WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, July 29, 2008

ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา : บทเรียนคนปากไม่มีหูรูด

คอลัมน์ : รายงานพิเศษ

ลักษณะเหมือน “เจ้าลัทธิ” ไปแล้วทุกวัน สำหรับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล

ภาพผู้ชุมนุมที่พากันร้องห่มร้องไห้เมื่อแกนนำของตัวเองถูกออกหมายจับ โทษฐานมีถ้อยคำปราศรัยที่เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มันชวนให้สงสัยและขนลุกไปพร้อมๆ กันว่า พวกเขากำลังรู้สึกอะไร และนายสนธิเป็นใคร

ถ้ามั่นใจว่าไม่มีความผิด แล้วทำไมต้องตีบทโศกกันไปก่อน ราวกับจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกแล้วในโลกนี้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าลัทธิลิ้มออกอาการ “ปากพล่อย”

โทษผิดทางกฎหมายเกี่ยวกับการพูดจาพาดพิงใส่ร้ายผู้อื่น ก็มีติดตัวเป็นหางว่าว

แต่เพราะความสามารถในการเป่ากระหม่อมเสกคาถาหรืออย่างไรไม่ทราบได้ จึงยังมีผู้คนมากมายยินยอมพร้อมเคียงข้าง เพื่อสร้างความชอบธรรมและยิ่งใหญ่ให้อยู่เสมอ

และนั่นก็ยิ่งทำให้เหิมเกริม ไม่ติดหูรูดที่ปากอีกต่อไป

นึกอยากจะพูดโกหกตอแหลแค่ไหนก็พูดได้ อย่างไม่เกรงกลัวว่าจะเสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง

ก็ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่ถึงขนาดมี “รถถัง” หนุนหลัง...แล้วยังจะกลัวอะไรอีก

โรคปากไม่มีหูรูดนี้ ยังเผื่อแผ่เจือจานไปถึงมือซ้ายมือขวารอบข้างอย่างทั่วถึงกัน และทำเป็นกระบวนการอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ออกอากาศทุกวันผ่านจานดาวเทียม

ใครคิดเห็นไม่เหมือนกับตัวเอง เป็นได้เข้าสู่ทำเนียบแห่งการบิดเบือนความจริงของนายลิ้ม ลูกน้องนายลิ้ม และสื่อนายลิ้มทั้งสิ้น

เป็นแค่คนสองคนยังพอเข้าใจ แต่เป็นกันทีละมากๆ และหลายคนยังดูเหมือนจะฉลาด คิดไตร่ตรองเองได้

แต่ก็ไม่รู้ทำไม พร้อมใจกันหน้ามืดตามัว เดินหลงเข้าสู่กระบวนการนี้กันหมด

อาการผยอง ลำพอง จนคิดว่าจะสั่งประเทศไทยซ้ายหันขวาหันได้ดังใจนี้ ปรากฏออกมาให้เห็นโดยตลอดและต่อเนื่อง

ถึงกับขนาดจะสั่ง “กองทัพ” ให้ทำรัฐประหาร...ก็ผ่านมาแล้ว

ล่าสุด กล้าแม้กระทั่งเอาคำพูดที่ตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจว่า “หมิ่นเหม่” มาประกาศซ้ำปาวๆ อยู่บนเวทีของตัวเอง

งานนี้จะอ้างว่าเป็นปากคนอื่นพูด ก็อ้างไม่ขึ้นเสียแล้ว

เหตุเดียวที่ตัวเองไม่ยั้งคิด ไม่เกรงกลัวความผิด ก็เพราะหลงคิดไปว่า ตัวเองเป็นเจ้าของประเทศนี้ นึกจะพูดอะไรก็พูดได้

พูดพล่อยมาตั้งไม่รู้เท่าไร ยังรอดมาได้จนป่านนี้

เพียงแต่หนนี้ไม่มีโอกาสให้ปากมากได้อีก เมื่อปากที่หนึ่งโดนดำเนินคดี ปากที่สองอย่างนายสนธิก็จำต้องโดนด้วย ไม่อาจทำสองมาตรฐาน

ก็ได้แต่หวังว่าเจ้าพนักงานจะไม่สองมาตรฐานจริงเหมือนดังที่กล่าวออกมา

เพราะเบื้องต้น แม้แต่กระบวนการพาตัวมาที่โรงพัก หรือกระทั่งการยินยอมให้ประกันตัว ก็ทำประชาชนจำนวนมากไม่ค่อยสบายใจแล้วว่า มาตรฐานจะไม่เท่ากัน

นอกจากคดีสำคัญนี้แล้ว นายสนธิก็ยังพาดพิงอย่างไร้นำหนัก ไร้ความรับผิดชอบ ไปยังอดีตนักการเมืองบางคนด้วยอีก...

เชื่อมโยงว่ามีความเกี่ยวพัน สนับสนุนอยู่เบื้องหลังผู้ที่ดูหมิ่นเบื้องสูง

เข้าตำราจับแพะชนแกะอีกคำรบหนึ่ง

งานนี้เจ้าทุกข์จึงต้องพึ่งพากระบวนการยุติธรรม ให้คนปากเสียหุบปากไปตามระเบียบ

แต่ดูประวัติแล้ว แค่หุบปากชั่วคราวไม่น่าจะพอ

ควรใช้กฎหมายดำเนินมาตรการเพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่คนทั้งประเทศได้เห็นอีกด้วย

ว่าคนเรา พูดก็พูดได้ แต่ต้องรับผิดชอบ

และยิ่งพูดอย่างรู้แก่ใจว่ากำลังโกหกพกลม

ยิ่งต้องเพิ่มความรับผิดชอบเป็นเท่าทวีคูณ