่าวดี มาตีกินว่าตัวเองนี่เก่งกาจเหลือหลาย รู้จักตัวการที่ผลิตยานรกนี้ มาหลอกกันอีกเลย

อย่ายอมให้คนในขบวนการค้ายาบ้า ลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้ เพราะให้การสนับสนุนกลุ่มคนที่ไม่หวังดีต่อรัฐบาลและประเทศชาติอย่างที่เคยทำกันมา

ถ้ารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่จัดการปราบปรามอย่างจริงจังในตอนนั้น ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้จะมีเยาวชนที่ไม่ติดยาบ้าเหลืออยู่มากน้อยแค่ไหน

ว่ากันว่า การปราบปรามอย่างเอาจริงเอาจัง ได้ทำลายขุมประโยชน์ของ “มาเฟียยาบ้า” เป็นหมื่นล้าน จึงยอมทุ่มเงินล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลงให้ได้ เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ผลประโยชน์ของตัวเองอยู่ได้ โดยยืมมือคนที่ไม่หวังดีมาเป็นเครื่องมือ

วันนั้น...การ “ฆ่าตัดตอน” เป็นกลยุทธ์หนึ่งในการนำมาใช้ยับยั้งการปราบปรามอย่างจริงจัง

วันนี้...ก็เชื่อว่ายังใช้วิธีการนี้อยู่ ก็แค่หมูไปไก่มา ธรรมด๊า...ธรรมดา ไม่มีอะไรซับซ้อน

อัฐศิริ