คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์
ต้องถือว่าเป็นความโชคดีของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ตามประสาคนที่ดวงกำลังขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ใครต่อใครมองกันว่าใกล้วิกฤติ เมื่อ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ประกาศลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แถมยังโมเมว่า พรรคเพื่อแผ่นดินจะถอนยวงจากรัฐบาล ทำให้สมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดิน ออกมาตอบโต้ทันควันว่า การประกาศของนายสุวิทย์ไม่ได้เป็นมติพรรคแต่อย่างใด
วันนี้ แม้สถานภาพการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินของ นายสุวิทย์ คุณกิตติ ยังดำรงอยู่ แต่ในทางพฤตินัย ต้องถือว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ สิ้นสภาพการเป็นหัวหน้าพรรคไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อสมาชิกพรรคส่วนใหญ่ไม่ยอมรับสิ่งที่นายสุวิทย์โมเมให้ตื่นเต้นในวันที่ประกาศลาออก
ซึ่งถือว่าเป็นการซ้ำเติมให้สถานการณ์การเมืองที่เริ่มจะดูดีขึ้นมา เมื่อนายกฯ สมัคร สุนทรเวช เตรียมปรับคณะรัฐมนตรีล็อตใหญ่ เพื่อให้ภาพดูดีขึ้นกว่าเดิม โดยการขอพระราชทานตัว นายเตช บุนนาค จากที่ปรึกษาสำนักงานราชเลขาธิการ มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เข้าทำนองจุดไฟเผาบ้านที่ตัวเองเคยใช้เป็นที่ซุกหัวนอน ก่อนจะเดินออกไป
ไม่ต่างจากกลุ่มงูเห่า ที่มี นายวัฒนา อัศวเหม ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นพญางู ก่อกำเนิดขึ้นมาในพรรคประชากรไทย เมื่อครั้งที่ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรค
พฤติกรรมของนายสุวิทย์วันนี้ จึงถูกเรียกขานกันว่า “งูเห่า ภาค 2”
เหตุผลสามสี่ข้อที่นายสุวิทย์ยกขึ้นมาอ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองนั้น ไม่สมเหตุสมผลเลยกับสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ ในเมื่อสถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งได้ตั้งโต๊ะเจรจากันมาแล้ว 2 ครั้ง และวันนี้ประเทศไทยยังไม่ได้เสียดินแดนแต่อย่างใด หรือปัญหาเศรษฐกิจวันนี้ หลังจากรัฐบาลได้ประกาศนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน ผลสำรวจของโพลสำนักต่างๆ ออกมาชัดเจนแล้วว่า สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ระดับหนึ่ง ซึ่งยังมีอีกหลายมาตรการที่รัฐบาลจะนำออกมาแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติ
จะมีอยู่เพียงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับหน้าแหลมฟันดำ ที่นายสุวิทย์ยกขึ้นมาอ้างเพื่อเอาความดีใส่ตัว โยนชั่วให้คนอื่นว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มากกว่าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของประชาชน
ใครก็ตามที่สนใจการเมือง เมื่อได้ฟังเหตุผลนี้ จะต้องถามนายสุวิทย์ว่า ในวันที่นายกฯ สมัคร สุนทรเวช นัดหัวหน้าพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลไปรับประทานอาหารกันก่อนปิดสมัยประชุมสภานั้น นายสุวิทย์นั่งไฝเหนือริมฝีปากกระดิกอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะมอบให้เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ
นอกจากนั้น วันนี้ พรรคเพื่อแผ่นดินก็เป็นอีกพรรคหนึ่งที่จะถูกยุบพรรค เมื่อ นายนพดล พลซื่อ อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด กรรมการบริหารพรรค ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. สอยด้วยใบแดง
เออ...ถ้านายสุวิทย์บอกว่า ที่ต้องตัดสินใจคนเดียว ประกาศลาออกโดยโมเมแอบอ้างเป็นมติพรรคจะถอนยวงออกจากรัฐบาล เพราะตอนนี้ยิ่งนานวันลายเริ่มออก มีข่าวแว่วๆ มาบ้างแล้วว่า กำลังจะถูกจับได้คาหนังคาเขาในการเล่นบทตีสองหน้า ทำตัวเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาล เป็นเหตุผลที่พอฟังได้ในการลาออก
เออ...ถ้าบอกว่าในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ จะให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หรือรองนายกรัฐมนตรี เพียงตำแหน่งเดียว หรืออาจจะต้องเขี่ยพ้นไปเลย จึงต้องตัดสินใจลาออกก่อน ก็เป็นเหตุผลที่พอรับฟังได้
ซึ่งในความเป็นจริง นายสุวิทย์น่าจะสำเหนียกสำนึกได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้ใครชี้ทางสว่างให้ตาเห็นทางธรรม โดยไม่ต้องนุ่งขาวห่มขาว ให้พระทำพิธีบังสุกุลเป็นบังสุกุลตาย อย่างที่นายสุวิทย์เคยทำมาแล้วว่า ตั้งแต่เป็น ส.ส. สอบตก แม้จะยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ แต่ความสง่างามไม่มีมานานแล้ว
หรือที่เรียกกันว่า ไม่มีไพ่ในมือให้เล่นมาตั้งนานแล้ว
นายสุวิทย์ผ่านสนามการเมืองมานาน น่าจะสำนึกได้ว่า การที่เป็น ส.ส. สอบตกไม่เป็นท่า เพราะคนขอนแก่นต้องการจะดัดสันดานคนที่เห็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เพลี่ยงพล้ำ แล้วกระโดดหนี
มิหนำซ้ำยังหลงตัวเอง ประกาศตัวจะเป็นคนสายเลือดอีสานคนแรกที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมั่นใจแรงหนุนจากเผด็จการที่กุมอำนาจรัฐอยู่ในขณะนั้น
ดังนั้น การลาออกของนายสุวิทย์ไม่ใช่เรื่องตื่นเต้นอะไร เพราะไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะยกมือในสภา ในทางกลับกัน เป็นความโชคดีของ นายสมัคร สุนทรเวช ที่คนประเภทนี้พ้นไปจากคณะรัฐมนตรี
ต่อมสปิริตของ นายสุวิทย์ คุณกิตติ น่าจะกระตุ้นให้สำนึกตั้งแต่วันแรกที่เป็น ส.ส. สอบตกในระบบเขตเลือกตั้ง ในพื้นที่ที่ตัวเองเคยเป็น ส.ส. มาหลายสมัย น่าจะละอายใจมานานแล้ว
เอกฉัตร